ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 205

สรุปบท ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน

ตำรวจจราจรมาแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็เกิดเหตุการณ์ลักพาตัว ถึงแม้โครงเรื่องจะไร้สาระและยากที่จะเข้าใจ คาดว่าแม้แต่ภาพยนตร์ของโจวซิงฉือก็ไม่กล้าเอาโครงเรื่องนี้มาถ่ายทำ เพราะอาจจะถูกประชาชนด่าเละหาว่าไม่มีสมองไร้ตรรกะ แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

บางทีตอนแรกที่ข่าวแพร่กระจายไปตามเวยป๋อหรือกระทู้ หลายคนอาจจะบ่นว่า ‘เปิดฉากด้วยภาพหนึ่งภาพ ที่เหลือแต่งขึ้นทั้งหมด’ ทว่าเมื่อความจริงปรากฏ ก็มากพอให้ทุกคนต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง

และสิ่งที่บังเอิญก็คือ คนที่ ‘เฝ้าเวร’ และสอนวิชาการปกครองให้โจวเจ๋อเมื่อคืนนี้ ก็ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วย ท่าทางเหมือนหัวหน้าใหญ่คอยแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ดูเหมือนเขาจะชื่อว่าจางเยี่ยนเฟิง โจวเจ๋อพอจำได้อยู่บ้าง

แต่ก็จริง ตำรวจที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความยุติธรรม จะเป็นแค่คนเฝ้าห้องขังได้อย่างไร

เขาก็เห็นโจวเจ๋อเหมือนกัน จากนั้นจึงขมวดคิ้วอย่างแรง แล้วเดินเข้ามา โจวเจ๋อเพิ่งจะทำบันทึกคำให้การแบบคร่าวๆ เสร็จ อันที่จริงรูปคดีก็ชัดเจนแล้ว ทางตำรวจล็อกตัวตนของผู้ต้องสงสัยและบันทึกภาพของผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว งานที่เหลือก็คืองานจับกุมตัว

“เจอกันอีกแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงยื่นมือตบไหล่ของโจวเจ๋อเบาๆ โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเป็นคนรักสะอาด และไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทมาแตะต้องร่างกายของตัวเอง ดังนั้นตอนที่ตำรวจเอามือออก โจวเจ๋อจึงยื่นมือปัดไหล่ของตัวเองเป็นพิเศษ

“…” ตำรวจจาง

“ผมขอพูดอีกครั้ง ผมไม่ได้ผลิตยาเสพติด” โจวเจ๋อพูดซ้ำด้วยความจนใจ

ภายในร้านหนังสือของตัวเอง ไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด และโจวเจ๋อก็เป็นคนขี้เกียจ เรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโทรแจ้งความเขาจะไม่ลงมือเองเด็ดขาด เขาไม่สนใจที่จะเป็นผู้ชมคอยดูการเล่นเกมตัดสินนอกกฎหมายอะไรแบบนั้น

เขาเชื่อว่าตำรวจของประชาชนมีความซื่อสัตย์ยุติธรรมและบริการเพื่อประชาชนจริงๆ นอกจากนี้หลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่สิบเก้า ชื่อเสียงและกฎระเบียบข้อบังคับของตำรวจได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นกำลังและหลักประกันที่แข็งแกร่งที่สร้างขึ้นเพื่อสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน!

“ทำไม่ทำ พวกเราจะสืบต่อไป” ตำรวจจางพูด

“แต่ผมชอบบรรยากาศในห้องขังมากนะครับ” โจวเจ๋อเอ่ย

ตำรวจจางตกตะลึง จากนั้นพูดทันทีว่า “ผมพอเข้าใจว่านี่คือการท้าทายได้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับ ก็เหมือนกับที่เด็กวัยรุ่นพูดว่าได้เดินทางไปทิเบตหนึ่งครั้งเหมือนได้ชำระล้างจิตใจ ผมรู้สึกว่าได้เข้าไปในห้องขังหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำให้อารมณ์ที่หุนหันพลันแล่นของผมสงบลงได้ครับ”

“เหอะๆ” ตำรวจจางหัวเราะแหยะๆ

โจวเจ๋อยักไหล่ จะทำอย่างไรได้ เขาไม่สามารถพูดได้ว่าที่สถานีตำรวจมีผี และผมจะช่วยจับผีให้พวกคุณฟรีๆสนใจไหม

“ผมมีนามบัตรของคุณ ผ่านไปสักระยะหนึ่งผมจะติดต่อคุณครับ ผมหวังว่าจะได้เข้าไปคุยในห้องขัง” โจวเจ๋อเอ่ย

“ยินดีต้อนรับครับ”

โจวเจ๋อสั่งให้นักพรตเฒ่าเรียกแท็กซี่คันใหม่ ไม่ว่าอย่างไรกลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาเหนื่อยพอสมควรอยากจะกลับไปนอนหลับพักผ่อนที่ร้านหนังสือ

แต่เนื่องจากรถติดเพราะกรณีนี้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงเดินก่อนช่วงหนึ่งแล้วค่อยเรียกรถอีกที

เถ้าแก่โจวเดินและหาวไปด้วย แต่ครั้งนี้เสียง ‘ครืดๆๆ’ ดังขึ้นข้างหูของเขาอีกครั้ง โจวเจ๋อนิ่งเหม่อไปทั้งตัว หยุดเดินทันที และฟังอย่างตั้งใจ

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ ใช่แล้ว เสียงโซ่ตรวนที่ลากอยู่บนพื้น ใกล้มาก ใกล้มากๆ และอยู่ข้างกายตัวเอง!

เขาออกมาแล้วเหรอ เดินตามตัวเองออกมาจากสถานีตำรวจเหรอ แถมยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้! ทำไมไม่ไว้หน้ากันบ้าง ทำไมบ้าขนาดนี้ ทว่าเหมือนกับเมื่อคืน โจวเจ๋อยังคงได้ยินเสียง แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใด ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้โจวเจ๋อไม่พอใจเป็นอย่างมาก และไม่ชินเลยจริงๆ

ความกลัวของคนเรามาจากความไม่รู้ และสิ่งที่มองไม่เห็นได้แต่คิดเอาเองแบบนี้ก็ช่างทรมานคนที่สุด ก็เหมือนฉากที่น่ากลัวที่สุดในภาพยนตร์สยองขวัญไม่ใช่ตอนที่ผีโผล่ออกมาแล้วมาสู้กับคุณ แต่เป็นตอนที่ผียังไม่ออกมาแล้วตัวเอกเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อึมครึมพร้อมกับเพลงประกอบที่สร้างแรงกดดัน

“หยุดก่อน” โจวเจ๋อยื่นมือ เพื่อบอกให้นักพรตเฒ่ากับสวี่ชิงหล่างหยุดเดิน

นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อด้วยความงงอย่างบอกไม่ถูก สวี่ชิงหล่างก็เช่นกัน แม้แต่โจวเจ๋อก็ยังมองไม่เห็นสิ่งนั้น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาทั้งสองคน

ตอนที่โจวเจ๋อหยุดเดิน เสียงโซ่ตรวนนั่นได้หายไปเช่นกัน เหมือนเดินออกไปไกลแล้ว

แต่ท่ามกลางการมองไม่เห็น โจวเจ๋อกลับสามารถจินตนาการได้ว่า ไอ้หมอนั่นที่ถูกใส่โซ่ตรวนที่เท้าได้เดินผ่านตัวเองไปเมื่อครู่

เขาจะไปที่ไหน เขาอยากจะทำอะไร วิญญาณที่สามารถเดินไปมาอยู่ในสถานีตำรวจได้ เป็นบุคคลแบบไหนกันแน่

ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีกะจิตกะใจอยากจับปลาตัวใหญ่แล้ว และเริ่มเป็นห่วงว่าเจ้าสิ่งนี้จะทำลายสังคมให้เสียหายหรือไม่ จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือเปล่า

ก็เหมือนกับสาวน้อยโลลิในตอนแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับผีนักรบซามูไรที่รีสอร์ตน้ำพุร้อนโดยไม่สามารถถอยหลังได้ นี่คือหน้าที่ นรกจะไม่สนใจการฆ่าแกงหรือรับเงินพิเศษของยมทูตระดับต่ำอย่างพวกคุณ แต่ถ้าพวกคุณทำงานไม่ดีนรกมีวิธีลงโทษโดยเฉพาะ

หารู้ไม่ ว่าใครกินข้าวน้อยกันแน่ แถมวันๆ ยังเอาแต่นอนอ่านหนังสือพิมพ์ดื่มกาแฟอยู่บนโซฟา ยามว่างแม้แต่ในร้านหนังสือก็ยังขี้เกียจเดิน

วิ่งไปวิ่งมา ข้างหน้าเป็นทางตัน นั่นเป็นกำแพงตัน และทางซ้ายของกำแพงมีห้องน้ำอยู่แห่งหนึ่ง

โจวเจ๋อเริ่มเดินช้าลง ขณะเดียวกันเสียงของโซ่ตรวนนั่นก็ลดความเร็วลงเช่นกัน อีกฝ่ายน่าจะวิ่งมาถึงทางตันแล้วและเริ่มเดินช้าลงกำลังคิดว่าจะไปทางไหนดี

โจวเจ๋ออ้าแขนทั้งสองข้าง กระโจนเข้าไป การกระทำนี้ ดูเหมือนคนโง่กำลังแสร้งทำเหมือนว่ามีผู้หญิงกำลังกอดกับตัวเอง แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่โจวเจ๋อสามารถเลือกได้ในตอนนี้

ไม่มีความรู้สึกใดๆ ไม่มีอะไรเลย โจวเจ๋อเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำ

สภาพห้องน้ำของโรงพยาบาลถือว่าไม่เลว มีคนรับผิดชอบทำความสะอาดโดยเฉพาะ กระเบื้องบนพื้นก็เพิ่งถูไปห้องน้ำเล็กๆ นี้ถูกกั้นเป็นสามห้อง โจวเจ๋อผลักประตูทีละบาน ยื่นมือโบกไปมาข้างในเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม

ให้ตายเถอะ เจ้าสิ่งนั้นวิ่งไปไหนกันแน่! โจวเจ๋อเดินไปตรงหน้าอ่างล่างหน้า เปิดก๊อกน้ำล้างหน้า เริ่มหายใจหอบแฮก

“แม่งเอ๊ย เถ้าแก่…เจ้ารีบวิ่งขนาดนี้ ก็เพราะอยากเข้าห้องน้ำเหรอ” ตอนนี้นักพรตเฒ่าได้วิ่งมาถึงประตูหน้าห้องน้ำ สองมือเท้าเอวหายใจหอบ จากนั้นนักพรตเฒ่าจึงหยิบกระดาษเช็ดหน้าออกมาครึ่งห่อ แล้วยื่นให้โจวเจ๋อ “ต้องใช้ไหม”

โจวเจ๋อไม่ตอบ แล้วล้างหน้าต่อ

“อย่างนั้นข้าขอฉี่ก่อนนะ” นักพรตเฒ่าลูบเป้ากางเกง หยิบยันต์กระดาษออกมาใบหนึ่งแล้วแปะที่กระจกของอ่างล้างหน้า จากนั้นจึงเดินเข้าไปที่โถฉี่ ปลดเข็มขัดแล้วเริ่มฉี่ออกมา

ไม่รู้เหมือนกันว่าความเคยชินที่ยันต์กระดาษมักจะถูกซ่อนอยู่ที่เป้ากางเกงของเขามาได้อย่างไร หากพูดตามการแซวเล่นของสวี่ชิงหล่างก็คือ เมื่อก่อนตอนที่นักพรตเฒ่าไปนวดตัวเกือบโดนผีสาวดูดพลังหยางไป ยันต์กระดาษที่อยู่ตรงเป้ากางเกงนี้คือเส้นป้องกันสุดท้ายที่เผื่อไว้

โจวเจ๋อใช้เสื้อเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนใบหน้า ก่อนจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ เพื่อรอนักพรตเฒ่าทำธุระเสร็จแล้วออกมา

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” สวี่ชิงหล่างยืนถามอยู่หน้าประตู

“ฉันไม่รู้…” โจวเจ๋อตอบพลางมองไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง เพราะออกมาห่างจากกระจกตรงอ่างล้างหน้า ตัวเองที่อยู่ในกระจกจึงถูกลดขนาดให้เล็กลงสะท้อนให้เห็นหมดทั้งตัว วินาทีต่อมาโจวเจ๋อตกตะลึง เพราะยันต์กระดาษของนักพรตเฒ่าที่แปะอยู่ตรงกระจก ทำให้เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่า ตรงเท้าทั้งสองข้างของตัวเอง มีโซ่ตรวนที่เป็นสนิมเส้นหนึ่งพันอยู่ซึ่งยาวและหนามาก…

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล