ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 210

ตอนที่ 210 สุนัขป่า!

โจวเจ๋อยากที่จะบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ รู้สึกว่าทุกอย่างไร้สาระมาก บางทีคงเป็นเพราะเพิ่งเข้ามาในความฝัน หรือไม่ก็เป็นเพราะเพิ่งเข้ามาแทนที่ทำให้ความคิดเฉื่อยชา ดังนั้นโจวเจ๋อจึงไม่ได้เกิดความสงสัยในเพศของตัวเองจริงๆ จนกระทั่งตอนนี้ เขาเพิ่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

แน่นอนว่าคำว่าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเป็นความหมายในทางลบ อย่างน้อยสำหรับเถ้าแก่โจวก็เป็นเช่นนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ปกติ คงไม่อยากให้ตัวเองมีวัน ‘เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง’ แบบนี้

โชคดีที่ความสับสนและความยุ่งเหยิงแบบนี้ไม่ได้ดำเนินอยู่นานมาก เพราะไม่ช้าเสียง ‘ปุดๆ…ปุดๆ…’ ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

โจวเจ๋อเริ่มถอนหายใจยาวๆ รู้สึกว่าใกล้จะตื่นจากความฝันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกกระทำหรือเป็นฝ่ายกระทำตัวเองควรจะตื่นแล้วกลับไปนอนอยู่บนตักอันอบอุ่นของสาวน้อยชั้นมัธยมปลายที่อยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่

ก็เหมือนกับตอนที่คุณไปร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ แดดแรงมาก แต่จะล้มเลิกไม่ทำแล้วก็กระไรอยู่ ทว่าจู่ๆก็มีคนตะโกนมาจากข้างบนว่ากิจกรรมจบแล้ว อย่างนั้นก็ต้องตามน้ำไปทิ้งของแล้วเข้าไปตากแอร์ดื่มน้ำแฟนต้าเย็นๆ สักแก้ว และไม่คิดจะตะโกนว่าฉันยังพอทำไหวไม่เป็นไร

คนส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ไม่ช้าโจวเจ๋อพบว่าเสียงน้ำมีปัญหา มันไม่ได้เกิดขึ้นข้างตัวเองและไม่ได้ดังขึ้นข้างหูของตัวเอง มันดังขึ้นมาจากในท้อง!

‘ปุดๆ…ปุดๆ…’ โจวเจ๋อชาติที่แล้วเป็นโสด ชาตินี้ก็ไม่สามารถทำให้หมอหลินท้องได้ ตามหลักการแล้วเขาไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงคลอดเท่าไร แต่ในความเป็นจริงชาติที่แล้วของเขาตอนที่ตัวเองเป็นหมอได้ช่วยทำเคสฉุกเฉินให้ผู้หญิงคลอดหลายคน ดังนั้นเขามั่นใจว่า ผู้หญิงคลอดปกติทั่วไป อ้อไม่ ถึงแม้จะเป็นท้องของผู้หญิงที่ไม่ปกติก็จะไม่เกิดเสียงแบบนี้ อีกทั้งเสียงน้ำยังดังขึ้นเรื่อยๆ ดังเหมือนฟ้าร้อง หนังท้องก็สั่นเรื่อยๆ

คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องขังตอนนี้เหมือนเข้าสู่โหมดหยุดนิ่ง คนที่แย่งข้าว คนที่กินข้าว ทั้งหมดต่างไม่ขยับ รวมทั้งผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋อ ยังคงอยู่ในท่าป้อนข้าวไม่ขยับเหมือนเดิม

‘ปุดๆ…ปุดๆ…’ น้ำเดือดแล้ว โจวเจ๋อจ้องมองท้องของตัวเอง เขารับรู้อะไรบางอย่างได้ตามสัญชาตญาณ ในที่สุดเริ่มมีรอยแยกเส้นหนึ่งปรากฏบนท้องของตัวเองอย่างช้าๆ มันลื่นและเรียบมาก ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่กรีดหนังท้องอยู่บนเตียงผ่าตัด

โจวเจ๋อไม่รู้สึกเจ็บเลย หากเป็นเมื่อก่อนตัวเองคือคนผ่าตัดกรีดหนังท้องของคนอื่นเพื่อหาจุดที่เป็นโรค แต่ครั้งนี้ถึงตาตัวเองได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้ ‘ด้วยตัวเอง’ เป็นครั้งแรก

ซึ่งเหมือนเทคโนโลยีวีอาร์ในปัจจุบันที่มีหลายคนนำมาถ่ายหนังรักโรแมนติกจากมุมมองของบุคคลที่หนึ่งเพื่อหาผลกำไร และแนวโน้มของตลาดในอนาคตก็ดีมาก ตอนนี้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนจะมีโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ อย่างเช่นเสนอการสัมผัสประสบการณ์แบบวีอาร์ เพื่อให้สามีหนุ่มได้ลองสัมผัสดู พวกเขาจะได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดเวลาที่ภรรยาของตัวเองต้องคลอด

แน่นอนว่าพวกผู้ชายไม่อยากสัมผัสประสบการณ์พวกนี้เท่าไร แต่สามารถเน้นการโปรโมตในฝั่งของผู้หญิงได้

โอเค ความคิดของเถ้าแก่โจวในตอนนี้กระจัดกระจายไม่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว นี่ก็เหมือนกับตอนที่มีกิจกรรมบนเตียงและตอนทำเรื่องอื่นที่เจ็บปวด คุณต้องแบ่งใจของตัวเองไปทางอื่นบ้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองมีสมาธิจดจ่ออยู่กับความเจ็บปวดมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม หนังท้องของตัวเถ้าแก่โจวในเวลานี้กำลังแตกออกอย่างช้าๆ จากนั้นมือเล็กที่ขาวนุ่มข้างหนึ่งได้ยื่นออกมาจากในท้อง ให้ความรู้สึกเหมือนซุนหงอคงที่กระโดดออกมาจากก้อนหิน และทำให้คุณรู้สึกทึ่งกับความมหัศจรรย์ของชีวิต

ทว่าวินาทีต่อมา เด็กทารกที่ไม่มีศีรษะได้คลานออกมาจากในท้องของโจวเจ๋อ เถ้าแก่โจวสูดลมหายใจลึกๆ เขาได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงกลับเกินกว่าที่เขาเตรียมใจไว้ ต่อให้เป็นผู้กำกับที่ฉลาดและถนัดถ่ายทำแนวดาร์ก ก็ยากที่จะถ่ายทำฉากในตอนนี้ออกมาได้ เป็นความสับสนระหว่างจริยธรรมและความน่ากลัวแบบดั้งเดิมที่สุด ความสดใสของสิ่งมีชีวิตใหม่กับเงามืดของความตายในเวลานี้มีความเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนจะเป็นความเคยชินจากการทำงาน โจวเจ๋อพบว่าคอของเด็กทารกเรียบลื่นมาก ซึ่งหมายความว่าเทคนิคการตัดศีรษะยอดเยี่ยมมาก

“อุแว้…อุแว้…” ไม่มีศีรษะ แต่ยังคงส่งเสียงออกมาได้ เสียงเด็กน้อยน่ารัก เดิมทีควรจะเป็นเสียงที่ทำให้คนรู้สึกไพเราะน่าฟัง แต่ในเวลานี้กลับกลายเป็นตัวเพิ่มความน่าสะพรึงกลัว ไม่ด้อยไปกว่าภาพยนตร์สยองขวัญแบบเดิมๆ ที่มีเสียงดนตรีประกอบทุ้มต่ำระทึกขวัญ กระทั่งเกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น

‘ติ๋งๆ…ติ๋งๆ…’ มีของเหลวข้นอยู่บนตัวของเด็กทารก จากนั้นเขาได้คลานจากท้องของโจวเจ๋อขึ้นไปด้านบน แล้วของเหลวพวกนั้นก็หยดลงบนตัวของโจวเจ๋อไม่หยุด ความรู้สึกลื่นเหนียวทำให้คนรู้สึกทรมานมาก

ในที่สุดเด็กทารกก็คลานมาอยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋อ ตอนนี้โจวเจ๋ออยากจะจุดบุหรี่มาก จากนั้นก็พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า ‘มา พวกเรามาคุยกันเถอะ’ แต่ตอนนี้โจวเจ๋อพูดไม่ได้สักคำ หากเป็นเมื่อก่อนเวลาที่เถ้าแก๋โจวเจอเหตุการณ์แบบนี้เขาจะต้อนรับด้วยเล็บโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแน่นอน!

ไม่ว่าคุณจะได้รับความไม่เป็นธรรมมากแค่ไหน แต่ถ้าทำให้คนรักสะอาดอย่างฉันต้องลำบากแบบนี้ ฉันจะฉีกทำลายคุณกระทั่งไม่ให้คุณมีโอกาสไปลงนรก ถ้าไม่ได้จริงๆ อย่างมากก็แค่ใช้เคล็ดวิชาอู๋ซวง แล้วมาดูกันว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย

แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นก็ต้องยอมก้มหัว เถ้าแก่โจวจึงได้แต่หรี่ตาครึ่งหนึ่ง มองการกระทำต่อไปของเด็กทารก

“อุแว้…อุแว้…” เด็กทารกเอนตัวไปข้างหลังช้าๆ จนกระทั่งหย่อนก้นนั่งบนหน้าอกของโจวเจ๋อ ยันขาเล็กทั้งสองข้างขึ้นมา เหมือนตั้งใจอยากให้โจวเจ๋อดูอะไร

โจวเจ๋อเห็นแล้ว บนเท้าของเด็กทารกมีไหมเส้นหนึ่ง นี่คือการรวมตัวกันของของเหลวจนกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกาวมีความข้นมาก แต่จากมุมมองของโจวเจ๋อ นี่คือโซ่เส้นหนึ่งที่พันอยู่บนขาเล็กๆ ของเด็กทารกเอง เขากำลังอวดโซ่เส้นนี้ให้โจวเจ๋อดู แถมยังมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

‘เป็นฝีมือคุณเหรอ’ โจวเจ๋อแอบถามอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าเด็กทารกจะได้ยินไหม แต่นี่เป็นวิธีสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่โจวเจ๋อสามารถลองได้ในตอนนี้

เห็นได้ชัดว่าเด็กทารกไม่ได้ยิน เขายังอวด ‘โซ่’ ที่อยู่บนเท้าของตัวเองไม่หยุด เหมือนเด็กชั้นประถมสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนวิ่งกลับมารายงานพ่อแม่ของตัวเองด้วยความดีใจและรอคอยที่จะได้รับคำชม

โจวเจ๋อไม่เคยมีลูก ไม่ว่าจะเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือลูกนอกสมรส เถ้าแก่โจวไม่เคยมีทั้งสองชาติเลย แต่สิ่งที่น่าขันคือ โจวเจ๋อเพิ่งได้สัมผัสความรู้สึก ‘ความรักของพ่อดั่งขุนเขา’ เป็นครั้งแรก แต่กลับอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สภาพแวดล้อมแบบนี้

เขาหลับตาโดยตรง ไม่พูดอะไร ถึงแม้ส่วนใหญ่ก็ขยับไม่ได้อยู่แล้ว แต่ฉันเลือกที่จะไม่ใช้ความรุนแรงไม่ให้ความร่วมมือ น่าจะได้ใช่ไหม

แต่สัมผัสบนหนังท้องกลับชัดเจนมาก รวมไปถึงความรู้สึกลื่นๆ ความรู้สึกที่อะไรหยดบนร่างกายของตัวเองอันน่าขยะแขยง ถึงแม้คุณจะมองไม่เห็น แต่อดไม่ได้ที่คุณจะไม่คิดเอง จริงๆ แล้วไม่แตกต่างจากลืมตาสักเท่าไร

และในเวลานี้ ดูเหมือนมีเสียงเปิดประตูเหล็กดัง ‘แกร๊ก’ ดังมาจากที่ไกลๆ เหมือนกับฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิเพื่อการฟื้นคืนชีพของสรรพสิ่ง และเหมือนกับสัญลักษณ์มังกรก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะเริ่มขึ้น มีมังกรตัวใหญ่ปรากฏอยู่บนหน้าจอยักษ์สีเขียวสุดท้ายขึ้นโชว์ว่า ‘หนังสืออนุญาตการฉายภาพยนตร์ต่อสาธารณะ’ ซึ่งหมายความว่าต่อไปนี้ภาพยนตร์จะเริ่มเล่นแล้ว

เรื่องราวได้เริ่มต้นแล้ว ขอให้ทุกคนโปรดติดตามรับชม

โจวเจ๋อลืมตา มองเห็นเด็กทารกที่นั่งอยู่บนหน้าอกของตัวเองก่อนหน้านั้นหมุนตัวช้าๆ เขาเริ่มคลานไปยังสถานที่ที่เขาคลานออกมา นี่คือภาพที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าตอนที่เขาออกมาอีก เด็กทารกที่เพิ่งคลานออกมาจากท้องแม่ เขาได้คลานกลับเข้าไปในท้องแม่อย่างช้าๆ ราวกับปากแผลที่เรียบเนียนเหมือนกรีดโดยมีดผ่าตัดนั้นมีซิปติดมาด้วย เขารูดซิปเปิดแล้วก็ออกมา เขาเข้าไปแล้วจึงรูดซิปปิด

ใช่แล้ว เวลานี้โจวเจ๋อมีความรู้สึกเช่นนี้ มองดูแผลที่ท้องของตัวเองค่อยๆ สมานตัว ความรู้สึกที่เหมือนจริงกับภาพมายาเข้าปะทะกันอย่างแรง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาเป็นผู้ชมที่มองจากมุมมองบุคคลคลที่หนึ่งเช่นนี้คงจะเสียสติไปนานแล้ว

ต่อให้เปลี่ยนเป็นจางเยี่ยนเฟิงหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมมาแทนตำแหน่งนี้ของโจวเจ๋อ ก็คงจะเป็นเหมือนกัน คนธรรมดาต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็มีขีดจำกัดที่จิตใจสามารถรองรับได้ เป็นหลักการเดียวกันกับคนที่แข็งแรงไม่กินข้าวคุณก็ต้องมีวันที่หิวตาย

โชคดีที่โจวเจ๋อมีแนวป้องกันทางจิตใจที่แข็งแกร่ง หนึ่งปีที่ผ่านมาคนกับผีก็เห็นมาเยอะแล้ว นอกจากนี้ข้างกายยังมีสาวน้อยโลลิที่ชอบทำหน้าตาน่ารักแล้วแลบลิ้นยาวออกมาอย่างกะทันหันเป็นประจำ

เถ้าแก่โจวอาบน้ำร้อนมาก่อน เขาแค่รู้สึกว่าภาพแบบนี้น่าสะอิดสะเอียนมาก แต่หากคุณจะพูดว่าการได้สัมผัสกับมุมมองบุคคลที่หนึ่งและภาพเหล่านี้สามารถทำให้เถ้าแก่โจวตกใจเป็นบ้า อย่างนั้นก็ดูถูกยมทูตเกินไปแล้ว คนเป็นตกใจตายเพราะเจอผีได้ แต่คุณเคยเห็นยมทูตตกใจตายเพราะผีบ้างไหม

ภาพเดิมที่หยุดนิ่งไปได้กลับมาในที่สุด พวกนักโทษในห้องขังเริ่มแย่งอาหารกันต่อ

“มา กินข้าว” ผู้ชายคนนั้นยื่นชามไปตรงหน้าของโจวเจ๋ออย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้เหมือนภาพยนตร์เล่นได้ครึ่งหนึ่งแต่ถูกกดหยุดไว้ ตอนนี้ได้กดกลับมาให้เล่นต่อ แล้วเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น

โจวเจ๋อปิดปาก ไม่กิน

“กินหน่อยนะ ซิ่วเฟิน” โจวเจ๋อยังปิดปากต่อ

‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ เสียงโซ่ดังขึ้นอีกครั้ง แต่เสียงครั้งนี้ดังมากกว่าเดิม และจังหวะการลากก็เร็วขึ้น ไม่เหมือนมีคนสวมใส่แล้วลากมันเดิน แต่เหมือนมีคนใช้มือลากมันมากกว่า

เพียงชั่วขณะ พวกนักโทษที่แย่งข้าวกันต่างพากันทิ้งชามข้าวและตะเกียบ แล้ววิ่งไปออกันที่รั้วเหล็ก รวมทั้งผู้ชายที่เพิ่งป้อนข้าวให้โจวเจ๋อ ก็วางชามและตะเกียบแล้วพุ่งเข้าไป

ผู้ชายใส่เครื่องแบบสีดำคนหนึ่งถือโซ่ตรวนสองเส้นอยู่ในมือเดินผ่านมาทางนี้ นักโทษทุกคนที่อยู่ในห้องขังเริ่มร้องตะโกน พวกเขาดีใจและตื่นเต้นมาก พวกเขามีความปรารถนาอย่างยิ่ง ทุกคนพยายามยื่นมือออกไป เหมือนกับขอทานที่ขอข้าวสักชาม

คนในชุดเครื่องแบบสีดำถือโซ่เหล็กหมุนตัวมองไปรอบๆ เขาเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่มีคนกรูเข้ามาและรอคอยแบบนี้ จากนั้นเขาเดินเข้าใกล้ห้องขังที่โจวเจ๋ออยู่อย่างช้าๆ สะบัดโซ่เส้นหนึ่งออกมาแล้วโยนเข้ามาในห้องขังห้องนี้ ชั่วเวลาเดียว ทุกคนในห้องขังเหมือนกับสุนัขป่าที่แย่งกระดูกชิ้นเดียว เริ่มต่อยตีกันขึ้นมา

ผู้ชายที่ป้อนข้าวให้โจวเจ๋อก่อนหน้านั้นได้ตะโกนว่า “ให้ภรรยาของผม ให้ภรรยาของผม เธอกำลังท้องอยู่ มีเด็กอยู่ในท้องของเธอ!” เขาตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปร่วมวงแย่งชิง

…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล