ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 212

ตอนที่ 212 ตื่นจากฝันและฝันที่มลายหายไป

ร้านหนังสือปิดประตูแล้ว แต่ด้านในยังคงสว่างโร่

โดยปกติแล้วในช่วงกลางวันร้านหนังสือจะปิดบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่จะเปิดทำการในตอนกลางคืนอย่างแน่นอน แต่ใครให้เถ้าแก่ขึ้นไปนอนตั้งแต่หัวค่ำกันล่ะ

ในเมื่อเถ้าแก่เอื่อยเฉื่อยในการทำงาน พนักงานในความดูแลก็จะชอบแอบอู้งานด้วยเป็นธรรมดา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเถ้าแก่ไม่ลงมือด้วยเอง ต่อให้มีลูกค้ามาถึงหน้าประตู พวกเขาก็ไม่สามารถห่อพัสดุและส่งด่วนได้หรอก ดังนั้นสู้ไม่ทำให้เหนื่อยเสียดีกว่า

นักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างทั้งสองคนนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับมีไวน์แดงสองแก้ววางอยู่บนโต๊ะข้างๆ คนทั้งสอง

ไวน์แดงมาจากเงินที่นำออกมาจากบัญชีของร้านหนังสือ ราคาไม่ถูก ตอนนี้ทั้งร้านหนังสือตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนไม่เอาไหนและการทุจริต นี่คือบรรยากาศที่เกิดจากการนำทางผิดๆ ของเบื้องบนสู่เบื้องล่าง

ที่จริงแล้ว ช่วงแรกๆ ความสะดวกสบายในด้านการกินและการใช้ของทุกคนถูกจำกัดไว้ แต่ต่อมาหลังจากที่กาแฟและชาของเถ้าแก่โจวนับวันยิ่งคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ คนเบื้องล่างก็ปฏิบัติตามเช่นนั้น

ในเมื่อคนที่จนที่สุดในร้านหนังสือยังใช้ของแพงเสียขนาดนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่คนรวยอย่างเราจะต้องใช้ชีวิตแย่ขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ

เจ้าลิงน้อยนั่งยองๆ อยู่บนเคาน์เตอร์ มีถั่วลิสงวางอยู่ตรงหน้า มันกินอยู่ตัวเดียวอย่างสบายใจเฉิบ มันไม่กวนใจใคร และก็ไม่วุ่นวายกับใคร เมื่อมีคนมาหามาเล่นกับมัน มันก็จะเล่นด้วย ไม่มีใครมาหามันก็เล่นของมันเอง นับว่าเป็นเด็กดีมาก

นักพรตเฒ่ายังซื้อรัดเกล้าหนึ่งชิ้นและจีวรหนึ่งชุดให้มันด้วย พร้อมใช้ของบางอย่างดัดแปลงเป็นกระบองทองอีกด้วย มันเป็นเพียงการสนองความพอใจในรสนิยมแย่ๆ ของตัวเองเท่านั้น

เมื่อคิดว่าซุนหงอคงถูกตัวเองเลี้ยงไว้ มันก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความพึงพอใจจริงๆ

เจ้าลิงไม่ชอบของเล่นอย่างรัดเกล้า และก็ไม่ชอบกระบองอันนั้นด้วย ตรงกันข้ามกลับชอบจีวรเป็นพิเศษ ตอนที่ไม่มีอะไรทำก็เอาจีวรมาห่อตัวไว้ทำเหมือนเป็นชุดคลุม กลับเป็นการเผยให้เห็นถึงความเป็นพุทธะอยู่บ้างเล็กน้อย

นักพรตเฒ่าเคยไปเขาเอ๋อเหมยซาน ลิงที่นั่นไม่กลัวคนและถึงขั้นขอของกินจากนักท่องเที่ยวเลยด้วยซ้ำ หากโชคไม่ดีก็จะเจอเข้ากับ ‘ราชาลิงเจ้าอารมณ์’

ถ้าไม่ให้ละก็พวกลิงก็จะมาแย่งเอาไป

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ลิงที่เขาเอ๋อเหมยซานก็ยังถูกเรียกว่ามี ‘ความเป็นพุทธะ’

แต่เมื่อเทียบกับเจ้าลิงของเรา มันต่างกันลิบลับจริงๆ ทั้งเล่นโทรศัพท์มือถือเป็น ทั้งเปลี่ยนเพลงเป็น แถมยังโทรเรียกแท็กซี่เป็นอีกด้วย ครั้งก่อนเจ้าลิงยังนั่งรถไปดูอาการของเถ้าแก่ที่เขาเจียงจวินด้วยตัวมันเองเลย

จุ๊ๆๆ

อย่างไรก็ตามในสายตาของนักพรตเฒ่า ถึงลูกคนอื่นจะยอดเยี่ยมสักแค่ไหนก็น่ารักน่าเอ็นดูสู้ลูกของตัวเองไม่ได้

นักพรตเฒ่าเคยพูดเอาไว้หลายครั้งว่า ชีวิตนี้เขาไม่มีลูกชายหรือลูกสาวเลย แม้ว่าจะให้ทุนแก่นักเรียนที่ยากจนมากมาย แต่ก็มีไม่กี่คนที่โทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเขาในวันหยุด กลับกันในบางครั้งที่เขาอัตคัดขัดสนหมดเงิน มีบ่อยครั้งโทรเร่งจะเอาค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย พูดจาก็ไม่น่าฟัง ราวกับตนเองติดหนี้พวกเขา ทำให้พวกเขาออกจากภูเขาไม่ได้ กลายเป็นความผิดของเขาเสียอย่างนั้น

เจ้าลิงตัวนี้ นักพรตเฒ่าเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานในไส้ ถึงอย่างไรในบางครั้งสัตว์เดรัจฉานยังกตัญญูรู้คุณยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก

“วันเวลาผ่านไปอย่างเหงาหงอยเศร้าสร้อยเสียจริง”

นักพรตเฒ่าดื่มไวน์แดงและหรี่ตาลง เขาจำแนกไม่ออกว่าไวน์แดงดีหรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่เขาลิ้มรสได้นั้น จริงๆ แล้วก็คือไวน์แดงที่กลืนลงไปอึกนี้เป็นเงินกี่หยวนแล้วต่างหาก

เมื่อนึกถึงราคาของมัน ไวน์แดงก็ออกรสทันที

กลืนไวน์แดงลงไป

นักพรตเฒ่ายืดบิดเอวแก่ๆ ของตัวเองแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีก

“เจ้าว่าตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกำลังจ้องมองอยู่ด้านนอกร้านหนังสือของเราหรือเปล่า”

“ไม่รู้”

“เจ้ามีคาถาอาคมไม่ใช่หรือ”

“คุณไม่รู้เหรอว่าผมอยู่ระดับไหน แค่น้ำครึ่งถังได้ละมั้ง” สวี่ชิงหล่างพูดจากใจจริง “แล้วคุณล่ะ บรรพบุรุษก็เคยอู้ฟู่วิชา ไม่มีความคิดจะหยิบยกคาถาขึ้นมาฝึกฝนเลยหรือไง”

“ไม่ได้รับช่วงต่อนานแล้วละ เจ้าล่ะ เจ้าไม่อยากฝึกฝนอีกแล้วหรือ”

“ฝึกฝนไปทำไม กินดื่มฟรีเหมือนตอนนี้ดีออกจะตาย ดื่มด่ำไปกับวิวต่างๆ ไปพลาง ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยในแบบตัวเองไปพลาง ที่จริงการใช้ชีวิตของเขาในแบบนี้ถึงจะสบายที่สุด ถ้าเขาเป็นเหมือนอดีตเถ้าแก่ในหรงเฉิงของคุณคนนั้นจริงๆ ละก็ งั้นพวกเราได้พากันใช้ชีวิตแบบระแวงทุกวันแน่ๆ ตื่นเต้นน่ะมันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอก แต่ตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบตอนนี้ก็สบายดีนี่นา”

“ช่างเถอะๆ ข้าขึ้นไปนอนดีกว่า”

นักพรตเฒ่าดื่มไวน์แดงที่เหลือจนหมดแก้ว แล้วทักสวี่ชิงหล่าง “เจ้าไม่ไปนอนหรือ”

“ว่ากันว่าแสงจันทร์นั้นดีต่อผิว ผมกำลังอาบพระจันทร์อยู่”

สวี่ชิงหล่างยกมือขึ้นชี้แผ่นมาส์กบนหน้าของเขา ราวกับกำลังซึมซับเซรั่มจากพระจันทร์

“ชิ เจ้าบ้า”

นักพรตเฒ่าหาวหวอดๆ แล้วทักทายเจ้าลิงเล็กน้อย จากนั้นเดินขึ้นบันไดไป เพิ่งขึ้นไปถึงชั้นสอง นักพรตเฒ่ากับเจ้าลิงก็พากันตัวสั่น

“ซี๊ด…”

แม่งเอ๊ย เครื่องปรับอากาศเวรนี่เปิดอุณหภูมิต่ำจนเกินไปแล้วมั้งเนี่ย

หนาวขนาดนี้เลยหรือ

นักพรตเฒ่ายกแขนขึ้นมากอดตัวเองโดยไม่รู้ตัวแล้วเดินไปด้านใน เขาเดินไปที่หน้าประตูห้องของเถ้าแก่ก่อน เพราะมีไอลอยออกมาจากริมขอบล่างประตู

ชัดเจนว่านี่คือที่มาของมัน

‘ก๊อกๆๆ…’

นักพรตเฒ่าเคาะประตู

“เถ้าแก่ เครื่องปรับอากาศพังแล้ว รอบกำลังมันแรงเกินไปแล้วนา”

ไร้การตอบสนองจากภายใน

ในเวลานี้นักพรตเฒ่าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทำได้เพียงเปิดประตูเอง ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าตอนที่เขานอนหลับจะจำศีลไปโดยไม่รู้ตัว

ประตูถูกผลักออก นักพรตเฒ่าโผล่หน้าเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ตกตะลึง

บนเตียงนั้นมีชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน

แน่นอนว่าบางครั้งนักพรตเฒ่าก็แอบคิดสัปดนในใจ เมื่อเถ้าแก่กับไป๋อิงอิงนอนหลับด้วยกันทุกคืนจะมีอะไรในกอไผ่หรือไม่ แม้เขาจะรู้ดีว่าอิงอิงเป็นผีดิบสาวบริสุทธิ์ แต่ในฐานะผู้ช่ำชองคนหนึ่ง นักพรตเฒ่ารู้ว่าการทำกิจกรรมประเภทนั้นมีหลากหลายรูปแบบ นี่ถึงจะเป็นอารมณ์และความรู้สึกสนุกที่แท้จริง

ท่าทางบนเตียงช่างกลมเกลียวกันมาก กลมกลืนมากกว่าที่นักพรตเฒ่าจินตนาการเอาไว้เสียอีก

เถ้าแก่นอนบนตักของอิงอิง ส่วนอิงอิงนั่งอยู่บนเตียงและวางมือทั้งสองข้างไว้บนหน้าของเถ้าแก่

แม้ว่านักพรตเฒ่าจะเดินเข้ามาเองแต่ทั้งสองคนก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนเหมือนเดิม ราวกับว่าพวกเขาหลับลึกมากเสียจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล