ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 21

ตอนที่ 21 สุนัขพูด

หมอหลินลงจากรถ ประจวบเหมาะกับที่โจวเจ๋อก็มาพอดี ทั้งสองคนมีความรู้ใจกันมาก ไม่พูดอะไร แล้วเดินไปที่ช่องทางเดินอีกด้านหนึ่งของห้างสรรพสินค้าอย่างเงียบๆ

ห้างสรรพสินค้าที่ ‘ตายแล้ว’ แห่งนี้ นอกจากโจวเจ๋อกับร้านเล็กๆ ของสวี่ชิงหล่างที่ยังเปิดอยู่ ที่เหลือก็มีแต่โรงภาพยนตร์บวกกับร้านอาหารบุฟเฟ่ต์อีกหนึ่งร้าน

แน่นอนว่าได้รับผลกระทบที่ใหญ่หลวงเช่นนี้ อันที่จริงโรงภาพยนตร์ก็น่าจะขาดทุนเช่นกัน ปกติมีคนมาดูหนังที่นี่สองสามคนเท่านั้น พอซื้อตั๋วก็สามารถเหมาทั้งโรงได้อย่างสบาย

แต่ตอนนี้เป็นช่วงตรุษจีนพอดี คนส่วนใหญ่มีวันหยุดพักผ่อน เหตุการณ์ที่เห็นครอบครัวพ่อแม่ลูกออกมาดูภาพยนตร์จึงกลายเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถือว่าเพิ่มความนิยมให้กับโรงภาพยนตร์ที่เงียบเหงาจนเกือบถึงจุดเยือกแข็งแห่งนี้อยู่ไม่น้อย

ทว่าความคึกคักแบบนี้สำหรับโจวเจ๋อเป็นแค่ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ตึกใหญ่กำลังจะล้ม ก็น่าจะเหมือนกับรังนกที่พลิกคว่ำแล้วไข่ตกลงมาแตกหมดกระมัง

โจวเจ๋อซื้อตั๋วแล้วซื้ออาหารคู่รักหนึ่งชุด เมื่อดูเวลาแล้ว จึงเข้าไปในโรงภาพยนตร์พร้อมกับหมอหลิน

เนื่องจากมาช้าไปนิด โจวเจ๋อจึงซื้อได้รอบล่าสุด และด้วยเพราะเหตุนี้ที่นั่งที่ดีจึงหมดไปแล้ว โจวเจ๋อกับหมอหลินจึงได้แต่นั่งที่นั่งของแถวแรก

ใช่ว่าจะรอไม่ได้ แต่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ไม่มีสถานที่อื่นให้เดินเล่นแล้ว นอกจากนี้ ‘นักสืบหนีหงเจีย2’ ก็เป็นภาพยนตร์สองมิติ เวลานั่งแถวแรกจึงไม่มีผลกระทบใหญ่มาก

หมอหลินนิ่งเงียบไม่พูดมาตลอดทาง เวลานี้นั่งอยู่ข้างโจวเจ๋อก็ยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากนั้นยกขาซ้อนทับขึ้นมาเบาๆพลางเงยหน้ามองหน้าจอ

โจวเจ๋อยื่นข้าวโพดคั่วออกไป หมอหลินโบกมือ เพื่อแสดงว่าตัวเองไม่กิน

โจวเจ๋อถอนหายใจ สำหรับตัวเองที่เป็นโสดเมื่อชาติที่แล้ว ควรจะจีบผู้หญิงอย่างไร ถือว่าเป็นวิชาที่ไม่คุ้นเคยจริงๆ

ฉากขำของภาพยนตร์ถือว่าไม่เลว โจวเจ๋อได้หัวเราะบ้างเป็นบางครั้ง หมอหลินก็หัวเราะขึ้นมาอยู่บ่อยๆ แต่เธอหัวเราะไม่มีเสียง มีความลุ่มลึกและดูดีมาก

ทว่าสำหรับโจวเจ๋อ บรรยากาศของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีความแตกต่างจากที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่บ้าง

มีความจืดชืดเล็กน้อย รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่เกลือลงไป

เมื่อออกมาจากโรงภาพยนตร์ โจวเจ๋อกับหมอหลินเดินเคียงกันออกมา ตอนนี้เพิ่งจะหนึ่งทุ่ม ไม่ถือว่าดึกมาก แต่หลังจากออกมาจากโซนของโรงภาพยนตร์แล้ว สถานที่อื่นๆ ของห้างสรรพสินค้ากลับดำมืดไปหมด

หมอหลินนิ่งเงียบต่อ และได้แต่เดินตามเขา

โจวเจ๋ออยากจะพูดอะไรนิดหน่อย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

เมื่อวานคนที่อยากจะขอจบและบอกลาก็คือตัวเอง วันนี้ตัวเองกลับแสดงออกอย่างกระตือรือร้นเกินไป เธอจะไม่มองว่าตัวเองเป็นคนบ้าใช่ไหม

“ไปร้านหนังสือของผม…”

“ไปนั่งที่ร้านหนังสือของคุณ…”

ทั้งสองคนดูเหมือนกำลังคิดหาวิธีทำลายความเขินอายในเวลานี้ จากนั้นจึงคิดถึงที่เดียวกัน

พอกลับมาถึงร้านหนังสือ โจวเจ๋อพบว่าร้านบะหมี่ปิดไปแล้ว ประตูม้วนหนานักที่จะเห็นว่าเลื่อนปิดลงมา ไม่รู้ว่าสวี่ชิงหล่างยังอยู่ในร้านหรือไม่

หมอหลินเลือกนิตยสารหนึ่งเล่ม แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหลังของเคาน์เตอร์ โจวเจ๋อก็หยิบมาหนึ่งเล่มเหมือนกันแล้วนั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เปิดอ่านไปเรื่อยเปื่อย

ชาร้อนสองแก้ววางอยู่ด้านบน มีควันหมุนวนเป็นเกลียวขึ้นไป

โจวเจ๋อทันใดนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีหน้าไปเยาะเย้ยสวีเล่อได้อีก เพราะเขาพบว่าตัวเองทำเดทแรกได้เหมือนงานศิลปะและโคตรจะให้เกียรติเหมือนต้อนรับแขกต่างแดนซึ่งหาได้ยากมาก!

หาได้ยากมากจนอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดเป็นรางวัล!

“ตอนนี้ ยังไม่ปิดร้านหรือ“ หมอหลินถาม อันที่จริงอีกความหมายหนึ่งคือ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ขอเพียงโจวเจ๋อปิดร้าน เธอก็สามารถบอกลาได้อย่างราบรื่น

“อ้อ ปกติร้านของผมจะเปิดบริการตอนเย็นครับ” โจวเจ๋อกลับฟังความหมายอีกอย่างหนึ่งไม่ออก และที่เขาพูดก็เป็นความจริง

หมอหลินเงียบไปพักหนึ่ง แล้วได้แต่หัวเราะ พลางจับเส้นผมทัดหูเบาๆ จากนั้นจึงอ่านหนังสือที่อยู่ในมือต่อไป

“เอี๊ยด…”

ประตูร้านถูกผลักออก มีผู้ชายสองคนผู้หญิงหนึ่งคนเดินเข้ามา

ทั้งสามคนอายุไม่ต่างกันมากนัก ประมาณยี่สิบปีต้นๆ เห็นจะได้ ผู้ชายสองคนเห็นได้ชัดว่าดื่มเหล้าเมามา และหนึ่งคนในนั้นยังเมาหนักมาก หน้าแดงก่ำ

“เถ้าแก่ มีน้ำไหมคะ” ผู้หญิงถาม

โจวเจ๋อชี้ไปที่ตู้กดน้ำที่อยู่ข้างกำแพง

ผู้หญิงเดินไปรินน้ำร้อนสองสามแก้วมาให้เพื่อนของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ แล้วถามว่า

“เท่าไรคะ”

ขณะพูดผู้หญิงได้หยิบโทรศัพท์ออกมา ดูท่าคงเตรียมจะสแกนชำระเงิน

“สามสิบครับ” โจวเจ๋อตอบ

“เถ้าแก่ ตรุษจีนก็ยังจะโกงลูกค้าอีก ดื่มน้ำเปล่าสามแก้วคิดสามสิบหยวนเลยเหรอ” ผู้หญิงหัวเราะเยาะเย้ยและด่าว่า แต่ก็ยังสแกนจ่ายเงิน จากนั้นก็หมุนตัวไปพูดกับเพื่อนผู้ชายสองคนของตัวเอง “งั้นก็นั่งพักที่นี่ก่อน อ่านหนังไปพลางๆ”

พวกเขาใช้ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วคราว โจวเจ๋อคิดเงินสามสิบหยวนสำหรับพวกเขาแล้วคือค่าใช้จ่ายที่ต่ำสุดของการเข้าไปในร้านน้ำชา และพอเข้าใจได้

“อ่านหนังสือ อ่านหนังสืออะไร”

ผู้ชายที่ค่อนข้างเมาตอนนี้ตะโกนเสียงดังพอสมควร

“ฉันจะอ่านนิยายผี นิยายสยองขวัญ ในร้านมีไหม”

ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะฮ่าๆๆ ใส่ตัวเอง

โจวเจ๋อถอนหายใจ หยิบชุดนิยายสยองขวัญสองเล่มออกมาจากใต้เคาน์เตอร์ แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม จากนั้นยื่นให้เขา ขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วแตะไปที่อีกฝ่าย

อืม เป็นคน ไม่ใช่ผี

การนัดเดทของคืนนี้ล้มเหลวเป็นอย่างมาก

ถ้าหากทำให้หมอหลินได้สัมผัส ‘เรื่องเล่าร้อยอสูรแห่งรัตติกาล’ ของแรงงานเกษตรกรห้าพี่น้องเหมือนครั้งที่แล้วอีกครั้ง นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด โจวเจ๋อไม่อยากให้เป็นแบบนี้

เป็นคน ก็ดีแล้ว ดูน่ารักดี ถึงแม้เขาจะเมาก็ตาม

ส่วนอีกสองคน โจวเจ๋อไม่ได้แตะอีก และก็ไม่สะดวก

ผู้ชายที่เมาเหล้านั่งลง เพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิงของเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกเช่นกัน ทั้งสามคนนั่งเล่นโทรศัพท์พร้อมกับเปิดหนังสือไปด้วย

จริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายต่ำสุดสามสิบหยวนอย่างน้อยก็ใช้ได้อย่างคุ้มค่า

“เรื่องเล่าผีนี้เขียนอะไรของมันวะ”

ชายหนุ่มโยนหนังสือ และโยนไปโดนตู้กดน้ำที่อยู่ข้างๆ พอดิบพอดี

หญิงสาวเดินไปเก็บหนังสือขึ้นมา พบว่าน้ำที่ตัวเองเพิ่งรินกระเด็นออกมาบางส่วน หน้าปกและเนื้อหาข้างในของหนังสือเล่มนี้จึงเปียกชื้น

“เถ้าแก่ เท่าไรคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล