ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 202

ตอนที่ 202 โจวเจ๋อ

“ดังนั้นเจ้าคิดจะจัดการยังไง ตอนนี้ก็ยังซื้ออุปกรณ์ไม่ได้”

“นักพรตเฒ่ายังไม่กลับมา”

“ตาแก่นั่นทำไมชักช้าจัง เจ้าก็ไม่บอกข้าแต่เนิ่นๆ ข้าจะได้ช่วยซื้อให้เจ้าหนึ่งชุด” สาวน้อยโลลิพูดอย่างจนใจ

ซื้อไม่ได้แต่ขโมยไม่ได้หรือไง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์อะไร เถ้าแก่โจวไม่ได้คิดที่จะวิจัยทางชีวเคมี หยิบอุปกรณ์ออกมาจากห้องทดลองของชั้นมัธยมปลายนิดหน่อยก็พอใช้แล้ว

“ดังนั้น เจ้าคิดจะทำเป็นแคปซูลเหรอ” สาวน้อยโลลิชี้ไปที่แบบร่างที่โจวเจ๋อวาดออกมา “เจ้าทำเป็นเหรอ”

“ทำไม่ยาก ประเด็นสำคัญคือต้องสกัดให้บริสุทธิ์ก่อน จากนั้นค่อยบีบอัด ทางที่ดีที่สุดคือทำให้ตกผลึก ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพกพาและใช้ไม่สะดวก นอกจากนี้ยังต้องขจัดผลกระทบที่มีต่อคนทั่วไปด้วย”

สาวน้อยโลลิพยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่รู้สึกว่าเจ๋งมากๆ ในเมื่อโจวเจ๋อยืดอกรับประกันว่าสิ่งนี้ไม่ต้องใช้เทคนิคยากอะไร ขอเพียงอุปกรณ์มาถึงตัวเขาเองก็สามารถทำออกมาได้ เธอจึงยินดีรออย่างอารมณ์ดีต่อไป

“อย่างนั้นข้ากลับแล้วนะ ผิดหวังจริงๆ เดิมทีคิดว่าวันนี้จะได้ออกไปกินข้าวโต้รุ่งแล้ว”

“ผมยังมีน้ำบ๊วยอยู่ คุณเอาไปใช้แก้ขัดก่อน”

“ของเจ้ามีไว้เพื่อกินข้าว ไม่สามารถลิ้มรสชาติอาหารที่แสนอร่อยได้ด้วยซ้ำ ข้าไม่สนใจ สู้ปล่อยให้หวังหรุ่ยกินข้าวนอนหลับสบายด้วยตัวเองจะดีกว่า”

หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กเดินลงมาจากชั้นสอง จากนั้นโจวเจ๋อก็ตกตะลึง เพราะที่นั่งหนึ่งในสามของชั้นหนึ่งมีลูกค้านั่งเต็มไปหมด

โจวเจ๋อสาบานได้ว่าตั้งแต่เปิดกิจการมาจนถึงวันนี้ ที่นั่งในร้านหนังสือของเขาไม่เคยมีคนนั่งเยอะแบบนี้มาก่อน! หรือว่าคุณภาพการใช้ชีวิตของประชาชนเมืองทงเฉิงก้าวกระโดดขึ้นมา ค่าบริการขั้นต่ำหนึ่งร้อยหยวนล้าสมัยเกินไปแล้วจริงๆ

แต่ในบรรดาลูกค้าที่นั่งอยู่ มีอยู่สองสามคนที่ทำให้โจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิรู้สึกกดดันเล็กน้อย เหมือนกับว่าสองคนนั้นพกสิ่งที่คนเห็นไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็บาดตาจริงๆ

ถ้าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้หลบหนี ก็น่าจะเป็นแก๊งนักเลง แถมยังเคยเห็นการรบราฆ่าฟันคนมาก่อนและตัวเองก็ร่วมด้วย หรือไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นตำรวจ

แบบแรกไม่น่าจะใช่ เถ้าแก่โจวไม่รู้สึกว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรที่ควรค่าให้นักเลงพวกนี้วิ่งมาหาถึงที่โดยเฉพาะและดูจากท่าทางของพวกเขาแต่ละคนที่แสร้งทำเป็นดื่มน้ำอ่านหนังสือ แต่ความเป็นจริงนั้นกำลังสอดส่องบริเวณรอบๆอย่างระมัดระวัง แบบนี้จะเป็นอาชีพอะไรได้ แค่คิดก็รู้แล้ว

“เจ้าทำความผิดเหรอ” สาวน้อยโลลิถามโจวเจ๋อเบาๆ

“เปล่า” โจวเจ๋อตอบเสียงเบา

เถ้าแก่โจวคิดว่าการกระทำของตัวเองในช่วงนี้ ไม่น่าจะดึงดูดพวกตำรวจถึงจะถูก ถึงแม้จะมีเฉียดบ้างบางครั้ง แต่เขาได้สั่งให้คนเอาเงินกระดาษไปเผาที่หน้าประตูร้านแล้ว เรื่องวุ่นวายก็น่าจะผ่านไป

หรือว่าหญิงสาวสองคนที่ตัวเองหลอกให้ตกใจเมื่อเช้าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่พอลองพิจารณาดูก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างแรกหญิงสาวสองคนนั้นไม่น่าจะมีความกล้ามาแก้แค้นเขา อย่างที่สองต่อให้เป็นการแก้แค้นก็ไม่น่าจะเล่นใหญ่แบบนี้ อีกอย่างหนึ่งเขาได้สั่งให้เดดพูลเผาเงินกระดาษหลังจากนั้นแล้ว

เถ้าแก่โจวไม่ชอบเรื่องวุ่นวายมาโดยตลอด “คุณขึ้นไปข้างบน แล้วเอาไหเหล้าออกไปก่อน” โจวเจ๋อพูด

สาวน้อยโลลิพยักหน้า หมุนตัวเดินขึ้นไปข้างบน

โจวเจ๋อส่งสายตาให้เดดพูลที่นั่งนิ่งอยู่อีกด้าน เพื่อบอกให้เขาเดินตามสาวน้อยโลลิออกไป

ไป๋อิงอิงยังคงต้อนรับลูกค้าด้วยน้ำชาและเครื่องดื่มอยู่ตรงนั้น โจวเจ๋อเดินเข้าไปแล้วเอนตัวนั่งลงที่ตำแหน่งเดิมของตัวเอง หยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะขึ้นมา แล้วเปิดอ่านไปเรื่อย

ไป๋อิงอิงยกถ้วยกาแฟมาวางตรงหน้าโจวเจ๋อ “ขึ้นไปข้างบน แล้วก็ออกไป” โจวเจ๋อพูดออกมา

“พวกเขาคือ…” ไป๋อิงอิงมองเห็นความผิดปกตินานแล้ว ก่อนหน้านั้นนางพูดว่ามีคนข้างนอกจ้องมองมาที่นี่ และตอนนี้คนพวกนี้ก็แสร้งทำเป็นลูกค้าเข้ามาในร้านอย่างชัดเจน

ตัวตนของไป๋อิงอิงได้สวี่ชิงหล่างช่วยเหลือจัดการให้ และตัวตนนี้ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เมื่อรอให้ไป๋อิงอิงขึ้นข้างบนไปแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่มีอะไรให้กังวลอีก

อันที่จริงสำหรับโจวเจ๋อแล้ว สิ่งที่ควรปิดบังในร้านหนังสือกลับเป็นคน อย่างเช่น ตัวตนของไป๋อิงอิง คุณคงไม่สามารถอธิบายกับตำรวจได้ว่าเธอเป็นคนในสมัยของจักรพรรดิเสียนเฟิงแห่งราชวงศ์ชิงใช่ไหมล่ะ หรือไม่ก็เดดพูล แค่ให้เขาถอดชุดออก ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว

โจวเจ๋อเดิมทียังกังวลว่าตัวเองปล่อยให้ไป๋อิงอิงและคนอื่นๆ ออกไปก่อนจะเป็นจุดสังเกตของพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหลายที่นั่งอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าโจวเจ๋อคิดมากไป กลับกลายเป็นตรงข้ามกันพอดี การขึ้นไปข้างบนของสาวน้อยโลลิกับไป๋อิงอิง กลับทำให้พวกตำรวจโล่งใจ และคิดว่าคนที่โจวเจ๋อสามารถจับเป็นตัวประกันไม่อยู่แล้ว

หลังจากสวี่ชิงหล่างเสิร์ฟค็อกเทลโต๊ะสุดท้ายเสร็จแล้ว ตอนที่เดินผ่านโจวเจ๋อ เขาได้ส่งสายตาให้โจวเจ๋อด้วยความสงสัย เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น

โจวเจ๋อยักไหล่ ถามหาพระแสงอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เถ้าแก่โจวพลันนึกอะไรได้ จึงพูดเตือนสวี่ชิงหล่าง “เก็บเงินกับพวกเขาก่อน”

สวี่ชิงหล่างได้ยินแล้ว รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก นานๆ จะมีลูกค้าเข้าร้านเยอะแบบนี้ ต้องคิดเงินก่อนแล้วค่อยว่ากันและที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าหากอีกสักพักตำรวจพวกนี้เปิดเผยตัว เหมือนกับจักรพรรดิคังซีที่ปลอมตัวมาเที่ยว ถึงตอนนั้นจะเก็บเงินคงไม่สะดวก เหล่าสวี่จึงไปเก็บเงินทีละโต๊ะ

พวกตำรวจก็ให้เงินจริงๆ และน่าจะเป็นเพราะพวกเขาก็เกรงใจที่จะเปิดเผยตัวตนตอนเก็บเงิน

หลังจากรอสวี่ชิงหล่างเก็บเงินเสร็จ และนำเงินไปใส่ไว้ในลิ้นชักที่เคาน์เตอร์เรียบร้อย โจวเจ๋อจึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เก็บเงินแล้วก็ดี ต่อไปนี้เริ่มการแสดงของพวกคุณเถอะ

แต่รอแล้วรอเล่า ตำรวจพวกนี้ก็ยังดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มของตัวเองอย่างเดียว ไม่มีใครลุกขึ้นยืนมาเปิดเผยตัวตนตรงหน้าโจวเจ๋อเลย เป็นผลทำให้โจวเจ๋อรู้สึกจนปัญญา ได้หรือไม่ได้ช่วยจัดการให้เร็วหน่อยได้ไหม เถ้าแก่โจวลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูร้านแล้วผลักประตูร้านออก

ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลานี้ พวกตำรวจที่อยู่ข้างในก็ยังไม่ลุกขึ้นเหมือนเดิม สรุปแล้วกำลังทำอะไรกันแน่ โจวเจ๋องงมาก จากนั้นในตอนนี้เอง คนเดินผ่านทางสองคนที่อยู่สองฝั่งของประตูร้านหนังสือได้พุ่งเข้ามา คนหนึ่งใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่ของโจวเจ๋อ อยากจะควบคุมตัวของโจวเจ๋อ

ด้วยความตื่นเต้นโจวเจ๋อเกือบควบคุมตัวเองไม่อยู่เรียกเกราะซามูไรหรือเล็บให้ออกมา เขาจึงได้แต่สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อทำให้จิตใจสงบ แล้วให้ความร่วมมือกับตำรวจนอกเครื่องแบบสองคน กระทั่งเป็นฝ่ายเอาสองมือวางไปข้างหลังเพื่อให้อีกฝ่ายใส่กุญแจมือให้ตัวเอง

ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขาทำงานมานานหลายปี เพิ่งเคยเห็นผู้ต้องสงสัยให้ความร่วมมือขนาดนี้เป็นครั้งแรก ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเถ้าแก่โจวรู้สึกกลัว ประเด็นสำคัญคือเขาต้องรู้เรื่องให้ได้ก่อนว่าตัวเองทำผิดอะไร ยกโขยงมากันขนาดนี้ ตำรวจเข้ามาเป็นลูกค้าในร้านของตัวเอง เถ้าแก่โจวเองก็รู้สึกงุนงง

“พวกเราเป็นตำรวจ ตอนนี้สงสัยว่าคุณจะเกี่ยวข้องกับการทำผิดโทษฐานผลิตและค้ายาเสพติด ขอให้คุณให้ความร่วมมือกับงานของพวกเราด้วย พวกเราจะพาคุณเข้าไปรับการสอบสวนที่สถานีตำรวจ” ตำรวจวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาอยู่ตรงข้ามโจวเจ๋อ แล้วโชว์บัตรของตัวเองให้โจวเจ๋อดู

ผลิตยาเสพติด ค้ายาเสพติด เถ้าแก่โจวทำสีหน้างุนงง เถ้าแก่โจวถูกตำรวจจับตัว ในนั้นมีสวี่ชิงหล่างที่ถูกควบคุมตัวเข้าไปในรถตำรวจเหมือนกัน ไป๋อิงอิงกับสาวน้อยโลลิรวมทั้งเดดพูลไม่มีใครสังเกต อาจจะเป็นเพราะตำรวจไม่ได้มองพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัย

เมื่อมาถึงสถานีตำรวจแล้ว ก็เข้าห้องสอบสวนก่อน คำถามที่ตำรวจถามทำให้โจวเจ๋อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตัวเองเป็นคนเปิดโกดังผลิตยาเสพติดเหรอ ไม่เพียงแต่ขายในทงเฉิง แถมยังเตรียมเข้าตลาดที่เซี่ยงไฮ้ กระทั่งใช้เซี่ยงไฮ้เป็นแผ่นไม้กระดานพาดเป็นทางข้ามเพื่อส่งไปขายที่อื่น เถ้าแก่โจวอยากถามใจตัวเองดู ‘ตัวเองขยันขนาดนั้นไหม’

ดูท่าทางตำรวจน่าจะกำลังตรวจค้นร้านหนังสือของตัวเอง ระหว่างที่สอบสวนมีคนโทรมาหาตำรวจผู้สอบสวนตำรวจผู้สอบสวนจึงถามคำถามโจวเจ๋อเป็นการพิเศษ นั่นก็คือทำไมมีตู้แช่เย็นอยู่ในห้องนอนของโจวเจ๋อ และตู้แช่เย็นนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของใช้สำหรับคนตาย เป็นแบบเดียวกับที่เช่าอยู่ในห้องดับจิต

โจวเจ๋อจึงพูดว่าถึงฤดูร้อนแล้ว แอร์เย็นไม่พอ จึงใช้ตู้แช่เย็นอันนี้

ตำรวจผู้สอบสวนเคาะโต๊ะอย่างแรง ตวาดใส่โจวเจ๋อให้ทำท่าทางของตัวเองให้ดีๆ ช่วยให้ความร่วมมือต่อการสืบสวน หากยอมรับสารภาพโทษหนักจะกลายเป็นเบา!

เถ้าแก่โจวอดไม่ได้ที่จะกลอกตาหนึ่งที ถ้าหากว่าตัวเองไม่มีสาวมัธยมปลายคนนั้น (ไป๋อิงอิง) คอยนอนเป็นเพื่อนก็คงได้แต่นอนอยู่ในตู้แช่เย็นอย่างเดียวถึงจะนอนหลับ และตำรวจคนนี้ก็จะยิ่งคิดว่าทัศนคติของตัวเองมีปัญหา กระทั่งคิดว่าอยากกวนประสาทเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลังจากสอบสวนแล้ว โจวเจ๋อถูกส่งเข้าไปในห้องขัง ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวชั่วคราวที่อยู่ในสถานีตำรวจ ดูเหมือนว่าทางตำรวจจะมีเวลากักตัวอีกไม่กี่ชั่วโมง ถ้าหากหาหลักฐานไม่ได้ เถ้าแก่โจวก็จะถึงเวลาถูกปล่อยตัว

ไม่ว่าอย่างไร วันนี้มีแต่เรื่องแปลกประหลาด ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แน่นอนว่าโจวเจ๋อก็รู้สึกโชคดีเหมือนกัน วันนั้นตอนที่เด็กหนุ่มส่งอาหารรถล้มอยู่หน้าร้านของตัวเอง ตัวเองเก็บเงินไว้ แต่ได้นำยาเม็ดสีฟ้าถุงนั้นทิ้งลงชักโครกไปแล้ว ไม่ได้เก็บไว้ ไม่อย่างนั้นถ้าหากถูกค้นออกมา ต่อให้เป็นขี้โคลนร่วงใส่กางเกงไม่ใช่อึก็ต้องเป็นอึ

แน่นอนว่า ครั้งนั้นเป็นเพราะตัวเองเผาเงินกระดาษแล้ว ตามหลักการไม่น่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายเพราะเหตุการณ์นี้ดังนั้นโจวเจ๋อกำลังครุ่นคิดว่า เกิดขอผิดพลาดตรงไหนกันแน่

ห้องขังเล็กมาก โจวเจ๋อถูกขังอยู่ในห้องห้องหนึ่ง

“เถ้าแก่ๆ เจ้าก็เข้ามาเหมือนกันเหรอ!”

โจวเจ๋อเพิ่งจะนั่งลง ก็ได้ยินเสียงของนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงรั้วฝั่งตรงข้าม

โจวเจ๋อมองตามไปแล้วจึงขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “คุณเข้ามาได้ยังไง”

นักพรตเฒ่าทำหน้ามุ่ยเหมือนตูดแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ข้าเองก็ซวยมาก ไปช่วยซื้ออุปกรณ์ให้เจ้า แต่ไอ้หมอนั่นกลับเป็นผู้ลักลอบนำเข้าสินค้า เพิ่งโดนตำรวจจับ และข้าก็ไปซื้อของนั่น จากนั้นก็อธิบายภาพเล็กน้อย แต่มันกลับคิดว่าข้ากำลังจะเตรียมผลิตยาเสพติด จากนั้นข้าก็ถูกจับ โดนถามไม่หยุดถึงรายละเอียดขั้นตอน ข้าอธิบายไปแล้วว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเขาก็ไม่เชื่อ แล้วยังถามข้าว่าซื้ออุปกรณ์ให้ใคร ข้าจึงได้แต่พูดว่าเป็นเจ้า และพวกเขาก็ไม่อนุญาตให้ข้าโทรไปบอกเจ้า”

โจวเจ๋อเข้าใจแล้ว ที่แท้หายนะนี้ดันตกมาที่ตัวของนักพรตเฒ่า

“ของพวกนั้น คุณไปซื้อตามโรงเรียนหรือไม่ก็ร้านค้าของห้องทดลองก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณต้องไปหาพ่อค้าลักลอบนำเข้าสินค้าด้วย”

“เอ่อ ข้าอยากจะหาอุปกรณ์ที่ดีหน่อยมาให้เถ้าแก่ใช้ ของสิ่งนั้นที่เถ้าแก่เอามาข้ามองออก น่าจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก เป็นของดี แล้วเจ้าก็ให้ความสำคัญมากขนาดนั้น แน่นอนว่าข้าก็ต้องเลือกอุปกรณ์ที่ดีให้กับเจ้า”

“ผมขอบคุณคุณนะครับ”

“แล้วมันเป็นอะไรกันแน่” นักพรตเฒ่าเกิดสงสัยขึ้นมา เขาเองก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนบริสุทธิ์ เรื่องเข้าใจผิดจะคลี่คลายไปเอง

“ผมสั่งให้หลินเข่อย้ายไปแล้ว ของสิ่งนั้นจะปล่อยออกไปข้างนอกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่” ไม่ว่าอย่างไร ดอกพลับพลึงแดงจะให้คนทั่วไปได้ไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดหายนะอย่างยิ่งใหญ่

“มาจากใต้ดินเหรอ” นักพรตเฒ่าชี้ไปที่ข้างล่าง

โจวเจ๋อพยักหน้า

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว” นักพรตเฒ่าเข้าใจทันที ที่แท้ก็เป็นสิ่งที่มาจากนรกนั่นเอง

“รอไปก่อน คาดว่าอีกไม่นานพวกเราจะถูกปล่อยตัวแล้ว” โจวเจ๋อพูด

“อืม รอให้ออกไปแล้วข้าจะไปซื้ออุปกรณ์ที่โรงเรียนให้เถ้าแก่ แล้วเจ้าก็จะได้ผลิตต่อ” นักพรตเฒ่าเอ่ย

ภายในห้องสอบสวน ภาพและเสียงถูกส่งมาที่นี่ในเวลาเดียวกัน ตำรวจสองสามคนยืนมองและยืนฟังอยู่ที่นี่

“หัวหน้าซุน ท่านมีวิธีจริงๆ และแล้วพอจับผู้ต้องสงสัยสองคนมาขังด้วยกัน พวกเขาก็จะพูดเบาะแสออกมา ก่อนหน้านั้นผมยังกังวลว่าพวกเขาจะสมคบกันให้การเท็จ” ตำรวจคนหนึ่งพูด

ตำรวจที่อายุค่อนข้างมากคนหนึ่งสูดลมหายใจลึกๆ แล้วตบโต๊ะด้วยความโกรธอยู่บ้าง จากนั้นตวาดว่า

“พวกคุณทำงานกันยังไง! ก่อนจะควบคุมตัวกลับปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยขนย้ายยาเสพติดออกไป ตอนนี้การค้นหาที่ร้านหนังสือนั่นได้ผลลัพธ์หรือยัง หาหลักฐานอะไรเจอหรือเปล่า แล้วก็ทงเฉิงของพวกเรากลับมีช่องทางใต้ดินสามารถจัดหาวัตถุดิบผลิตยาเสพติดให้พวกอาชญากรได้ แต่พวกเรากลับไม่รู้ นี่คือความอัปยศของวงการตำรวจเมืองทงเฉิงของพวกเรา! นอกจากนี้เมื่อกี้พวกคุณได้ยินไหม ผู้ต้องสงสัยคิดว่าพวกเราจับไต๋อะไรไม่ได้จริงๆ และยังคิดว่าหลังจากถูกปล่อยตัวแล้วจะกลับไปผลิตยาเสพติดต่อ! ไปสืบให้ผมเดี๋ยวนี้ สืบให้หมด สืบให้เจอหลักฐานมัดตัว!”

…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล