ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 200

สรุปบท ตอนที่ 200 สาวน้อยติดเล่นอินเทอร์เน็ต: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 200 สาวน้อยติดเล่นอินเทอร์เน็ต – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 200 สาวน้อยติดเล่นอินเทอร์เน็ต ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 200 สาวน้อยติดเล่นอินเทอร์เน็ต

สาวน้อยโลลิก็ไม่ได้ไปไหนไกล แต่หาไหเหล้าจีนใบใหญ่มาจากบ้านของคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ โจวเจ๋อตอนแรกยังกังวลว่าไหเหล้าจีนจะมิดชิดพอหรือไม่ จากนั้นก็ถึงเวลาพิสูจน์สิ่งมหัศจรรย์แล้ว

สาวน้อยโลลิหาหน้าว่างของสมุดการบ้านในกระเป๋า ก่อนจะฉีกออกมาหนึ่งแผ่น แล้วทำท่าทีบอกให้โจวเจ๋อวางดอกพลับพลึงแดงเข้าไป จากนั้นเธอจึงหยิบกระดาษแตะน้ำลายที่ลิ้นของตัวเองแล้วแปะลงไป แปะวนหนึ่งรอบเต็มๆ จากนั้นจึงตบมือแปะๆ แล้วหยิบขวดน้ำขวดหนึ่งมาจากในรถดื่ม ‘อึกๆๆๆ’ เข้าไป ดูท่าแล้วน่าจะเติมน้ำที่สูญเสียไปเมื่อครู่

โอเค โจวเจ๋อรู้ว่าลิ้นของสาวน้อยโลลิสามารถยื่นขยายได้ยาวมากๆ แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำลายที่อยู่บนลิ้นมีประสิทธิภาพด้านนี้ด้วย ในเมื่อสาวน้อยโลลิบอกว่าปิดได้มิดชิดไม่มีปัญหา โจวเจ๋อจึงไม่คิดมากอีก

ระหว่างทางกลับ โจวเจ๋อเป็นคนขับรถ เพราะสวี่ชิงหล่างกำลังสลบอยู่ นอนแผ่หลาอยู่ที่เบาะหลังรถ และดูเหมือนกำลังนอนหลับฝันหวาน เหมือนคนที่ดื่มเหล้าเมา แน่นอนว่าเป็นผลพวงมาจากการที่สาวน้อยโลลิทำให้เขาสลบไป ถ้าหากตอนนี้เขายังมีสติอยู่ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำเรื่องอุจาดตาอะไรหรือเปล่า

ผลลัพธ์ที่ได้จากเจ้าสิ่งนี้สำหรับคนธรรมดาแล้ว เหนือกว่ายาประเภทกล่อมประสาทที่ทุกคนรู้จักทั้งหมดในโลกใบนี้ และไม่ใช่สิ่งของที่จัดอยู่ในระดับขั้นเดียวกันอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางกลับโจวเจ๋อระมัดระวังเป็นอย่างมาก โชคดีที่ไม่เจอตำรวจ ไม่อย่างนั้นคงตลกหากเจอข้อหาไม่มีใบขับขี่อีก

เขาไปส่งสาวน้อยโลลิกลับบ้านก่อน รถขับมาจอดที่ด้านนอกเขตหมู่บ้านของหวังเคอ

สาวน้อยโลลินั่งอยู่ข้างคนขับ หลังจากจอดรถแล้วเธอไม่ได้รีบร้อนลงจากรถ แต่มองไหเหล้าจีนที่อยูใต้เท้าของโจวเจ๋ออีกที แล้วแลบลิ้นเลียปาก

“ผมสงสัยมาก ก่อนหน้านั้นคุณแก้ปัญหาการกินข้าวยังไง” โจวเจ๋อถาม

“นี่คือสาเหตุที่พวกเรายมทูตส่วนใหญ่ต้องเลือกร่างเข้าสิง เวลาของพวกเราส่วนใหญ่คือนอนหลับ และเจ้าของร่างก็ใช้ชีวิตของตัวเองไป วิญาณทั้งสองอาศัยอยู่ในร่างเดียวกัน ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อการกินข้าวและนอนหลับของเจ้าของร่าง”

โจวเจ๋อพยักหน้า เขาเข้าใจแล้ว เพราะว่าตัวเองเป็นผู้หลบหนีออกมา ถึงแม้ว่าจะได้เป็นยมทูตโดยบังเอิญ แต่เจ้าของเดิมของร่างนี้ก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นถึงแม้เขาจะเป็นผู้อาศัยแต่ก็เป็นเจ้าของร่างในเวลาเดียวกัน ดังนั้นตัวเองจึงไม่สามารถหลับลึกเพื่อให้วิญญาณอีกตนหนึ่งไปกินข้าว นอนหลับ หรือเข้าห้องน้ำได้

“อย่างนั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้อันนี้ถึงจะถูก” โจวเจ๋อถาม

สาวน้อยโลลิเหลือบตามองโจวเจ๋อหนึ่งที แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าก็เคยมีชีวิตมาก่อน”

“ผมรู้” ผีทุกตนล้วนเคยเป็นคนมาก่อน

“ดังนั้น ข้าก็เคยใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไปมาก่อน และเคยกินข้าว”

“อ้อ เข้าใจแล้ว”

“ดังนั้น ข้าเองก็รู้สึกอยากกิน และอยากให้ตัวเองได้ลิ้มรสอร่อยเวลาที่ตัวเองตื่นมา!”

สาวน้อยโลลิพูดรวดเดียวจบ จากนั้นใช้สองมือกอดอกแล้วนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความขุ่นเคือง

“โอเค เดี๋ยวผมทำเสร็จแล้วจะแบ่งให้คุณหนึ่งส่วน ถ้าคุณมีเวลาก็ไปรับที่ร้านหนังสือได้เลย” โจวเจ๋อยื่นมือลูบศีรษะของเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้สาวน้อยโลลิไม่ได้ขัดขืน

“ฝากทักทายพ่อของคุณให้ผมด้วย” โจวเจ๋อโบกมือให้สาวน้อยโลลิ แล้วมองดูสาวน้อยโลลิเดินเข้าไปในหมู่บ้าน อันที่จริงเขาไม่ได้ติดต่อหวังเคอนานแล้วเหมือนกัน

ครั้งที่แล้วที่หวังเคอแนะนำลูกค้าให้ตัวเอง ผลปรากฏว่าเป็นผู้หญิงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับหวังเคอ

ดังนั้นโจวเจ๋อพบว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้น้ำใจคนหนึ่ง หลังจากเพื่อนที่โตมาด้วยกันได้เข้าสู่วัยทำงานก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย ทำให้รู้จักกันน้อยมาก ความสัมพันธ์เบาบาง แน่นอนว่ายังมีบ้านของหมอหลินอีก โจวเจ๋อก็ขี้เกียจที่จะคิดมาก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์เราต้องรู้จักทบทวนตัวเอง

โจวเจ๋อหัวเราะ ทบทวนตัวเองน่าเบื่อเกินไป รีบกลับไปจัดการเจ้าสิ่งนี้น่าจะดีกว่า พอคิดว่าต่อไปเวลากินข้าวไม่ต้องกลืนเอื้อกๆ เข้าไปสามารถกินอย่างช้าๆ ได้แล้ว ชีวิตของเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความหวัง

โจวเจ๋อก็เคยถามสาวน้อยโลลิในเมื่อคุณสามารถเข้าออกนรกได้ตลอดเวลา ทำไมถึงไม่เด็ดดอกพลับพลึงแดงกลับมาเสียหน่อย สาวน้อยโลลิจึงมองเขาราวกับมองคนโง่

ทางเดินน้ำพุเหลืองมีดวงตากี่คู่คอยจ้องมองอยู่ คุณเป็นแค่ยมทูตตัวเล็กๆ จะวิ่งลงไปเพื่อเก็บดอกพลับพลึงแดงแล้วค่อยขึ้นมาใหม่เหรอ อยากตายเร็วหรือไง

พอกลับมาถึงร้านหนังสือ นักพรตเฒ่ากำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูร้านพอดี โจวเจ๋อแสดงท่าทางให้เขามาช่วยหามสวี่ชิงหล่างเข้าไป

“อ้าว เกิดอะไรขึ้น” นักพรตเฒ่าแบกสวี่ชิงหล่างแล้วจึงถาม

“ดื่มเหล้าเมา” โจวเจ๋อตอบ

“ดื่มเหล้าเมา แต่ไม่มีกลิ่นเหล้าเลยนะ” นักพรตเฒ่ารู้สึกงงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย แบกสวี่ชิงหล่างขึ้นไปชั้นบนโดยตรง

โจวเจ๋อยกไหเหล้าจีนเข้าไปในร้านหนังสือเช่นกัน เมื่อพบว่าไป๋อิงอิงไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง เขาเองก็ไม่ได้สั่งให้เดดพูลมาช่วย แต่ยกไหเหล้าจีนขึ้นไปชั้นสองด้วยตัวเองเลย

เขายกเท้าถีบประตูห้องนอน เจอไป๋อิงอิงเปิดประตูเดินออกมาพอดี ไป๋อิงอิงหน้าแดงมาก ตื่นเต้นเป็นที่สุด ร้องตะโกนเสียงดัง “ว้าวๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!”

แม่งเอ๊ยทำเอาเถ้าแก่โจวตกใจเกือบทำไหเหล้าจีนตก เถ้าแก่โจวรับรองว่า ถ้าหากไหเหล้าจีนแตก และดอกพลับพลึงแดงที่อยู่ข้างในเสียหายไปด้วย เขาจะเฆี่ยนตีผีดิบสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นร้อยๆ รอบโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว!

เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปจากอีกด้านหนึ่งทันที แต่ในเวลานี้เด็กสาวหนึ่งในสองคนที่ยึดที่นั่งอาบแดดติดริมหน้าต่างของโจวเจ๋อได้เหยียดขาของตัวเองออกมาตอนที่เด็กผู้ชายกำลังวิ่งผ่านพอดี ทำให้เด็กผู้ชายสะดุด จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘พลั่ก!’ เด็กผู้ชายล้มลงไปบนพื้นทันที หกล้มแรงมาก โดยเฉพาะปลายจมูกที่กระแทกพื้นมีเลือดไหลออกมา

“ฮือๆๆ…” เด็กผู้ชายนั่งบนพื้นแล้วร้องไห้ออกมาโดยตรง พลางมองไปที่เด็กสาวหน้าตาดีที่อยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่เสียใจและหวาดกลัว

“อ้าว เด็กน้อยเธอทำไมถึงไม่ระวังเลย หกล้มเจ็บไหมคะ พี่ขอดูหน่อย”

เด็กสาวที่ตั้งใจเหยียดขาเมื่อครู่รีบลุกขึ้นมาแสดงความเป็นห่วงทันที จากนั้นประคองเด็กผู้ชายขึ้นมา แม่ของเด็กผู้ชายได้ยินเสียงร้องไห้จึงหันมาทางนี้ทันที เธอวิ่งเข้ามาอุ้มลูกของตัวเอง

“อ้าว เลือดไหลแล้ว แม่บอกแล้วว่าอย่าวิ่งเล่นมั่วซั่วหนูก็ไม่ฟัง ดูสิหกล้มเลย เลือดไหลหมดแล้ว” แม่เริ่มอบรมสั่งสอนลูกชายของตัวเอง

เด็กผู้ชายยื่นมือเช็ดน้ำตาและอยากจะชี้ไปที่พี่สาวที่อยู่ตรงหน้า เขารู้ว่าเธอทำให้ตัวเองต้องหกล้ม

“เด็กก็แบบนี้แหละค่ะ หกคะเมนตีลังกาเป็นเรื่องปกติ คุณรีบพาลูกไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” เด็กสาวกับเพื่อนของเธอรีบเดินเข้ามาปลอบใจ

แม่ของเด็กผู้ชายก่อนหน้านั้นมัวแต่คุยกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ไม่เห็นฉากตอนที่หกล้ม จึงพยักหน้าให้เด็กสาวทันที “ขอบคุณนะคะ ฉันจะไปโรงพยาบาลก่อน”

ขณะที่พูด คุณแม่ได้บอกเพื่อนของตัวเองให้พาลูกสาวของเธอออกจากร้านหนังสือไปด้วยกัน

เด็กผู้ชายถูกคุณแม่อุ้ม ตอนที่เดินออกมาจากร้านหนังสือเขาอดไม่ได้ที่จะมองพี่สาวที่จงใจทำให้ตัวเองหกล้ม

เมื่อรอให้เด็กกับพวกคุณแม่ออกไปแล้ว เด็กสาวสองคนนั้นจึงกลับไปนั่งที่โซฟาอีก เด็กสาวที่เหยียดขาคนนั้นถอนหายใจ แล้วยิ้มพูดว่า “เสียงดังน่ารำคาญจริงๆ เด็กมีแม่แต่แม่ไม่เลี้ยง เป็นเด็กดื้อที่น่ารำคาญที่สุด”

“เหอะๆ เมื่อกี้เธอเหยียดขาเร็วมาก”

“งั้นเหรอ เห็นเด็กซวยหกล้มฉันดีใจจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เขาหกล้มแผลถลอก เลือดกำเดาไหล ฉันรู้สึกสะใจมาก เหอะๆ”

“ฉันก็เหมือนกันๆ เด็กสองคนนั้นเสียงดังมากเกินไป ไม่หกล้มคงเสียดายแย่”

“ฮ่าๆ เธอนี่ร้ายจริงๆ”

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล