ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 208

ตอนที่ 208 จุดเริ่มต้นของความฝัน!

“หัวหน้าจาง พวกคุณกำลังสืบอะไรครับ คดีถูกใส่ความเหรอ ผมสามารถช่วยพวกคุณสืบอย่างละเอียดได้นะครับ” ตำรวจหนุ่มมีความกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด

“เสี่ยวหลิว ดึกแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ต้องทำงานอีก” จางเยี่ยนเฟิงกล่าว

เรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากความฝันของเขา เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้มากกว่านี้ และพูดตามความจริง เรื่องนี้มีผลกระทบที่ไม่ค่อยดี

“ไม่เป็นไรครับ หัวหน้าจาง ผมไม่เหนื่อย ผมสามารถ…”

“คุณเหนื่อยแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงพูดเตือน

“อ้อ เอ่อ ครับ ผมเหนื่อยแล้ว งั้นก็ตามนี้ครับ หัวหน้าจาง ผมขอตัวก่อนนะครับ” ตำรวจหนุ่มหยิบโน้ตบุ๊กของตัวเองแล้วเดินออกไป

โจวเจ๋อนั่งอยู่ข้างๆ จุดบุหรี่อีกหนึ่งมวนอย่างเงียบๆ จริงๆ นะ ดูเหมือนเขาจะมองเห็นตัวเองในชาติที่แล้วจากตัวของจางเยี่ยนเฟิง ตอนนั้นหมอหลินชอบตัวเอง แต่ตัวเองกลับไม่รู้เลยสักนิด และเขาก็ปฏิบัติแบบนี้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ

โจวเจ๋อจึงถามหนึ่งประโยคออกมาอย่างไม่คาดคิด “ตำรวจจางคุณยังโสดอยู่ไหมครับ”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า

เหอะ เหมือนจริงๆ

จากนั้นจึงวกกลับมาเรื่องเดิม จางเยี่ยนเฟิงยื่นมือเคาะไปบนโต๊ะเบาๆ ด้วยแววตาที่จริงจังแล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว จากภาพวาด ผมรู้สึกว่ามันดูคุ้นตานิดๆ มีความคล้ายคลึงกับในภาพยนตร์และผลงานศิลปะวรรณกรรมบางอย่างเป็นอย่างมาก”

“ผมเข้าใจความหมายของคุณครับ โซ่ตรวน ชุดนักโทษ เดินในที่แคบๆ ไปข้างหน้าทีละก้าว บริเวณโดยรอบล้วนเป็นห้องขัง สายตาของทุกคนมองทุกอย่างด้วยความเย็นชาหรือโกรธเคือง ถ้าหากหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเพลง‘น้ำตานองหลังหน้าต่างเหล็ก’ คงจะเข้ากับบรรยากาศในเวลานี้เป็นอย่างมาก”

“คุณก็คิดแบบนี้เหมือนกันเหรอ”

สีหน้าของจางเยี่ยนเฟิงยังคงเคร่งขรึม ความจริงแล้วภายใต้ความเคร่งขรึมนั้น แอบซ่อนด้วยความเก้อเขินและไม่คุ้นชิน เขาเป็นตำรวจมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว กลับมาคุยเรื่องพิลึกกึกกือกับคนที่ก่อนหน้านี้ตัวเองคิดว่าเป็นผู้ต้องสงสัย เขาจึงรู้สึกแปลกๆ และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ขัดกัน

แท้จริงแล้วตำรวจจางเป็นคนจิตแข็งมาก คนทั่วไปที่เจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรกมีความเป็นไปได้สูงที่จะตกใจขวัญหนีดีฝ่อ แต่เขายังสามารถควบคุมอารมณ์ได้

“ถ้าหากเป็นวิญญาณของวีรบุรุษหรือทหารที่พลีชีพเพื่อชาติ อย่างการถูกควบคุมตัวไปลานประหารเพื่อประหารชีวิต แนวคิดนี้เป็นไปได้ พวกเราก็เคยเห็นในหนังในนิยายบ่อยๆ และทหารที่เสียสละพวกนั้นก็คุ้มค่าแก่การเคารพมาก”

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา จากนั้นยื่นมือชี้ไปที่เท้าของตัวเองแล้วเอ่ยว่า “วิญญาณของทหารที่พลีชีพเพื่อชาติว่างจัดเลยล่ามโซ่ไว้ที่เท้าของคุณกับผมเหรอครับ ให้เป็นของที่ระลึกเหรอ หรือว่าเพื่อมอบความรักและกำลังใจ

นอกจากนี้ผมเป็นคนดี คุณก็เป็นคนดี โอเค ผมพูดแบบนี้อาจจะดูติงต๊องไปหน่อย แต่ตอนนี้พวกเราได้แต่วิเคราะห์ตามหลักการพวกนี้อย่างเดียว ภายใต้เงื่อนไขการเป็นคนดีของพวกเรา วิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าได้ใส่โซ่เส้นหนึ่งให้พวกเรางั้นเหรอ ดูไม่มีเหตุผลเลย ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ นี่ไม่ใช่จุดชมวิวหรือวัดวาอาราม ที่คนท้องถิ่นพยายามขายของที่ระลึกให้คุณด้วยการยัดของมาให้คุณอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงเสียหน่อย”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า ถ้าจะให้ตำรวจอาชญากรรมอย่างเขาวิเคราะห์แนวคิดของผี นับว่าเกินขอบเขตความสามารถของเขาจริงๆ แต่ในความเป็นจริงคนกับผีต่างมีรูปแบบความคิดที่เหมือนกัน

ถ้าหากเป็นวิญญาณของวีรบุรุษผู้กล้าจริงๆ ก็ไม่น่าจะทำตัวน่าเบื่อขนาดนี้ อยากจะให้คำอวยพรก็ไม่น่าจะให้โซ่ตรวนใช่ไหมล่ะ

โทรศัพท์ของจางเยี่ยนเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง เขากดรับสาย สักพักหนึ่งเขาจึงพูดกับโจวเจ๋อ “เดิมทีสถานีตำรวจของพวกเราเคยเป็นโรงพยาบาลมาก่อน ตั้งแต่ยุคสาธารณรัฐจีนในตอนนั้นก็เป็นโรงพยาบาลแล้ว หลังปลดแอกก็ถูกทิ้งร้างมาระยะหนึ่ง จากนั้นจึงถูกประชาชนปรับปรุงเป็นอาคารที่พักอย่างง่าย หลังจากนั้นก็ถูกสร้างเป็นสถานีตำรวจโดยอาศัยโครงสร้างเดิม เมื่อสิบปีก่อนได้บูรณะใหม่อีกครั้ง แต่สืบไม่เจอว่าเคยทำเป็นเรือนจำมาก่อน”

โจวเจ๋อครุ่นคิด โดยทั่วไปแล้ววิญญาณกับความยึดติดจะอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของมันแน่นอน เช่น คนที่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมในที่แห่งนี้ ถ้ากลายเป็นวิญญาณอาฆาตก็ต้องอยู่ที่นี่แน่นอน

นอกจากนี้โจวเจ๋อกับตำรวจจางล้วนถูกใส่โซ่ตรวนที่สถานีตำรวจแห่งนี้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้บ้างว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องอยู่ในสถานีตำรวจแห่งนี้แน่นอน

“ไม่เคยทำเป็นเรือนจำมาก่อนงั้นเหรอ” โจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจ เพราะจากเหตุการณ์ในความฝันของจางเยี่ยนเฟิงได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว ที่นั่นในตอนนั้นน่าจะเป็นเรือนจำแห่งหนึ่งถึงจะถูก

“ผมต้องกลับก่อน แล้วไปสืบค้นดูให้ละเอียดอีกที คุณก็รู้ ข้อมูลพวกนี้หาในอินเทอร์เน็ตไม่เจอ ต้องเข้าไปค้นในห้องเก็บเอกสารสำคัญ” จางเยี่ยนเฟิงหยิบโทรศัพท์และบุหรี่ของตัวเองที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะบอกลาแล้วเดินออกไป ตอนที่เดินออกมาจากร้านกาแฟ เขาได้เงยหน้าถอนหายใจยาว เรื่องในวันนี้ทำให้เขาไม่กล้าที่จะคิดมาก และไม่อยากคิดมากด้วย กระทั่งรวมถึงเรื่องของโจวเจ๋อคนนี้

แต่เหตุการณ์นี้จำเป็นต้องจัดการ ไม่ว่าอย่างไรโซ่ตรวนเส้นนี้วนเวียนอยู่ในความฝันของเขามานานยี่สิบกว่าปีแล้ว เขาจึงไม่อยากทิ้งโอกาสในครั้งนี้เพื่อความสะอาดทางจิตใจ

หันหน้ากลับมามองโจวเจ๋อที่ยังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ จากนั้นจางเยี่ยนเฟิงก็ส่ายหน้า ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างในน่ากลัวมาก ใช่แล้ว น่ากลัวมากจริงๆ

นี่ไม่ใช่สายตาของตำรวจมองผู้ต้องสงสัย แต่เป็นสายตาของคนที่อยู่ข้างนอกมองคนที่อยู่ข้างใน ชีวิตของคนทั้งสองกับบรรยากาศรอบตัว อาจจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

จางเยี่ยนเฟิงไม่แน่ใจหลังจากที่ตัวเองถลำตัวเข้าไปแล้ว จะยังเดินออกมาได้หรือไม่ เขาส่ายหน้าแล้วเดินไปที่สถานีตำรวจ

โจวเจ๋อได้เรียกรถแท็กซี่ หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปจึงกลับมาถึงร้านหนังสือ

วันนี้ร้านหนังสือปิดร้าน ตอนกลางวันปิดร้าน ตอนกลางคืนก็ปิดร้านเหมือนกัน เถ้าแก่เกิดเรื่องนิดหน่อย พวกพนักงานจึงเป็นห่วงจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน

ความรู้สึกแบบนี้เหมือนนักเรียนชั้นมัธยมต้นพูดว่าประเทศยังไม่รวมเป็นหนึ่ง ก็ไม่อยากเรียนหนังสือ นี่คือคำอธิบายของพวกเขา

จากนั้นนักพรตเฒ่าก็ไลฟ์สด เจ้าลิงถือโทรศัพท์ให้เขา และขอบคุณเถ้าแก่ทั้งหลายที่มอบจรวดมอบครื่องบินไม่หยุด!

สวี่ชิงหล่างนอนอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ กำลังมาส์กหน้า นอนฟังเพลงและฮัมเพลงอย่างมีความสุข

ไป๋อิงอิงนั่งเล่นเกม ช่วงนี้นางซื้อบัญชีของคาเคา ได้ยินว่าไม่มีโปรแกรมแฮก จึงเล่นได้อย่างสนุกสนาน

แม้แต่เดดพูลที่นั่งอยู่ชั้นล่างมาตลอด ก็ยังกลับไปนั่งต่อในห้อง

มองดูพนักงานของตัวเอง เถ้าแก่โจวรู้สึกหมดแรงจริงๆ สองวันนี้เขาไม่ได้นอนเลย ดังนั้นจึงเดินขึ้นไปชั้นสองหลังจากเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้ว ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง

พอคิดว่าเท้าของตัวเองมีโซ่ขึ้นสนิมเส้นหนึ่งพันอยู่รอบๆ เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก อึดอัดเป็นอย่างมาก จึงนอนพลิกตัวไปมาไม่หยุด

ไป๋อิงอิงหยุดเล่มเกมอย่างรู้หน้าที่แล้วจึงนอนบนเตียงเช่นกัน นางบอกให้โจวเจ๋อเอาหมอนมาวางบนตักของตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มนวดศีรษะให้โจวเจ๋อเบาๆ

ในที่สุดโจวเจ๋อก็รู้สึกง่วงแล้ว เขาหลับตาอย่างช้าๆ เข้าสู่การนอนหลับ

ติ๊ด…

ติ๊ด…

ติ๊ด…

นี่คือเสียงน้ำ ชัดเจนมากและอยู่ในที่ลึกและกว้างอย่างเห็นได้ชัด

โจวเจ๋อลืมตา พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนผิวน้ำ ทะเลสาบที่คุ้นเคย ทางเดินแสนไกลที่คุ้นเคย รวมทั้งดวงวิญญาณเขย่งปลายเท้าเดินเบียดเสียดกันอยู่บนทางเดิน

กลับมาที่นี่อีกแล้ว ดูเหมือนตัวเองจะไม่ได้ฝันนานแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่มีไป๋อิงอิงนอนเป็นเพื่อน คุณภาพการนอนหลับของตัวเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก

โจวเจ๋อมองดูด้านล่างของสระน้ำเมื่อรู้ตัว เหมือนได้กลับบ้านเกิดอีกครั้ง เขาอยากจะดูว่าศัตรูคู่แค้นเก่าคนนั้นยังอยู่ไหม น้ำในสระใสแจ๋ว เป็นความใสจนมองเห็นก้นบึ้งที่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย แต่ยามที่ทอดมองลงไปกลับไม่เห็นร่องรอยของผีสาวไร้หน้าเลยสักนิด

สงสัยเธอจะตายที่เมืองหรงเฉิงแล้วจริงๆ โจวเจ๋อถอนหายใจยาว แต่ในเวลานี้เขาเห็นเงาที่สะท้อนอยู่ด้านหลังตัวเองจากในสระน้ำ เขาหันไปทันที กลับพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังตัวเองไม่ถึงหนึ่งเมตร เป็นผู้หญิงผมยาวปิดหน้าตัวเองทั้งหมด

“เธอยังไม่ตายเหรอ” โจวเจ๋อถามด้วยความสงสัย

ผู้หญิงไม่ตอบแล้วยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม

“คุณจะไปไหน” โจวเจ๋อถาม

ผู้หญิงเงยหน้าช้าๆ ถึงแม้นัยน์ตาของเธอจะอยู่ภายใต้เส้นผมที่หนาแน่น แต่โจวเจ๋อสามารถสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตัวเองอยู่

“ประโยคนี้ น่าจะเป็นฉันที่ถามคุณ…คุณกำลัง…จะไปไหน”

‘ปุดๆ…ปุดๆๆ…’ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเดิมทีสระน้ำที่แข็งเหมือนน้ำแข็งจู่ๆ ได้ยุบลงไป จากนั้นตัวเองจึงตกลงไปในน้ำ ชั่วเวลาเดียว รู้สึกขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรง เหมือนมีมือจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพยายามปิดหูปิดตาปิดจมูกของเขา เพื่อไม่ให้เขารับรู้ความรู้สึกภายนอกได้ สิ่งที่จำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ คำถามสุดท้ายของอีกฝ่ายที่ดังอยู่ข้างหู

“ฮู่ว…” โจวเจ๋อลุกนั่งเมื่อได้สติ ตื่นจากฝันหรอกเหรอ

อาจจะเป็นเพราะตัวเองเป็น ‘ผี’ ดังนั้นเวลาที่ฝัน จึงมักจะฝันว่ากลับไปที่นรก แต่ผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนผีสาวไร้หน้าก่อนหน้านั้นเป็นใคร เสียงของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ใช่ผีสาวไร้หน้า

เมืองหรงเฉิงวันนั้นเกิดเรื่องอะไรกันแน่ โจวเจ๋อไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไร สาวน้อยโลลิมองเรื่องในวันนั้นเป็นข้อห้ามอย่างหนึ่ง เธอไม่ยอมพูดออกมา โจวเจ๋อเคยลองถามแล้ว แต่การตอบสนองของสาวน้อยโลลิในตอนนั้นก็คือ ต่อให้ฆ่าเธอเธอก็ไม่ยอมนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอีก โจวเจ๋อจึงได้แต่ปล่อยไป

“อิงอิง…” โจวเจ๋อเอ่ย อยากจะสั่งให้ไป๋อิงอิงรินน้ำให้ตัวเอง แต่เขากลับตกตะลึงนิ่งอึ้ง เพราะเขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงในห้องนอนชั้นสองที่ร้านหนังสือของตัวเอง แต่กลับนอนอยู่บนเสื่อเก่าๆ และข้างกายเขา มีคนที่ใส่เสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นนั่งพิงกำแพงอย่างเนืองแน่นหรือไม่ก็นอนอยู่ตรงนั้น ตอนที่ตัวเขาพูดออกมา คนอื่นๆ จึงมองเขา

ความฝันยังไม่สิ้นสุดลง เขายังไม่ตื่นขึ้นมา ไม่ ตอนที่โจวเจ๋อเงยหน้ามองรั้วเหล็กที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง เขาเพิ่งรู้ตัวว่า ไม่ใช่แค่ความฝันยังไม่สิ้นสุดลงเท่านั้น แต่ความฝันนี้เพิ่งจะเริ่มต้น

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ เสียงที่เสียดสีกันบนพื้นของโซ่เหล็กดังมาแต่ไกล เป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก

จางเยี่ยนเฟิงบอกว่านับตั้งแต่ที่เขาฝันในวันนั้น ตลอดเวลายี่สิบกว่าปี ตัวเขาที่อยู่ในความฝันจะมีโซ่ตรวนพันเท้าของตัวเองเสมอ

โจวเจ๋อจึงก้มหน้าเมื่อรู้ตัว เปิดเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ ที่อยู่ตรงร่างกายท่อนล่างของตัวเอง โซ่ล่ะ โซ่ของฉันล่ะ ทำไมฉันไม่มีโซ่

…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล