ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 204

ตอนที่ 204 รถชนท้าย!

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าลุงตำรวจคนนี้พูดมีเหตุผลมาก ตรรกะถูก มีเหตุผลชัดเจน ยกตัวอย่างได้เหมาะสม ยากที่จะคัดค้าน แม่งเอ๊ย ทำเอาเถ้าแก่โจวเริ่มสงสัยตัวเองว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดจริงๆ หรือเปล่า

ไม่อย่างนั้นตัวเองเปิดร้านหนังสือทำไม ตอนแรกหลังจากที่เช่าร้านในถนนหนานต้าของบ้านตระกูลสวี่แล้ว ทำไมต้องเปิดร้านหนังสือด้วย หรือเป็นเพราะสวี่เล่อคนโง่เปิดร้านหนังสือฉันก็เลยต้องเปิดร้านหนังสือตามเหรอ ฉันสามารถเปิดร้านนวด ‘หัตถ์เวทมนต์แห่งสวรรค์’ สามารถเปิดสายน้ำและท้องฟ้า สามารถเปิดสวรรค์ในโลกมนุษย์ได้

“คุณดูสิ ผมพูดถูกใช่ไหม” ลุงตำรวจเห็นสีหน้าของโจวเจ๋อ คิดว่าถูกตัวเองพูดตรงจุดแล้ว จึงรีบตีเหล็กเมื่อยังร้อน “อันที่จริง ผมพอเข้าใจความคิดของคนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณ ไม่ว่าอย่างไรก็แตกต่างจากพวกเราในยุคนั้น ตอนผมเป็นเด็กฐานะทางบ้านไม่ดีลำบากมาก กินข้าวยังพอหากินได้ แต่อยากจะกินเนื้อทุกมื้อ ยาก ดังนั้นตอนนั้นผมแค่คิดว่ามีเนื้อให้กินทุกมื้อก็พอ ไม่เหมือนพวกคุณ ตั้งแต่เข้าสู่ยุคนี้ สภาพความเป็นอยู่ดีขึ้นมาก ดังนั้นจึงอยากหาอะไรทำบ้าง แต่…”

ตำรวจคนนี้กำลังทำงานชักจูงความคิด ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ได้ยินเสียง ‘ครืดๆๆ’ ดังอยู่ใกล้หูอีกครั้ง โจวเจ๋อลุกขึ้นพรวดกวาดตามองไปรอบๆ แต่กลับมองไม่ ‘เห็น’ อะไร

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง! ยังมีผีที่ตัวเองมองไม่ ‘เห็น’ ด้วยเหรอ ยมทูตที่มองไม่เห็นผี เหมือนกับช่างทำผมที่ตัดผมให้คนหัวล้าน แบบนี้ไม่น่าอายเหรอ

ลุงตำรวจที่พูดเกลี้ยกล่อมด้วยความปรารถนาดีคนนี้เห็นโจวเจ๋อจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน จึงคิดว่าเขาซาบซึ้งในคำพูดของตัวเองและตัดสินใจจะสารภาพแล้ว เขาจึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นตาม

แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรต่อ กลับเห็นโจวเจ๋อเดินวนไปมาอยู่ตรงรั้วกรงขังไม่หยุด

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’

“นี่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ลุงตำรวจตกตะลึง เขาเริ่มสงสัยว่าโจวเจ๋อติดยาหรือเปล่า ตอนที่ตรวจฉี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ แต่ในความเป็นจริง โจวเจ๋อเดินไปตามเสียงของโซ่ตรวนแล้วเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองไม่หยุด

เสียงของโซ่ตรวนนั้นอยู่ข้างกายตัวเอง และอยู่นอกรั้วกรงขังของตัวเองนี่เอง เขากำลังเดินอยู่ตรงนี้! สุดท้ายเสียงของโซ่ตรวนได้ ‘เดิน’ ออกห่างจากตำแหน่งนี้ โจวเจ๋อรีบเดินไปที่กุญแจห้องขังทันที สองมือจับตรงนั้นโดยไม่รู้ตัว

แต่โจวเจ๋อยับยั้งใจของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่เลือกที่จะฝืนใช้แรงของตัวเองเพื่อปลดล็อกกุญแจ แต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย ผลงานของฉัน เดินวนอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้าตัวเองแท้ๆ แล้วก็จากไป!

เหมือนสาวสวยที่เต้นระบำเปลื้องผ้าอยู่ตรงหน้าเพื่อล่อตาคุณนานหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็พูดว่า ‘ขอโทษค่ะญาติมา’ จากนั้นก็ออกไป ทิ้งคุณไว้ท่ามกลางสายลมที่วุ่นวายเพียงลำพัง

“นี่ คุณโอเคไหม ไม่ต้องแสร้งทำเป็นคนบ้าเลย ผมไม่เห็นว่าคุณจะมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวชอยู่ในข้อมูลของคุณ!” ลุงตำรวจคิดว่าโจวเจ๋อเล่นลูกไม้อะไร

“แม่งเอ๊ย…” โจวเจ๋อเกือบพูดโพล่งออกมา แต่ยังคงสูดลมหายใจลึกๆ “คุณแม่ของคุณสุขภาพดีไหมครับ”

“…” ลุงตำรวจ

“คุณลองคิดดีๆ อีกที สารภาพตอนนี้ จะถือว่าคุณมอบตัว จริงๆ นะ แถมยังได้พิจารณาความดีความชอบ” ลุงตำรวจหยิบบัตรของตัวเองออกมาแล้วพูดว่า “ผมชื่อจางเยี่ยนเฟิง คิดได้แล้วรีบแจ้งผม”

ตำรวจวัยกลางคนถอนหายใจ แล้วไปหยิบแก้วน้ำทางด้านนั้นขึ้นมาดื่มก่อน จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องคุมขังอย่างจนปัญญา

โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครสังเกตว่าด้านในของรั้วกรงขัง ถูกโจวเจ๋อใช้เล็บมือกรีดเป็น ‘ร่องลึก’ แล้ว จากนั้นโจวเจ๋อก็นั่งลงทันที

“เถ้าแก่ เจ้าลำบากแล้ว”

นักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงข้ามตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่ลุงตำรวจคนนั้นเริ่มพร่ำสอนเรื่องการปกครองแล้ว และดูจากการตอบสนองของโจวเจ๋อในตอนนี้ เขาคิดว่าเถ้าแก่ของตัวเองอยากจะออกไป

โจวเจ๋อขึงตาใส่นักพรตเฒ่าอย่างไม่สบอารมณ์ เรื่องบ้าบอไร้สาระพวกนี้เป็นเพราะนักพรตเฒ่าแท้ๆ ปกติตัวเองทำเรื่องอะไรมือไม้ล้วนสะอาดทั้งสิ้น และต่อให้เป็นเรื่องเล็กที่อาจจะเกิดปัญหาแค่เอาเงินกระดาษไปเผาก็ไม่เป็นไรแล้วครั้งนี้เป็นอย่างไรล่ะ นักพรตเฒ่าหาเรื่องใหญ่มาให้ตัวเองจนได้

“เถ้าแก่ วันพรุ่งนี้พวกเราจะได้ออกไปแล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไร ทางตำรวจก็ตรวจสอบอะไรไม่เจอ เจ้าต้องอดทนไว้นะ” นักพรตเฒ่าเป็นห่วงจริงๆ ว่าเถ้าแก่จะสะเดาะกุญแจออกจากสถานีตำรวจ แบบนี้ก็เท่ากับว่าร้านหนังสือกับชีวิตของทุกคนเป็นอันจบกัน

“คุณนอนต่อเถอะ” โจวเจ๋อขี้เกียจพูดอีก เขาพิงรั้วกรงขัง จากนั้นจึงถามว่า “อ้อใช่ นักพรตเฒ่า คุณรู้จักคนในสถานีตำรวจไหม”

“อะไรนะ” นักพรตเฒ่าตกตะลึง “เถ้าแก่ เจ้าก็ชอบที่นี่เหรอ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ อาหารของสถานีตำรวจทงเฉิงนับว่าดีแล้ว ที่หรงเฉิงก็ไม่เลว ไม่ว่าอย่างไรต่างก็เป็นเมืองใหญ่ ที่แย่ที่สุดก็คือห้องขังของสถานีตำรวจขนาดเล็ก อาหารที่นั่นอร่อยสู้ที่นี่ไม่ได้…”

“คุณหุบปากจะดีกว่า” โจวเจ๋อเดิมทีคิดว่ารอให้เรื่องราวครั้งนี้สิ้นสุดตัวเองได้ออกไปแล้วค่อยกลับมาดูที่นี่อีกที ดูว่าจะสามารถหาเจ้าของเสียงที่มีโซ่ตรวนได้หรือไม่ แต่นักพรตเฒ่ากลับพูดแทรก

“ห้องขังที่กวางเจาแย่ที่สุด เจ้าก็รู้ว่ากวางเจออากาศชื้น โอ๊ย ห้องขังที่นั่นทรมานจริงๆ…”

“ถ้าคุณไม่หุบปาก ผมจะไขกุญแจแล้วไปบีบคอของคุณก่อน”

“…” นักพรตเฒ่า

นักพรตเฒ่ารีบหุบปากเงียบทันที โจวเจ๋อพยายามตั้งใจฟัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว แต่เสียดายจนกระทั่งฟ้าสาง เสียงโซ่ตรวนนั้นก็ไม่ปรากฏออกมาอีก

จนถึงตอนเช้า ตำรวจสองสามคนเดินเข้ามาไขกุญแจ ทำสัญญาณบอกให้โจวเจ๋อออกมา

โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าถูกพาเข้าไปในห้องสอบสวนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถามอะไร แค่เซ็นชื่อแล้วพูดอธิบายจากนั้นก็บอกให้โจวเจ๋อออกไปได้แล้ว

การท่องเที่ยวห้องขังหนึ่งคืนสิ้นสุดลง ตอนที่โจวเจ๋อเดินออกมา สวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่าออกมารออยู่ข้างนอกนานแล้ว ความเร็วของพวกเขาเร็วกว่าโจวเจ๋อพอสมควร สวี่ชิงหล่างยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน เขาเพิ่งออกไปซื้อ เป็นซองใหม่

โจวเจ๋อรับบุหรี่มา ไม่รีบร้อนดินออกไป แต่นั่งอยู่ข้างแปลงดอกไม้หน้าประตูสถานีตำรวจ

“น่าจะหาหลักฐานอะไรไม่เจอ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยพวกเราออกมา” สวี่ชิงหล่างยิ้มพูด

“นายพูดแบบนี้เหมือนกับว่าพวกเราทำเรื่องผิดกฎหมายจริงๆ” โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วพูด

“เหอะๆ ร้านหนังสือของพวกเรามีเรื่องที่คนไม่น่าเห็นน้อยนักเหรอ” สวี่ชิงหล่างย้อนถาม

“ข้าจะเรียกรถ” นักพรตเฒ่าหยิบโทรศัพท์ออกมากำลังจะเรียกรถ

ในเมื่อออกมาจากข้างในแล้ว ดังนั้นก็ต้องรีบกลับไปที่ร้านหนังสือโดยเร็ว นักพรตเฒ่าไม่ได้เป็นห่วงกิจการที่ร้านหนังสือ อย่างไรก็ตามกิจการที่ร้านหนังสือก็แย่แบบนั้นอยู่แล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือเจ้าลิงตัวนั้น

เจ้าลิงฉลาดมาก หากมีลูกค้าอยู่ในร้านมันจะไม่โผล่หัวออกมาเด็ดขาด เมื่อวานตอนที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามา จึงไม่เห็นเจ้าลิง ถ้าหากถูกพบเข้า ถึงแม้เถ้าแก่โจวจะไม่ได้ผลิตยาเสพติด แต่ก็ต้องมีปัญหา ไม่ว่าอย่างไรลิงตัวนั้นก็เป็นสายพันธุ์ระดับสูง เป็นสัตว์คุ้มครองของประเทศ

“รอเดี๋ยว” โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่ แล้วหันกลับไปมองสถานีตำรวจหนึ่งที

โจวเจ๋อยังไม่เข้าใจเสียงของโซ่ตรวนเมื่อวาน เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง

สถานีตำรวจ เป็นสถานที่ที่แม้แต่ยมทูตอย่างโจวเจ๋อยังไม่อยากเข้าไป ด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อจึงมีลางสังหรณ์บางอย่าง สิ่งที่ตัวเองเจอเมื่อวานอาจจะเป็น ‘ปลาตัวใหญ่’ ก็เป็นได้

“ทำไม เหล่าโจว รู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับเหรอ” สวี่ชิงหล่างพูดแซว

“กลับกันก่อนเถอะ” โจวเจ๋อเอ่ย

นักพรตเฒ่าเรียกรถแท็กซี่ ไม่ช้ารถด่วนคันหนึ่งได้เข้ามาจอด ทั้งสามคนขึ้นรถพร้อมกัน โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างนั่งเบาะหลัง นักพรตเฒ่านั่งข้างคนขับ

“พวกคุณเป็นตำรวจเหรอ” คนขับรถขับรถพร้อมกับถามไปพลาง

“ผู้ต้องสงสัย” นักพรตเฒ่าพูดตามตรง

“…” คนขับรถ

“นี่ เจ้าอย่ามือสั่นสิ ผู้ต้องสงสัยเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยเท่านั้นเข้าใจไหม ถึงแม้ตอนที่ข้าดูรายการกฎหมายเห็นผู้กระทำผิดถูกเรียกว่าจำเลยผู้ต้องสงสัยแล้วรู้สึกพูดไม่คล่องปากเลย น่าจะเรียกว่าผู้กระทำความผิดไปเลยจะดีกว่า ตอนนี้มาคิดดูก็เหมาะสมเหมือนกัน พวกเราสามคนเป็นคนที่ตำรวจอยากจับแต่หาหลักฐานไม่ครบ จึงจับกุมไม่สำเร็จ เข้าใจไหม”

นักพรตเฒ่าอธิบาย แต่มือของคนขับรถกลับยิ่งสั่น

“ถึงแม้จะถูกจับตอนที่กระทำความผิด แต่ถ้าไม่ได้คำตัดสินโทษจากศาลประชาชน ก็จะยังเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนเดิม เข้าใจไหม” สวี่ชิงหล่างพูดเสริมแทนนักพรตเฒ่า

“อ้อ เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ” นักพรตเฒ่าหัวเราะเหอะๆ

หนังหน้าของคนขับรถเริ่มกระตุก อันที่จริงคนขับรถไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่แม่งสองคนนี้พูดรับส่งกันไปมา ทำให้เขารู้สึกกดดันจริงๆ

“อ้อใช่ เถ้าแก่ อย่างนั้นตอนบ่ายข้ายังต้องหาอุปกรณ์ให้เจ้าอยู่หรือเปล่า ทางตำรวจอาจจะจับตาดูอยู่ ถ้าหากพวกเขาจับพวกเรากลับไปอีกในนามของผู้ผลิตยาเสพติด คงจะยุ่งยากมาก”

“ผมจะคิดหาวิธีทำออกมาเอง” โจวเจ๋อก็กลัวปัญหานี้ ดังนั้นจึงคิดว่าจะนำไหเหล้าจีนออกไปหาห้องทดลองเพื่อทำสารสกัดเอง

“ได้ ควรจะย้ายสถานที่แล้ว คาดว่าหน้าประตูร้านหนังสือของพวกเราช่วงนี้คงมีแต่ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยจับตาดู” สวี่ชิงหล่างพูด

คนขับรถกลืนน้ำลาย เขาอยากจะหยุดรถให้ทั้งสามคนลงกลางทางจริงๆ แต่เขาไม่กล้า

ระหว่างนั้น มีรถอาวดี้คันหนึ่งเหยียบเบรกกะทันหัน ด้วยความสะเพร่าของคนขับรถที่ไม่ทันได้เหยียบเบรก จึงชนเข้าอย่างจัง

‘ปัง!’ รถสองคันชนท้ายรถกัน

จริงๆ แล้วเวลาที่เจอเจ้าของรถที่ว่างจัดไม่มีอะไรทำชอบเบรกรถกะทันหันแบบนี้ตามท้องถนน โดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นการชนท้ายรถจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของรถคันหลัง เพราะมีการกล่าวไว้ในการสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎีว่า ต้องรักษาระยะความปลอดภัยของรถ แต่ถนนในเมืองส่วนใหญ่ของประเทศจีนที่รถติดแบบนี้ การรักษาระยะความปลอดภัยของรถอย่างเคร่งครัดหลายครั้งเป็นเรื่องที่ทำได้จริงยากมาก

“เจ้าขับรถยังไง!” นักพรตเฒ่าโกรธ เพิ่งจะออกมาจากสถานีตำรวจก็ถชนเสียแล้ว ซวยจริงๆ เลย เวลานี้ ประตูรถรถอาวดี้คันข้างหน้าได้เปิดออก

นักพรตเฒ่าพูดเหมือดีใจในความโชคร้ายของคนอื่น “ได้เลย เจ้าของรถมาหาเรื่องเจ้าแล้ว”

แต่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ ผู้ชายเจ้าของรถหลังจากลงจากรถไม่ได้วิ่งมาหาเรื่องที่นี่ แต่กลับวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง วิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก

คนทั้งสี่ที่นั่งอยู่ในรถรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง คนขับรถโทรศัพท์แจ้งตำรวจจราจร ไม่ว่าอย่างไรให้ตำรวจจราจรมาจัดการก่อน

นักพรตเฒ่าเปิดประตูลงจากรถก่อนแล้วเดินไปดูข้างหน้า เวลานี้ ประตูท้ายของรถคันหน้าที่ถูกชนท้ายถูกผลักออกกะทันหัน ผู้หญิงที่ถูกมัดด้วยเชือกตกลงมาจากด้านใน

“อ้าว สาวน้อย เล่นคอสเพลย์เหรอ” นักพรตเฒ่าพูดอยู่ข้างๆ

หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่บนพื้นอย่างใจเย็น เริ่มดิ้นให้หลุดจากเชือก หลังจากตัวเองหลุดจากเชือกแล้ว เธอจึงยื่นมือดึงเศษผ้าที่ปิดปากของตัวเองออก

“ฉันถูกคนขโมยรถที่ลานจอดรถ แถมยังถูกจับมัดตัวด้วย เมื่อกี้เป็นเพราะรถถูกชนท้าย เขาจึงหนีไป” หญิงสาวพูดกับนักพรตเฒ่า

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ…” นักพรตเฒ่ากุมท้องหัวเราะท้องแข็ง

“สาวน้อย เจ้าเป็นคนตลกจริงๆ เรื่องล้อเล่นแบบนี้ไม่สนุกเลยสักนิด วางใจได้ ถึงแม้พวกเจ้าจะเหยียบเบรกมั่วซั่วแต่เรื่องชนท้ายรถคันหลังต้องรับผิดชอบ พวกเราเป็นลูกค้าไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่เป็นไร เรื่องที่เจ้ากุขึ้นมาแม้แต่ภาพยนตร์ก็ไม่กล้าเอาไปถ่ายทำ มีคนขโมยรถของเจ้าแล้วยังจับตัวเจ้าด้วยเหรอ แถมยังเป็นเพราะรถของพวกเราชนท้ายรถของเจ้าเจ้าเลยได้รับการช่วยเหลือ โธ่เอ๊ย น้องสาว เจ้าอยากจะทำให้ข้าหัวเราะแล้วให้ข้าจ่ายเงินใช่ไหม”

หญิงสาวหันหน้ามองนักพรตเฒ่าอย่างใจเย็น นักพรตเฒ่าหัวเราะ แล้วเริ่มหัวเราะไม่ออก จากนั้นจึงลองถามด้วยความสงสัย “สาวน้อย จริงเหรอ”

…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล