ตอนที่ 230 ไม่เสียเปรียบ!
วันนี้เถ้าแก่โจวเก็บเกี่ยวได้เยอะมากจริงๆ กระทั่งสามารถบอกได้ว่าไม่ได้เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่แบบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคะแนนผลงานหรือเงินกระดาษ ครั้งนี้ได้รับเต็มเหนี่ยวไปเลย
ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะทำงานเมื่อไร และไม่ว่าจะทำงานแขนงไหน เงินจากนักเรียนมักจะเป็นเงินที่หาได้ง่ายที่สุด
หลังจากส่งดวงวิญญาณของนักเรียนออกเดินทางแล้ว โจวเจ๋อก็ไปอาบน้ำ จากนั้นขึ้นไปชั้นบนเพื่อเตรียมพักผ่อน ไป๋อิงอิงจัดเตียงเรียบร้อย
โจวเจ๋อเดินไปที่เตียง ไม่รีบร้อนที่จะเข้านอน แต่กลับยืนจุดบุหรี่หนึ่งมวนอยู่ริมหน้าต่างแทน
สวี่ชิงหล่างรู้ว่าโจวเจ๋อติดนิสัยแบบนี้
แต่วันนี้เถ้าแก่โจวสูบ ‘บุหรี่’ หลายมวนติดต่อกันแล้ว ไป๋อิงอิงรู้สึกแปลกๆ จนเกือบจะตะโกนขึ้น
“เถ้าแก่…”
โจวเจ๋อหันกลับมาเห็นอิงอิง จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “โทษที เดิมทีง่วงมาก แต่ตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว”
ขณะพูดก็จุดบุหรี่อีกมวน
ไป๋อิงอิงลุกจากเตียง แล้วนำเก้าอี้มาให้โจวเจ๋อนั่ง ส่วนนางก็ยืนอยู่ข้างหลังทุบไหล่ให้โจวเจ๋อ พลางพูดเบาๆ “เถ้าแก่ คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
โจวเจ๋อไม่ตอบ แต่กางมือทั้งสองข้างออกอย่างเงียบๆ เล็บสีดำทั้งสิบนิ้วยาวออกมาอย่างช้าๆ มวลหมอกสีดำก่อตัวขึ้นระหว่างเล็บอย่างต่อเนื่อง
ตัวของไป๋อิงอิงสั่นสะท้านอยู่หลายครั้ง นางมีความกลัวเล็บของโจวเจ๋อตามสัญชาตญาณ
“บอกหน่อยสิ ว่านอกจากเล็บสีดำสองข้างนี้แล้ว ยังเหลืออะไรอีก”
โจวเจ๋อดูเหมือนจะถามไป๋อิงอิง แต่ก็ดูเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง
สาวน้อยโลลิแนะนำให้โจวเจ๋อ ‘ขโมยมาเป็นของตน’ ดังนั้นตอนนี้โจวเจ๋อจึงเริ่มคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ
จะขโมยได้อย่างไร ขโมยอย่างไรดี ขโมยโดยที่ไม่ทำให้รัฐระแคะระคายเลยสักนิด ไม่ก่อให้เกิดผลสะท้อนกลับและไม่ถูกย้อนหาความรับผิดชอบ กระทั่งยังต้องขอบคุณด้วยซ้ำ
นี่เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งมากวิชาหนึ่ง
ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจว่าเถ้าแก่หมายถึงอะไร ในเมื่อไม่เข้าใจ นางจึงหยุดถาม และตั้งอกตั้งใจนวดให้เถ้าแก่
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของสาวน้อยโลลิ
“ฮัลโหล มีอะไร”
เพิ่งจะเจอและคุยกันเมื่อคืนก่อน การที่โทรมาหาอีกครั้งในเวลานี้ ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
“เรื่องเล็กน้อย ยมทูตจากฉางโจวมีเรื่องต้องผ่านทงเฉิงเลยมาทักทายข้า ข้าเลยมาแจ้งให้เจ้าทราบสักหน่อย”
“อ้อ”
สายตัดไปแล้ว โจวเจ๋อนวดขมับของตัวเอง และตกอยู่ในภวังค์ความคิดอีกครั้ง
มนุษย์มีความสามารถในการเลียนแบบมาแต่กำเนิด ความสามารถแบบนี้ยังสามารถพัฒนาเพิ่มเติมไปจากเดิมได้อีกขั้นหนึ่ง นั่นก็คือ ‘การเรียนรู้’
หลังจากวางโทรศัพท์ลง โจวเจ๋อก็หลับตาลงอย่างช้าๆ ในหัวก็เริ่มนึกถึงความรู้สึกตอนที่จิตสำนึกในร่างของเขาตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
การโจรกรรมที่ดีที่สุด แท้ที่จริงแล้วคือการเลียนแบบ
เรื่องของคนใฝ่รู้ เรียกว่าขโมยได้ไหม
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะพูดมากมายแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นของตัวเองอยู่ดี
ไป๋อิงอิงสังเกตเห็นว่าลมหายใจของเถ้าแก่ยาวขึ้นเรื่อยๆ นางนึกว่าเถ้าแก่หลับไปแล้ว จึงเริ่มลดแรงนวดลงอย่างช้าๆ
อันที่จริงโจวเจ๋อไม่ได้หลับ ความคิดของเขายังคงชัดเจนมาก เขาเพียงแค่ขจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปชั่วคราว และเริ่มนำเข้าสู่สภาวะนั้น
ครั้งแรกที่เข้าสู่สภาวะตัวเองแบบนั้น เป็นตอนที่เผชิญหน้ากับเจ้าแม่ชิงอีบนชั้นดาดฟ้า เขายืนอยู่บนขอบดาดฟ้าและโอนเอนไปมา คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย
ต่อมาก็ที่บ้านตระกูลหลิน ฉากปะทะกับดวงวิญญาณยมทูตของน้องภรรยา จากนั้นก็อยู่ในสถานที่เหล่านี้ เช่น เมืองเหยียนเฉิง เขาเจียงจวิน
ทุกครั้งที่จิตสำนึกนั้นตื่นขึ้นมา ท่าทางที่เหยียดหยามทุกสิ่งทุกอย่างแบบนั้น ความเชื่อมั่นที่แน่นอนแบบนั้น ความรู้สึกราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแบบนั้น โจวเจ๋อกำลังรวบรวมอารมณ์ในตอนนั้นอย่างช้าๆ
จากนั้น ไป๋อิงอิงที่ยังนวดให้โจวเจ๋ออยู่อีกด้านอย่างช้าๆ จู่ๆ ก็ตัวแข็งทื่อ เพราะนางเห็นว่าผิวของโจวเจ๋อกำลังแห้งซูบไปอย่างช้าๆ ลมหายใจบนร่างเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ แผ่วจนเหมือนว่าไม่รู้สึกถึงลมหายใจในการมีชีวิตอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกัน เล็บของโจวเจ๋อก็เริ่มยาวมากขึ้น เปล่งประกายแสงจางๆ อากาศรอบตัวก็ลดลงอย่างช้าๆ ราวกับว่าทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความสงบนิ่ง
หัวใจดวงน้อยๆ ของไป๋อิงอิงเต้น ‘ตึกตักๆ’ ความกดดันที่มาจากสายเลือดแบบนั้นทำให้ไป๋อิงอิงรับไม่ไหว กระทั่งเกิดแรงกระตุ้นให้ต้องคุกเข่าลง
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋อิงอิงเข้าใกล้โจวเจ๋อที่อยู่ในสภาวะแบบนี้อย่างใกล้ชิด ทุกครั้งก่อนหน้านี้คือหลังจากที่โจวเจ๋อเป็นอัมพาตไปแล้วนางถึงค่อยมาดูแล
“เถ้าแก่…เถ้าแก่…”
โจวเจ๋อยังคงหลับตา ยังคงเสาะหาความรู้สึกนั้นอย่างระแวดระวัง ถึงขนาดหมกมุ่นอยู่กับมันมากเกินไป โจวเจ๋อเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเลย
เล็บเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ตัวของโจวเจ๋อเริ่มงองุ้มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เดิมทีเขาพิงบนเก้าอี้อย่างอ่อนปวกเปียกในท่าขี้เกียจตัวเป็นขน ถึงอย่างไรแบบนี้มันก็ทำให้การนวดของอิงอิงสะดวกสบายขึ้นอีกหน่อย
ตอนนี้ตัวของโจวเจ๋อเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก เริ่มหดตัวเข้ามา คล้ายกับคนที่เข้าสู่วัยชรา ร่างกายเริ่มสูญเสียน้ำ
แต่เล็บพวกนั้นกลับยาวจนทำให้คนตะลึงจนอ้าปากค้าง มือทั้งสองข้างของโจวเจ๋อวางอยู่บนเข่าของเขา แต่ในเวลานี้เล็บของเขากลับยาวไปถึงจุดที่สามารถแตะพื้นได้แล้ว มันยาวหลายเดซิเมตรเห็นจะได้ แทบจะใช้เป็นเคียวได้อยู่แล้ว
อีกทั้งแต่เดิมเล็บที่เป็นสีดำ ในเวลานี้กลับมีประกายสีแดงเข้มไหลเวียนอยู่
‘แซดๆ แซดๆ…’
ปลายเล็บทั้งสิบนิ้วแตะสัมผัสพื้นกระเบื้อง และขีดข่วนบนพื้นจนเกิดประกายไฟเป็นระลอกๆ กระเบื้องดูเหมือนถูกเผาละลาย ทิ้งรอยลึกเอาไว้
ไป๋อิงอิงตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล