ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 23

ตอนที่ 23 สวัสดี

“นี่นาย…อยากตายใช่ไหม”

นัยน์ตาลุ่มลึกของโจวเจ๋อมีแววตาดำเป็นประกายออกมา วินาทีนี้ เขาโกรธมาก

ใช่ เขาบุกยึดครองร่างกายของคนอื่นโดยพลการ

แต่แล้วอย่างไรเล่า!

‘ฉันจะใช้ร่างกายดำเนินชีวิตต่อไป นายห้ามได้เหรอ

การแก้แค้นของนาย แค่กระตุ้นฉันประเดี๋ยวนั้นก็ทำให้ฉันต้องใช้กับภรรยาของนายเหรอ

เก่งได้เท่านี้เองเรอะ’

โจวเจ๋อกางมือขวาของตัวเองออก เล็บสีดำค่อยๆ ยาวออกมาอย่างช้าๆ มีควันสีดำเป็นสายหมุนวนเป็นเกลียวอยู่โดยรอบ

หลายครั้งการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณอยู่ ซึ่งก็คือจุดยืนของคุณ

เมื่อยืนอยู่ในมุมมองของโจวเจ๋อ ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้เลยด้วยซ้ำ เขาอยากมีชีวิตต่อ ขอเพียงการกระทำทุกอย่างถูกสร้างขึ้นอยู่ในเงื่อนไขนี้ ล้วนถูกต้องเสมอ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย

เมื่อไม่มีความหมาย ถูกต้องหรือไม่ ยังจำเป็นอยู่อีกหรือ

“ไม่ว่านายจะซ่อนอยู่ที่ไหน ฉันจะจับนายออกมาให้ได้ ถึงแม้ว่า…นายจะซ่อนอยู่ในร่างกายนี้ก็ตาม!”

ใบหน้าของโจวเจ๋อเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา เล็บมือของเขาเริ่มจิกหน้าอกของตัวเอง

“ซือ…”

เสียงของความเจ็บปวดรุนแรงมาพร้อมกับการกระกระตุกที่ยากจะควบคุม โจวเจ๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัว แล้วล้มลงไปบนพื้นโดยตรง

เขาอ้าปาก เห็นได้ชัดว่างงมาก

ไม่อยู่

ไม่อยู่แล้ว!

ทำไมกัน

เมื่อครู่เขาลองเสี่ยงใช้วิญญาณของตัวเอง ดำเนินการตรวจสอบจนเกือบบดขยี้ตัวเองเสียแล้ว ภายในร่างนี้ มีเพียงจิตวิญญาณของเขาโจวเจ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น สวีเล่อ ไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง!

โจวเจ๋อเริ่มลุกคลานขึ้นมาอีกครั้ง มองดูภายในกระจกที่แตกละเอียด ยังคงเป็นใบหน้าของตัวเองดังเดิม ครั้งนี้รอนานมาก แต่คนในกระจกกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

สวีเล่อ ไม่อยู่นานแล้ว

เช่นนั้น ทุกอย่างที่ทำกับหมอหลินก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นคำสั่งจากกมลสันดานของเขาเองหรือ

ไม่ เป็นไปไม่ได้

เป็นไปไม่ได้!

เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นแบบนี้

โจวเจ๋อเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า ตัวเองที่อยู่ในกระจกช่างเป็นคนแปลกหน้ายิ่งนัก ไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนร่างเปลี่ยนหน้าตา แต่เป็นเพราะภายในจิตใจของตัวเอง จิตวิญญาณของตัวเอง ดูเหมือนว่าความตระหนักรู้ในตัวเองของตัวเองแต่เดิมนั้น

แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายและวิญญาณ อันไหนถึงจะเป็นของตัวจริงของตัวเองกันแน่

นับตั้งแต่โบราณกาลมา นักกวีและนักคิดผู้ยิ่งใหญ่มากมายทั้งในและต่างประเทศจริงๆ แล้ว จะให้คำตอบที่คล้ายกัน ร่างกายสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เน่าเปื่อยได้ แต่จิตวิญญาณจะคงอยู่ตลอดไป

มันสามารถสูงส่ง สามารถถูกจารึก สามารถเป็นแสงระยิบระยับบนสายธารของแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ได้มากพอ

โจวเจ๋อก็คิดว่า เขายังเป็นโจวเจ๋อ เป็นตัวเองคนเดิม แต่ตอนนี้อย่างมากก็แค่ร่างกายที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ทว่าเขายังคงคิดว่าตัวเองก็คือโจวเจ๋อ

แต่คราวนี้เขาเริ่มกลัวแล้ว

เพราะในเมื่อวิญญาณของสวีเล่อไม่อยู่นานแล้ว

นี่จึงหมายความว่า สิ่งที่เปลี่ยนไป…คือตัวเขาเอง

“คุณไปนอนเถอะ ที่รัก”

“ค่ะ ฉันจะพาลูกสาวไปนอนแล้ว คุณก็รีบทำงานให้เสร็จแล้วพักผ่อนนะคะ”

“ครับ เดี๋ยวผมแก้แผนการรักษานี้ให้เสร็จก่อน”

หวังเคอบิดคอของตัวเองเล็กน้อย แล้วหาวหวอด จริงๆ เขาง่วงมากแล้ว แต่งานที่อยู่ในมือกลับต้องทำให้เสร็จ เขาที่เพิ่งอายุสามสิบปีต้นๆ ตอนนี้กลับมีผมขาวบนศีรษะเยอะแล้ว

ผู้ชายอายุประมาณนี้ สิ่งที่น่าอับอายที่สุด หากไม่ดิ้นรนต่อสู้ ก็อยู่ห่างจากวัยเกษียณเร็วเกินไป แต่หากดิ้นรนทำมาหากิน ร่างกายก็เริ่มถดถอยลงอย่างช้าๆ

“กริ๊งๆๆ…กริ๊งๆๆ…”

หวังเคอขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนมาหาอีกเหรอ

เขาเดินไปที่ข้างประตู เหลือบมองภาพในหน้าจอวิดีโอ เห็นผู้ชายใส่เสื้อโค้ทสีดำยืนอยู่ข้างนอกประตู แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่า คุณคือ”

“ผมมาหาหวังเคอ เพื่อนของผมแนะนำมาครับ”

“ขอโทษครับ ถ้าหากมีธุระสามารถทำนัดล่วงหน้ากับผู้ช่วยของผมได้ ปกติที่บ้านของผม…”

“โจวเจ๋อแนะนำผมมาครับ” ผู้ชายที่อยู่นอกประตูเอ่ยพูด

เมื่อได้ยินชื่อนี้ หวังเคอตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงเปิดประตู

อีกฝ่ายยังดูหนุ่มมาก น่าจะอายุยี่สิบห้าปีโดยประมาณ

“เข้ามาครับ” หวังเคอแสดงท่าทางให้อีกฝ่ายเข้ามา จากนั้นชงน้ำชาหนึ่งแก้วให้เขาด้วยตัวเองแล้ววางบนโต๊ะ

โจวเจ๋อนั่งบนโซฟา มองดูเพื่อนเก่าคนนี้ของตัวเอง

เขายังคงไม่เปลี่ยน ยังเป็นคนขยันหมั่นเพียรในอาชีพของตัวเอง ในฐานะเด็กที่เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาด้วยกัน พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีมากมาตั้งแต่เด็ก และในความคิดของผู้อำนวยการอาวุโส พวกเขาสองคนถือว่าเป็นหนึ่งในเด็กที่มีอนาคตที่ดีที่สุดในบรรดาเด็กๆ ที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โจวเจ๋อได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการของโรงพยาบาลตั้งแต่ยังหนุ่ม ส่วนหวังเคอก็มีจิตวิทยาคลินิกเป็นของตัวเองและไม่ได้เปิดร้านเล็กๆ ในห้องที่แคบ แต่เปิดอยู่ติดถนนหนานต้าเจียใจกลางเมืองของตัวเมืองทงเฉิง

และคฤหาสน์หลังนี้ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปสามารถซื้อไหว

“คุณรู้จักโจวเจ๋อหรือ” หวังเคอถามก่อน

“ครับ ตายไปครึ่งปีแล้ว” โจวเจ๋อตอบ จากนั้นก็ยกน้ำชาขึ้นมาแล้วดื่มหนึ่งที เขายังคงชอบชาเหมาเจียน รสชาติไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

“มาหาผม มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“มาหาหมอครับ”

“มาหาหมอ” หวังเคอกระแอมหนึ่งที “คุณสามารถนัดได้”

“ด่วนมากครับ” ดวงตาของโจวเจ๋อที่มองหวังเคอมีความ ‘ร้อนใจยิ่งนัก’

หวังเคอเงียบไป จากนั้นจึงยิ้มแล้วพยักหน้า พลางลุกขึ้นเอ่ยว่า “เชิญคุณมาที่ห้องหนังสือกับผมครับ”

ไม่ว่าการมาเยือนแบบปุบปับของอีกฝ่ายจะไร้มารยาทหรือไม่ และไม่ว่าการขอร้องของอีกฝ่ายจะกะทันหันหรือไม่ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดว่าเป็นเพื่อนของโจวเจ๋อ หวังเคอจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

โจวเจ๋อนั่งเฉยๆ ในห้องหนังสือของหวังเคอพักหนึ่ง หวังเคอได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีขาวทั้งชุดแล้วเดินออกมาเห็นได้ชัดว่าให้เกียรติเขา

“ลองพูดอาการของคุณมาสิครับ” หวังเคอหมุนปากกาในมือของตัวเอง นี่คือปากกาหมึกซึมสีทองเข้มด้ามหนึ่งภายใต้แสงไฟของห้องหนังสือ ดูสะดุดตายิ่งนัก

โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ไม่ต้องสะกดจิตผมนะครับ ถึงแม้จะเป็นการสะกดจิตเบาๆ ก็ตาม”

หวังเคอพยักหน้า แล้ววางปากกาลง

“ผมอาจจะเป็น…คนบุคลิกภาพแตกแยก” โจวเจ๋อกำลังเรียบเรียงคำพูดของตัวเอง

“ขอรายละเอียดอีกหน่อยครับ” หวังเคอถาม

“รู้สึกว่า ในร่างกายของผม มีนิสัยของอีกคนหนึ่งอาศัยอยู่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ บางครั้งนิสัยของคนนั้นจะมีผลกระทบต่อสิ่งที่ผมทำอย่างกะทันหัน และผมสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมน่าจะทำออกมาเด็ดขาด ผมเป็นคนที่…มีวินัยมากคนหนึ่ง”

“อาการของบุคลิกภาพแตกแยก” หวังเคอหรี่ตา “เป็นนานหรือยังครับ”

“ช่วงนี้มั้งครับ”

“เอาอย่างนี้นะครับ บนกระดาษใบนี้ ให้คุณวาดบุคลิกนิสัยที่สองของคุณ คุณทำตามความรู้สึกของตัวเอง วาดเขาออกมา ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยเห็นท่าทางที่แท้จริงของเขามาก่อนก็ตาม”

หวังเคอวางกระดาษสีขาวกับปากกาด้ามนั้นอยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋อ

“บุคลิกของคนที่สองเหรอ” โจวเจ๋อถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล