อ่านสรุป ตอนที่ 206 พวกเราต่างเหมือนกัน จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 206 พวกเราต่างเหมือนกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 206 พวกเราต่างเหมือนกัน
บนบันไดตรงแปลงดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล โจวเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ จ้องมองเท้าของตัวเองตลอดเวลา
อันที่จริงตอนนี้คุณมองอะไรไม่เห็นทั้งสิ้น กระทั่งอยากจะสัมผัสก็สัมผัสไม่ได้ แต่ภาพในกระจกก่อนหน้านั้นได้อธิบายทุกสิ่งแล้ว
โซ่ตรวนเส้นนี้ใส่อยู่บนข้อเท้าของตัวเอง และเสียงที่ตัวเองได้ยินก่อนหน้านั้น แท้จริงแล้วคือเสียงที่เกิดขึ้นจากการเดินของตัวเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่โจวเจ๋อไม่เข้าใจ นั่นก็คือคืนนั้นตอนที่อยู่ในห้องขัง ตัวเองได้ยินเสียงมาจากข้างนอกก่อนชัดๆ อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าตอนนั้นโซ่ตรวนเส้นนี้ไม่ได้อยู่บนเท้าของตัวเอง
เช่นนั้นก็หมายความว่า ตอนที่เสียงโซ่ตรวนจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในชั่วเวลาอันสั้นรอบๆ ตัวเอง มีคนหรือไม่ก็มีสิ่งหนึ่งนำโซ่ตรวนเส้นนี้มาผูกที่ข้อเท้าของตัวเอง แต่ตัวเองกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด และถ้าหากไม่ใช่เพราะนักพรตเฒ่ากำลังฉี่อยู่เลยหยิบยันต์กระดาษที่เป้ากางเกงไปแปะที่กระจกละก็ มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเองจะไม่รู้ตัวเลยว่าโซ่ตรวนที่ตัวเองพยายามไล่ตามสุดชีวิตก่อนหน้านั้นอยู่บนตัวของตัวเองนั่นเอง!
โจวเจ๋อเรียกรถกลับมาที่ร้านหนังสือ แล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะอาบน้ำ จากนั้นจึงตะโกนเรียกไป๋อิงอิงให้ขึ้นข้างบนไปนอนเป็นเพื่อนตัวเอง และไม่คิดที่จะทำสารสกัดออกมาจากดอกพลับพลึงแดง ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่คิดที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ ดื่มกาแฟ และนอนอาบแดดเลย เขาก้มหน้าเป็นพักๆ มองที่หน้าเท้าของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าเป็นพักๆ มองท้องฟ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ดูหดหู่ใจมาก
นักพรตเฒ่าเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับโซ่ตรวนให้ไป๋อิงอิงฟัง หลังจากไป๋อิงอิงฟังแล้วจึงตกใจอย่างบออกไม่ถูก และเนื่องจากความเงียบของเถ้าแก่ เป็นผลทำให้ทุกคนในร้านหนังสือเงียบมาก
ประตูของร้านหนังสือถูกนักพรตเฒ่าล็อกกุญแจแล้ว เวลานี้หากมีลูกค้าเข้ามาคงไม่ค่อยสะดวก แต่ถ้าเป็นผีละก็ ไม่ว่าจะเปิดประตูหรือปิดประตูก็ไม่มีความแตกต่างสำหรับผีที่อยากเข้ามา
นักพรตเฒ่ารินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วหยิบถั่วให้เจ้าลิงหนึ่งกำมือ นักพรตเฒ่ามองเถ้าแก่ที่ยังก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นเขาก็อยากหัวเราะ
ฉากนี้ มีความคล้ายกับฉลองพระองค์ชุดใหม่ของพระราชา เถ้าแก่บอกว่าที่เท้าของเขามีโซ่ตรวนเส้นหนึ่ง แต่มองไม่เห็น จับไม่ได้ แบบนี้ไม่ใช่ฉลองพระองค์ชุดใหม่ของพระราชาฉบับตีพิมพ์ใหม่เหรอ
หลังจากกลับมาที่ร้านหนังสือ โจวเจ๋อขอยันต์กระดาษมาจากนักพรตเฒ่า มองหากระจกมาวางบนพื้นตรงหน้าตัวเอง ในกระจกสะท้อนเท้าทั้งสองข้างของโจวเจ๋อพอดี ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นโซ่ตรวนที่เป็นสนิมเส้นหนึ่ง มันมีอยู่จริง มันมีอยู่จริงๆ เป็นการมีตัวตนอยู่ที่น่าเหลือเชื่อ
นักพรตเฒ่าเริ่มเข้าไปมองเป็นคนแรก จากนั้นสวี่ชิงหล่าง ไป๋อิงอิงพวกเขาก็เข้ามาดูเช่นกัน เหมือนกำลังมองของแปลกใหม่ อย่างน้อยที่ดูจากตอนนี้ โซ่ตรวนเส้นนี้ไม่น่าจะมีอันตรายอย่างอื่น นอกจากทำให้คุณหงุดหงิดไม่พอใจ แต่เถ้าแก่โจวในฐานะที่เป็นคู่กรณี กลับไม่คิดแบบนั้น เขาไม่อยากให้เท้าทั้งสองข้างของตัวเองถูกพันธนาการแบบนี้ ถึงแม้ในยามปกติจะแตะต้องไม่ได้และมองไม่เห็นก็ตาม แต่กลับรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรอยู่ในใจ
นอกจากนี้ภาพที่สะท้อนออกมาจากในกระจกที่แปะด้วยยันต์กระดาษ ก็เป็นสนิมเหล็กที่สกปรกมาก ทำให้คนรู้สึกหนังศีรษะชา สำหรับคนที่อนามัยอย่างเถ้าแก่โจวแล้ว ยิ่งยากที่จะยอมรับได้
พูดจริงๆ นะ ถ้าหากโซ่ตรวนเส้นนี้ทำด้วยทองบริสุทธิ์ หรือเงินบริสุทธิ์ หรือออกแบบสไตล์สมัยใหม่ เถ้าแก่โจวอาจจะสบายใจหน่อย อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนอยู่บนเปลวไฟ
“เถ้าแก่ หรือว่าท่านถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากร ดังนั้นบนเท้าของท่านจึงมีโซ่ตรวนปรากฏออกมา ท่านยังจำครูที่ฆ่าตัวตายที่ใส่หมวกทรงสูง ‘หน้าเนื้อใจเสือ’ คนนั้นได้ไหม หมวกของเขาท่านก็ดึงไม่ออก” ไป๋อิงอิงพูดเดา
สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า ดูเหมือนจะมีเรื่องอย่างนี้จริงๆ ปากหลายๆ คนย่อมสามารถละลายทองได้ คำพูดของคนช่างน่ากลัว
“เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่หรอก” โจวเจ๋อส่ายหน้า ปฏิเสธการคาดเดานี้
“เรื่องของครูคนนั้นตอนนั้นในอินเทอร์เน็ตเรื่องราวถูกบ่มจนรุนแรงมาก อารมณ์ของผู้คนเหมือนคลื่นโหมซัดสาด ครั้งนี้ผมแค่ถูกตำรวจสงสัยเท่านั้น ไม่สามารถเทียบปริมาณกันได้อย่างสิ้นเชิง ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้”
ใช่แล้ว เนื่องจากโจวเจ๋อมั่นใจว่า โซ่ตรวนเส้นนี้ไม่ได้อยู่บนร่างกายของตัวเองในตอนแรก มันมาจากไกลเข้ามาใกล้
นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาชี้กระจกเล็กที่อยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ขอพูดความในใจนะ ข้ารู้สึกว่าโซ่ตรวนเส้นนี้เท่ไม่เบาเลย ลองคิดดูสิ ตอนที่เจ้าใช้เคล็ดวิชาอู๋ซวง ท่าทางแบบนั้น…”
ขณะที่พูดนักพรตเฒ่าทิ้งแขนทั้งสองข้างลง สีหน้าเหม่อลอย เหมือนกับผีดิบตัวหนึ่งเดินเซไปมา จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปที่เท้าของตัวเองแล้วพูดว่า “ถ้าหากเวลานี้มีโซ่ตรวนเพิ่มขึ้นมาอีกเส้นหนึ่ง ก็จะเหมือนอิโอริคลั่งในเกมเดอะคิงออฟไฟเตอร์สที่อยู่ในร้านเกมสมัยก่อน”
นักพรตเฒ่าพูดพร้อมกับยันแขนทั้งสองข้าง แล้วทำท่าระเบิดพลัง จากนั้นก็ทำตัวเหมือนเด็กที่เพลิดเพลินกับบรรยากาศการเล่นเกมอาร์เคดในร้านเกม วาดแขนกลับไปกลับมาแล้วปากก็พึมพำว่า “ฮึ่ยสึ…ฮึ่ยสึ…ฮึ่ยสึ..”
โจวเจ๋อหันมามองนักพรตเฒ่าที่จมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง แล้วเอ่ยพูดในเวลาเดียวกัน “นักพรตเฒ่า พื้นที่ร้าน…”
“อ้อ เดดพูลเพิ่งจะทำความสะอาดไป” นักพรตเฒ่าขานรับทันที หลังจากที่มีเดดพูลมาอยู่ด้วย งานของนักพรตเฒ่าสบายขึ้นเยอะ
“อ้อ” โจวเจ๋อพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ทงเฉิงกำลังจะสร้างเมืองสะอาดไม่ใช่เหรอ คุณไปทำความสะอาดถนนหน้าร้านหนังสือของพวกเราหน่อยสิ นี่คือสิ่งที่ประชาชนอย่างพวกเราสมควรทำ”
“…” นักพรตเฒ่า
เมื่อเห็นโจวเจ๋อจ้องมองตัวเองตลอดเวลา ไม่เหมือนพูดล้อเล่น นักพรตเฒ่าจึงได้แต่ทำหน้าขมขื่น หยิบไม้กวาดและไม้ถูพื้นแล้วเดินออกมาจากร้านหนังสือเพื่อทำความสะอาด
ไป๋อิงอิงนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ ใช้มือคู่หนึ่งวางบนขาของโจวเจ๋อแล้วกดนวดไปมา บุ้ยปากแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ท่านคิดว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร หรือว่ามีคนคิดจะใส่ความท่าน”
“ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ตัวผมเองก็งงมาก ดังนั้นผมจึงตัดสินใจจะกลับไปดูที่ห้องขังอีกครั้ง” ขณะที่พูด โจวเจ๋อได้หยิบนามบัตรที่จางเยี่ยนเฟิงให้ตัวเองเมื่อคืนนี้ออกมา แล้วกดโทรออกตามเบอร์ที่อยู่บนนั้น ไม่ช้าก็โทรติด เสียงที่ทุ้มต่ำมากดังมาจากอีกฝ่าย “ฮัลโหล ใครครับ”
“คนที่เข้าห้องขังเมื่อวานครับ” โจวเจ๋อตอบ
“อยากจะพูดอะไรครับ”
“วันนี้ผมอยากจะเข้าไปอีก ได้ไหมครับ”
“คุณยินดีที่จะสารภาพความผิดของคุณใช่ไหมครับ”
“ผมไม่มีความผิดครับ” โจวเจ๋อพูดย้ำอีกครั้ง
หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป จางเยี่ยนเฟิงที่เปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองเดินออกจากสถานีตำรวจพร้อมกับโจวเจ๋อ ทั้งสองคนเดินมาที่สวนสาธารณะขนาดเล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับสถานีตำรวจ หาเก้าอี้ตัวยาวแล้วนั่งลง
“ตอนนี้คุณไม่ต้องมองผมเป็นตำรวจคนหนึ่ง มองผมเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็พอ พวกเรามาคุยกันเถอะ” จางเยี่ยนเฟิงเป็นฝ่ายยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋ออยู่ในห้องขัง เขาอยู่ข้างนอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว ‘เพื่อนในคุก’ อย่างไรล่ะ
โจวเจ๋อถือกระจกเล็กบานหนึ่งอยู่ในมือ บนนั้นแปะด้วยยันต์กระดาษของนักพรตเฒ่า จากนั้นเขาใช้กระจกบานนั้นวางไปบนเท้าของจางเยี่ยนเฟิง
แสงไฟข้างทางในสวนสาธารณะไม่ค่อยดีเท่าไร ค่อนข้างมืดเล็กน้อย แต่ยังพอมองเห็นภาพที่อยู่ในกระจก บนเท้าของจางเยี่ยนเฟิงมีโซ่ตรวนเส้นหนึ่งเหมือนกัน แต่โซ่ตรวนเส้นนี้ไม่หนาเท่าของเขา และไม่ยาวเหมือนของเขา มีแต่ของเขาเท่านั้นที่หนาและยาวกว่า ทำไมแนวโน้มทางอารมณ์จึงดูแปลกพิลึกนะ
“เห็นไหมครับ” โจวเจ๋อมองไปทางจางเยี่ยนเฟิง
มือที่ถือบุหรี่ของจางเยี่ยนเฟิงสั่นเล็กน้อย “นี่เป็นครั้งแรกของผม ที่เห็นมันจริงๆ จังๆ เมื่อก่อนมักฝันเห็นโซ่ตรวนเส้นหนึ่งอยู่บนเท้าของตัวเองเป็นประจำ เป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว”
“ดังนั้น เมื่อก่อนคุณทำเรื่องที่ผิดต่อใจเหรอครับ” โจวเจ๋อถาม
“ไม่รู้สึกละอายใจเลย ผมไม่รู้สึกละอายใจต่อชุดตำรวจที่ผมใส่ทุกวัน ไม่รู้สึกละอายใจต่อตราสัญลักษณ์ของประเทศบนหมวกตำรวจของผม” จางเยี่ยนเฟิงพูดอย่างจริงจัง “ผมกระทั่งพยายามทำตัวให้คุ้นชินกับฝันที่เห็นประจำแบบนี้ ในความฝัน ผมใส่โซ่ตรวนเดินไปมาอยู่ในสถานีตำรวจ ผมรู้สึกว่าสำหรับผมแล้วคือการเตือนอย่างหนึ่ง มันคอยเตือนผมตลอดเวลาว่า อำนาจของผมมาจากประชาชน มาจากประเทศ ดังนั้นผมจะไม่ข้ามเขตหวงห้ามเด็ดขาด ถ้าหากผมเดินผิดหนึ่งก้าว ต่อไปโซ่ตรวนเส้นนี้ก็จะปรากฏบนตัวของผมจริงๆ”
‘แปะๆๆ…’ โจวเจ๋อปรบมือเบาๆ อยู่ข้างๆ
“ดังนั้น น่าจะเป็นการยืนยันอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนกับเหรียญของผู้กล้า มีเพียงคนดีเท่านั้นถึงจะมีโซ่ตรวนเส้นนี้ใช่ไหม”
“คุณหมายความว่ายังไง” จางเยี่ยนเฟิงถาม
“พวกเราต้องแก้ไขปัญหาที่หลงเหลือจากประวัติศาสตร์ก่อน” ขณะที่พูด โจวเจ๋อนำกระจกไปจ่อตรงเท้าของตัวเอง โซ่ตรวนที่หนาและยาวเส้นหนึ่งได้ปรากฏอยู่ในกระจก
“ตอนนี้คุณเชื่อผมได้หรือยังว่าผมไม่ได้ผลิตยาเสพติดทำเรื่องที่ผิดระเบียบและกฎหมาย”
เพราะพวกเราต่างเหมือนกัน
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล