ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 209

ตอนที่ 209 พี่ใหญ่!

โจวเจ๋อมองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ เขารู้ว่าน่าจะเป็นความฝัน แต่ครั้งนี้ถือว่าเขาได้สัมผัสถึงความฝันที่จางเยี่ยนเฟิงบรรยายก่อนหน้านั้น…ซึ่งสมจริงมาก

ใช่แล้ว เป็นความฝันที่เสมือนจริงมากจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวล คุณสามารถมองเสมือนเป็นของจริง รายละเอียดจริงที่มันสะท้อนออกมา ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่าง ไม่มีความเลือนรางเหมือนความฝันเลยสักนิด กระทั่งชัดเจนมากเกินไป แค่คุณกวาดตามองเฉยๆ แม้แต่ก้อนอิฐสองสามก้อนที่อยู่ตรงนั้นรวมทั้งรอยเสียดสีที่อยู่บนนั้นคุณก็ยังจำได้อย่างชัดเจน

ความเย็นยะเยือก ความชื้น ความอึดอัด ที่นี่เหมือนส่วนที่อยู่ลึกสุดของฝันร้าย เป็นมุมหนึ่งของห้วงเหวลึก ปัจจัยของสภาพแวดล้อมอันที่จริงเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนที่นั่งหรือนอนอยู่ในพื้นที่คับแคบแห่งนี้ต่างหาก

สีหน้าของพวกเขา แววตาของพวกเขา ความเย็นชาของพวกเขา ความเลื่อนลอยแบบนั้น เพิ่มความสิ้นหวังให้กับที่นี่อย่างมาก ภายในอากาศ อบอวลไปด้วยกลิ่นที่ทำให้คุณอยากจะอาเจียน

คุณไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากลิ่นเหม็นนี้มาจากสิ่งใด เพราะมันผสมรวมกัน เป็นการผสมรวมกันที่ทำให้คุณหนังศีรษะชายากที่จะจินตนาการได้

กลิ่นฉี่ กลิ่นน้ำหนอง กลิ่นเหม็นที่กระจายออกจากร่างกายของคนรวมทั้งกลิ่นศพที่ผสมปนเปเข้าด้วยกัน

โจวเจ๋อก้มหน้า สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เขาไม่สบายจริงๆ อยู่เพียงแค่วินาทีเดียวก็เป็นการทรมานอย่างหนึ่งต่อให้เป็นเพียงความฝัน เขาก็หวังว่าจะได้ตื่นขึ้นมา เบาะแสอะไรของแม่มึง ร่องรอยอะไรของแม่มึง ความจริงอะไรของแม่มึง จะให้ฉันอยู่ในที่แบบนี้ ถึงแม้จะเป็นความฝันก็ไม่ได้!

เวลานี้เถ้าแก่โจวเอาแต่ใจอย่างเห็นได้ชัด เขาหลับตา ลองจินตนาการถึงความรู้สึกตอนลอยอยู่เหนือผิวน้ำอยู่ในใจอย่างช้าๆ คนปกติทั่วไปถ้าหากฝันว่าถูก ‘ผีอำ’ หรือ ‘ฝันที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝัน’ ก็สามารถลองทำแบบนี้ได้ เพื่อเร่งให้ตื่นจากความฝัน

ทว่าสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงกลับตรงข้ามกัน มีมือข้างหนึ่งกดอยู่บนหน้าผากของโจวเจ๋อในทันใด และมือข้างนั้นก็เหม็นมาก กลิ่นแสบจมูกรุนแรงพุ่งเข้าโพรงจมูกของโจวเจ๋อ แรงมากจนถึงประสาทของเขา

“ไข้…ลดแล้ว” คนที่พูดเป็นผู้ชายวัยกลางคน ผมเผ้ายุ่งเหยิง มีรอยแผลเป็นสองจุดบนใบหน้า

โจวเจ๋อค่อยๆ ลืมตา ยื่นมือออกไปเมื่อรู้ตัวอยากจะปัดมือของอีกฝ่ายที่อยู่บนหน้าผากของตัวเองออกไป แต่ทันใดนั้นเขากลับพบว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแอมาก หมดแรงถึงขั้นอ่อนระโหยโรยแรงยากที่คนจะจินตนาการได้ ยกมือได้ครึ่งทางก็ร่วงลงมา และยังมึนศีรษะอีกด้วย

“ไม่เป็นไรๆ ไข้ลดแล้ว ไม่มีปัญหาใหญ่มาก” ผู้ชายอ้าแขนทั้งสองข้าง ดึงโจวเจ๋อเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง

“…” โจวเจ๋อ

เถ้าแก่โจวตอนนี้เกลียดความสมจริงที่สมควรตายนี่ชะมัด คุณจะทำให้สมจริงขนาดนี้ไปทำไม สนุกนักเหรอ การสัมผัสตรงผิวหนังจุดอื่นที่อยู่นอกเหนือเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นในตอนนี้ชัดเจนมาก ‘ขี้ไคล’ ที่สะสมมาจากความมันเยิ้มและสิ่งสกปรกบนเนื้อตัวของผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนจะมีความลื่นอยู่ด้วย

ทุกรายละเอียดและทุกตำแหน่งที่สัมผัส กระทั่งลมหายใจร้อนชื้นของอีกฝ่ายที่รดใบหน้าของตัวเอง มาพร้อมกับความสิ้นหวังที่ทำให้คนอยากอาเจียนสุดๆ!

“ยังหนาวอยู่ไหม” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก

โจวเจ๋อตั้งใจฟังสำเนียงของอีกฝ่าย มีสำเนียงเสฉวนอยู่เล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่สำเนียงทงเฉิง

เถ้าแก่โจวอยากจะด่าคน แต่สิ่งที่เขาอยากทำมากกว่านั้นคือรีบจบสิ้นสภาพน่าอับอายแบบนี้โดยเร็ว เขาส่ายหน้าอยากจะพูด แต่พอจะพูดกลับพูดไม่ออก เขาเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนส่งเสียงออกมาจากลำคอไม่ได้

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ เสียงของโซ่ดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ผู้คนในห้องขังที่เดิมทีเหมือนเป็น ‘ศพแห้ง’ จู่ๆ ก็ขยับขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น พวกเขาลุกขึ้นทีละคน ทั้งหมดต่างกรูกันเข้าไปที่รั้วเหล็ก สองมือจับราวเหล็กแล้วมองออกไปข้างนอก เหมือนวันที่มีตลาดนัดในชนบท ทุกคนต่างอยากเข้ามาดูความคึกคัก

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ ใกล้แล้ว ใกล้มากแล้ว คนที่ใส่โซ่ตรวนกำลังจะมาแล้ว!

โจวเจ๋ออยากจะลุกขึ้นมาดู นี่คงจะเป็นฉากที่จางเยี่ยนเฟิงเห็นในความฝัน แต่ถ้าตัวเองไม่ได้เห็นความจริงมากกว่าจางเยี่ยนเฟิง อย่างนั้นตัวเองกับจางเยี่ยนเฟิงก็เห็นในมุมมองที่ต่างกัน

ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ได้ดมกลิ่นเหม็นไปแล้ว เจอสถานที่ที่สกปรกแบบนี้แล้ว และยังโดนผู้ชายกอดอีก ถ้าหากไม่ลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองลำบากฟรีเปล่าๆ และเสียเปรียบมาก

โจวเจ๋อส่งสายตาให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เพื่อบอกให้เขาประคองตัวเองขึ้นมา “ไข้คุณเพิ่งจะลด นอนพักหนึ่งก่อน ผมจะไปดูเอง”

ขณะที่พูดผู้ชายได้วางเถ้าแก่โจวลงนอนบนพื้นอย่างนุ่มนวลมาก ตรงส่วนนี้มีเศษหญ้าฟางปูค่อนข้างหนา ดังนั้นจึงนุ่มกว่าส่วนอื่น

เถ้าแก่โจวจึงเงยหน้ามองเพดานในห้องขังอยู่แบบนี้ และตอนนี้คนภายในห้องขังทั้งหมด รวมทั้งผู้ชายที่คอยอยู่เป็นเพื่อนตัวเองก่อนหน้านั้น ทุกคนต่างเบียดกันตรงรั้วเหล็กแล้วชะโงกหน้ามองออกไปข้างนอก เหมือนกลุ่มแฟนคลับคลั่งที่กำลังไล่ตามซูเปอร์สตาร์

มีเพียงโจวเจ๋อคนเดียวที่นอนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเหมือนไอ้งั่งคนหนึ่ง เหมือนตัวประกอบเล็กน้อย และตัวประกอบตัวนี้ก็ไม่มีบทพูด เป็นแค่ศพ และหลังจากที่กล้องตัดภาพไปที่อื่น ผู้กำกับจอมหลอกลวงก็ไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นมา ปล่อยให้ตัวเองนอนเป็นศพต่อไป

ไม่มีใครพูด ไม่มีเสียงคน แม่งเอ๊ย ดูการถ่ายทอดสดไม่ไหว แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยินด้วยเหรอ โจวเจ๋อแอบด่าอยู่ในใจอีกครั้ง ตอนนี้เขาอยากจะหลับตาจริงๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีใครรบกวนเช่นนี้อยากจะรีบทำลายความฝันนี้ให้ตัวเองตื่นขึ้นมา

ตอนนี้เขาควรจะนอนหลับสบายอยู่บนตักของไป๋อิงอิง เวลาที่ตื่นขึ้นมาก็สั่งให้ไป๋อิงอิงชงน้ำชาให้ตัวเอง ทำไมยังต้องนอนต่อในสถานที่ที่สกปรกยิ่งกว่าห้องน้ำอย่างนี้อีก แต่โจวเจ๋อก็ไม่พอใจเล็กน้อย ตัวเองลำบากก็แล้ว โดนแต๊ะอั๋งก็แล้ว ดังนั้นจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร

อีกอย่างเขาจำได้ว่าจางเยี่ยนเฟิงเคยพูดว่า ความฝันนั้นเขาจำได้ชัดเจน เพราะมันสมจริงมาก แต่ความฝันนั้นเขาเคยฝันแค่ครั้งเดียว ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่โจวเจ๋อจะมีโอกาสฝันแค่ครั้งเดียวเหมือนกัน ฉันจะอดทน ฉันจะอดทนต่อไป

ในหัวของโจวเจ๋อเริ่มนึกถึงสภาพ ‘ตายปลอมๆ’ หลังจากที่ตัวเองโดนรถชนในช่วงสุดท้ายของชาติที่แล้ว นึกถึงประสบการณ์ในตอนนั้นที่ตัวเองถูกแต่งหน้าแล้วเข็นเข้าเตาเผาศพ

ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว เสียงลมหายใจของทุกคนที่อยู่รายล้อมมีความหอบหนักมากขึ้น เสียงลมหายใจมีความกระตือรือร้น มีความหวังบางอย่าง เหมือนลิงอุรังอุตังตัวผู้ที่เกิดติดสัด พ่นลมหายใจออกมา จะขาดก็แค่ใช้สองมือทุบหน้าอกตัวเองแล้วร้อง ‘อุๆๆๆ’ ออกมา

อย่าถามว่าโจวเจ๋อเดาสิ่งต่างๆ มากมายจากเสียงลมหายใจได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขานอกจากวิจัยการเปลี่ยนแปลงของเสียงแล้วยังจะวิจัยอะไรได้อีก

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ มาแล้วๆ คนที่ลากโซ่ตรวนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ และฟังจากเสียง โจวเจ๋อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเดินมาถึงหน้าประตูของห้องขังของตัวเองแล้ว

โจวเจ๋อพยายามใช้แรงทั้งหมดหันหน้าไป เขาอยากเห็น อยากดู และจะต้องดูให้ได้!

แต่สุดท้ายโจวเจ๋อต้องผิดหวัง เขามองเห็นเพียงเงาหลังของผู้ชายกลุ่มนั้นที่อยู่ตรงรั้วกั้น พวกเขายืนเบียดกันตรงนั้นแน่นขนัด เถ้าแก่โจวอยากจะแอบมองตามซอกหลืบก็ยังทำไม่ได้ จริงๆ เลย!

โจวเจ๋อแผดเสียงคำรามอยู่ในใจไม่หยุด

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ เสียงดังจากไกลมาใกล้ และเริ่มลากยาวออกไปอย่างช้าๆ คนน่าจะเดินไปไกลแล้ว เดินออกไปทื่อๆ แบบนี้ ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ แล้วเขาก็คำรามหนึ่งประโยค “ประตูที่ให้คนเข้าออกถูกล็อก ช่องที่ให้หมาเข้าออกยังเปิดอยู่ไหม”

โจวเจ๋อเคยพูดเรื่องนี้กับจางเยี่ยนเฟิงก่อนหน้านั้น หากดูจากสภาพแวดล้อมในตอนนั้น คนที่ใส่โซ่ตรวนมีความเป็นได้สูงว่าจะเป็นวีรบุรุษ เป็นวีรบุรุษที่ยอมตายดีกว่ายอมแพ้ ถึงแม้จะมีปัญหาที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่ความน่าจะเป็นที่จะเป็นไปได้นั้นสูงมาก

ตอนนี้โจวเจ๋อพอจะตัดการคาดคะเนก่อนหน้านั้นออกไปได้ เพราะคนที่ใส่โซ่ตรวนคนนั้นหลังจากที่เดินไปไกลแล้ว โจวเจ๋อไม่เห็นคนอื่นๆ ในห้องขังเศร้าหรือโกรธ แต่กลับตรงข้ามกันพอดี บนใบหน้าของพวกเขามีแต่ความอิจฉาและความปรารถนา ราวกับว่าอยากให้คนที่เดินออกไปพร้อมกับโซ่ตรวนและกุญแจมือคนนั้นเป็นตัวเอง

นี่ทำให้โจวเจ๋องุนงงอยู่บ้าง นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่

ผู้ชายคนนั้นเดินกลับมา แล้วยื่นมือจัดผมเผ้าของโจวเจ๋อ พูดจริงๆ นะ ถ้าหากให้สวี่ชิงหล่างทำแบบนี้กับตัวเอง เขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยชินเท่าไร แต่ไม่ถึงขั้นไม่ชอบใจ ทว่าไอ้หมอนี่ที่เนื้อตัวสกปรกและมันเยิ้มคนนี้กลับทำแบบนี้ ความรู้สึกคลื่นไส้เมื่อครู่ที่ไม่ง่ายเลยกว่าเถ้าแก่โจวจะระงับได้เริ่มย้อนกลับมาอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้ เขาอยู่ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

“นอนต่ออีกสักพัก เดี๋ยวข้าวมาแล้ว ผมจะหยิบให้คุณหนึ่งชุด” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยความอ่อนโยน

เถ้าแก่โจวไม่ค่อยสนใจเรื่องกินข้าวจริงๆ อาหารปกติเขาก็กินไม่ลงอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมของที่นี่ จริงๆ แล้ว คุณก็น่าจะรู้ว่าข้าวของคนพวกนี้เป็นอย่างไร

ความฝันจบลงหรือยัง แท้จริงแล้วจบลงหรือยัง โจวเจ๋อเหมือนคนที่ดูภาพยนตร์จบแล้วแต่ยังไม่เดินออกไป กำลังรอเซอร์ไพรส์ท้ายเรื่อง แต่รอไปสักพักหนึ่ง ไม่น่าจะมีเซอร์ไพรส์แล้ว ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะหลับตาออกจากความฝัน ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกเจ็บที่ท้องของตัวเอง เหมือนมีอะไรกำลังถีบท้องของตัวเองอยู่ จริงๆ เลย กินอะไรผิดสำแดงเหรอ

“เป็นอะไร คุณเจ็บไหม” ผู้ชายคนนั้นมองโจวเจ๋อด้วยความกระวนกระวายใจ จากนั้นยื่นมือลูบที่ท้องของเขา

“…” โจวเจ๋อ

และในเวลานี้มีเสียงสวบสวบดังมาอีกครั้ง ถังไม้ใบหนึ่งถูกวางอยู่ข้างนอก น่าจะเป็นข้าว ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินไปทางนั้น ภาพคนแย่งอาหารกันอย่างที่คิดเอาไว้ไม่เกิดขึ้น ทุกคนกลับควบคุมตัวเอง รอให้ผู้ชายคนนั้นใช้ถ้วยเก่าๆ ตักข้าวและน้ำแกงเดินกลับมาแล้ว จากนั้นทุกคนจึงเริ่มแย่งอาหารกัน

แม่งเอ๊ย พี่ใหญ่ในคุกเหรอ ในร้านหนังสือของโจวเจ๋อมีหนังสือแนว ‘ท่านประธานตกหลุมรักฉัน’ ไม่น้อย สาวๆ หลายคนชอบอ่านมาก ตอนนี้กลับกลายเป็น ‘พี่ใหญ่จอมเผด็จการในคุกรักฉัน’

“มา นั่งก่อน แล้วกิน” ผู้ชายคนนั้นประคองโจวเจ๋อขึ้นมาให้นั่งพิงกำแพง โจวเจ๋อลุกนั่ง จากนั้นเมื่อก้มหน้าก็พบว่าท้องของตัวเองอืดบวมใหญ่มาก ท้องอืดเหรอ เป็นหนักขนาดนี้เชียว

“ลำบากคุณแล้วนะ แล้วก็ลำบากลูกที่อยู่ในท้องของคุณด้วย” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยความรู้สึกขอโทษ

ในท้อง…มีเด็กเหรอ จริงๆ เลย นี่คือร่างกายของผู้หญิงเหรอ

………………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล