ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 238

สรุปบท ตอนที่ 238 พ่อ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 238 พ่อ – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 238 พ่อ ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 238 พ่อ

การปรุงอาหารยาจำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อย โจวเจ๋อนั่งรอหมิงหมิงอยู่ในออฟฟิศ แต่คนที่มากลับเป็นอิงอิง

“เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงยืนตะโกนอยู่หน้าประตูออฟฟิศ โจวเจ๋อจึงเดินออกมา

“เถ้าแก่ ท่านทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่ได้เล่นเกมเหรอเจ้าคะ” ไป๋อิงอิงกวาดตามองด้านในร้านอินเทอร์เน็ต มีหลายหน้าจอกำลังเล่นเกมอยู่ “เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตเป็นพ่อครัว กำลังทำกับข้าวให้ผม ผมกำลังรอกินอยู่”

แน่นอนว่าโจวเจ๋อจะไม่พูดว่าเขากำลังรอกินยา ไม่อย่างนั้นหากถูกไป๋อิงอิงซักถามว่ากินยารักษาโรคอะไรทีนี้ควรจะตอบว่าอย่างไร

“อ้าว แม่นางสวี่คงเสียใจแย่ ท่านไม่กินน้ำผลไม้ของเขาแล้ว ตอนนี้แม้แต่กับข้าวของเขาท่านก็จะไม่กินแล้ว” ไป๋อิงอิงทำท่าสงสารและเห็นใจเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างมาก แต่สายตากลับมองไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

“คุณไปเล่นเถอะ ตอนที่ผมใกล้จะกลับแล้วค่อยเรียกคุณ”

“ได้เลย” ไป๋อิงอิงรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์แล้วเติมเงิน จากนั้นก็นั่งเล่นในห้องวีไอพีระดับสูงสุดเล่นหนึ่งชั่วโมงแปดสิบหยวนอย่างมีความสุข

โจวเจ๋อนั่งลงข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นจึงหยิบซองบุหรี่ออกมาแกะ แล้วดึงบุหรี่ออกมาจุดหนึ่งมวน

บังเอิญว่าฉวีเจินเจินเดินลงมาข้างล่างพอดี เมื่อเห็นโจวเจ๋อกำลังถือบุหรี่ เธอไม่พูดอะไร ได้แต่เดินไปจัดของที่เคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนบ้านที่ชั่วร้าย ถึงขนาดมากินข้าวที่บ้านของเธอแล้วยังเอาของกลับบ้านอีก

กินของเขาแล้วปากอ่อน เอาของเขาแล้วมืออ่อน อีกทั้งโจวเจ๋อก็ไม่อยากมองท่าทางเย็นชาของสาวน้อยคนนี้ พี่ชายของเธอทั้งทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บทั้งทำอาหารยา ดังนั้นตัวเขาจะหน้าบึ้งทำเป็นหยิ่งไม่ได้

“พี่ชายของคุณหล่อมาก หน้าตาเหมือนหลี่อี้เฟิง” ร้านอินเทอร์เน็ตมีเสียงค่อนข้างดัง ฉวีเจินเจินได้ยินคำพูดของโจวเจ๋อ แล้วเงยหน้ามองโจวเจ๋ออย่างสงสัย จากนั้นถามว่า “หน้าตาเหมือนเหลย…เฟิงเหรอ”

“…” โจวเจ๋อ

“น่าจะใช่ ลุงเหลย…เฟิงก็หล่อมาก” โจวเจ๋อได้แต่ยอมรับ

“วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง พี่ชายของฉันได้สั่งสอนฉันแล้ว” ฉวีเจินเจินถอนหายใจ “แต่ผู้หญิงคนนั้นกล้าว่าพี่ชายของฉันและยังตีเขา ฉันทนดูไม่ได้จริงๆ”

“จริงๆ แล้วเป็นแบบนี้ พวกคุณก็ไม่นับว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าหากอยากจะใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปละก็เรื่องของจิตใจ ยังต้องปรับอีกหน่อย”

“แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ” ฉวีเจินเจินมองโจวเจ๋อ “ผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้ คุ้นเคยกับคุณมากใช่ไหม ถ้าหากตอนนี้ในร้านอินเทอร์เน็ตมีคนด่าเธอตบตีเธอ คุณจะตอบสนองยังไง”

“ผมจะสูบบุหรี่ของผมต่อไป” โจวเจ๋อพูดอย่างสงบเงียบมาก

ฉวีเจินเจินย่นจมูก เธอไม่สามารถรู้สึกดีกับโจวเจ๋อได้จริงๆ ถือเสียว่าไม่ได้พูดก็แล้วกัน แล้วจึงนั่งลงจัดของตรงหน้าตัวเองต่อไป

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา มองไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่ในห้องวีไอพีกระจกหนึ่งที ตลกละ ใครจะกล้าไปหาเรื่องเธอ ด่าเธอหรือตีเธอล่ะ เธอจะร้องไห้ให้คุณดูเหรอ มีแต่จะลอกหนังคุณเป็นๆ มากกว่า

โจวเจ๋อเคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของไป๋อิงอิงแล้ว แต่สำหรับพี่ชายน้องสาวคู่นี้คงจะตาบอดจริงๆ ตัวเขาเป็นยมทูตยังมองไม่ออก แถมบอกว่าเป็นโจรปล้นสุสาน ไป๋อิงอิงเป็นผีดิบตัวเป็นๆ ก็ยังมองไม่ออกอีกเช่นกัน

กลิ่นหอมโชยมา เมื่อโจวเจ๋อหันไปก็เห็นเพื่อนนักเรียนหมิงหมิงยกหม้อดินเดินลงมา โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าถามว่า “ไม่ร้อนมือเหรอ”

“นิดหน่อยครับ” เพื่อนนักเรียนหมิงหมิงตอบ

ฉวีหมิงหมิงกำลังจะพูดว่า ‘ไม่เป็นไรตัวเขายกไหว โจวเจ๋อไม่ต้องช่วย’ แต่ใครจะรู้ว่าโจวเจ๋อกลับพูดมาหนึ่งประโยค “อย่างนั้นคุณระวังหน่อย อย่าให้หกออกมา ผมรอนานแล้ว”

“…” หมิงหมิง

วางหม้อดินบนโต๊ะ รอบๆ จัดวางด้วยชามและตะเกียบแบบโบราณหนึ่งชุด โจวเจ๋อถือถ้วยลายครามอยู่ในมือแล้วจับเล่นเล็กน้อย ชื่นชมการสลักลายที่สวยประณีตบนนั้น แล้วเอ่ยว่า “หรูหรามากจริงๆ ออกมาจากเตาหลวงในช่วงจักรพรรดิเฉียนหลงใช่ไหมครับ”

“มืออาชีพจริงๆ!” ไม่เสียแรงที่ทำอาชีพปล้นสุสาน

โจวเจ๋อหัวเราะเหอะๆ อยู่ในใจ การใช้ชีวิตในชาติที่แล้วของเขา จะมีเงินเล่นของโบราณพวกนี้เหรอ เขารู้จักถ้วยใบนี้เพราะของที่ฝังไปกับศพของไป๋อิงอิงก็มีอยู่หนึ่งคู่ ตอนที่โจวเจ๋อหยิบไปจำนำ ถ้วยลายครามคู่นั้นมีราคาห้าแสนกว่าหยวน

“เป็นแพทย์แผนจีนมีเงินเยอะขนาดนี้เชียว” โจวเจ๋อถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ใช้ถ้วยแบบนี้กินข้าว คนทั่วไปซื้อไม่ไหว นี่เท่ากับถือถ้วยราคาห้าแสนหยวนกินข้าวเชียวนะ

“ก็พอได้ครับ แต่ตอนนี้แพทย์แผนจีนถูกสร้างเป็นกระแสมากเกินไป มีธุรกิจขายตรงมากมายชอบอ้างชื่อเสียงของแพทย์แผนจีน นอกจากนี้การแพทย์แผนจีนจริงๆ ต้องใช้เวลาฝึกฝนและตกตะกอนอย่างใจเย็น ยากที่จะใช้ทางลัด ดังนั้นกิจกรรมที่เห็นในสังคม แพทย์แผนจีนที่เก่งจริงๆ จึงมีไม่เยอะครับ”

ฉวีหมิงหมิงตักน้ำซุปให้โจวเจ๋อด้วยตัวเอง มีแต่น้ำซุปเท่านั้น ไม่มีกับข้าว ยิ่งไม่มีอาหารบำรุงอื่นๆ ให้วุ่นวาย น้ำซุปใสสะอาด ไม่มันเลี่ยนเลยสักนิด

โจวเจ๋อแอบดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงไปหนึ่งคำ ดังนั้นตอนนี้จึงสามารถยกถ้วยขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจ สดชื่น สดชื่นมาก นอกจากนี้หลังจากที่ดื่มลงไปแล้วเหมือนมีกระแสความร้อนกลุ่มหนึ่งไหลลงสู่กระเพาะของเขาในชั่วพริบตา จากนั้นโจวเจ๋อจึงดื่มต่ออีกสองสามคำ รอให้ผ่านไปสักพักหนึ่ง กระแสความร้อนเล็กๆ สองสามกลุ่มไหลไปตามกระดูกทั่วร่างของเขา สุดท้ายไหลลงไปรวมกันอยู่ตรงตำแหน่งที่ไม่สามารถบรรยายได้

“เหอะ” ผลลัพธ์นี้สุดยอดจริงๆ ตามทันไวอา…กร้าแล้ว

ฉวีหมิงหมิงตักถ้วยที่สองให้โจวเจ๋อ ก่อนจะวางตรงหน้าเขา แล้วผายมือทำท่า ‘เชิญ’

โจวเจ๋อเลียปาก แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร

“ครั้งนี้ถูกพวกเราเห็นก่อน ผมไม่ใช่ตำรวจแล้วก็ไม่ใช่องค์กรอะไร จึงจัดการคุณไม่ได้ แต่คุณควรจะรู้หลักการอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคนจะทำอะไรฟ้าเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคนแก่ก่อนหน้านี้จะเป็นยังไง แต่ในฐานะลูกชาย คุณควรจะให้ตัวเองมีจิตสำนึกที่ดีของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูก!”

ขณะที่พูด หนุ่มเทศกิจคนนี้ได้ยื่นมือตบที่หน้าอกของโจวเจ๋อเบาๆ “อย่าลืม ครั้งหน้าผมจะมาอีก ถ้าหากผมเห็นว่าคุณทารุณคนแก่อีกครั้ง สั่งให้คนแก่มากวาดถนนตอนแดดร้อนแบบนี้ ผมจะจัดการคุณแน่ ผมเป็นเทศกิจนะ เทศกิจมีฉายาว่ายังไง คุณรู้ใช่ไหม” ตอนที่หนุ่มเทศกิจพูดเขาได้จงใจทำหน้าดุดันออกมา แล้วยังเอาชื่อเสียงของเทศกิจมาข่มเพื่อให้ดูน่าเกรงขาม

“เหอะๆ” โจวเจ๋อพยักหน้าหัวเราะ หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนยื่นให้อีกฝ่าย

“อย่ามาทำเป็นตีสนิทกับผม!” หนุ่มเทศกิจไม่รับ “ทำดีกับคนเฒ่าคนแก่หน่อย รู้ไหม” เมื่อพูดจบ เขาเดินไปข้างๆ นักพรตเฒ่า ตบไหล่ของนักพรตเฒ่าแล้วพูดว่า “คุณตาครับ ครั้งหน้าถ้าลูกชายของคุณตาทำตัวแย่กับคุณตาอีก ไปหาพวกเราที่สำนักเทศกิจได้นะครับ พวกเราจะทวงคืนความยุติธรรมให้คุณตาเอง!”

นักพรตเฒ่าทำหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก เขามองเทศกิจหนุ่มด้วยความสับสน แล้วแอบมองการตอบสนองของเถ้าแก่อีกครั้ง จากนั้นได้แต่กัดฟันขอบคุณและเดินไปส่งเทศกิจหนุ่มใจดีทั้งสองคน

รถของส่วนราชการจอดอยู่ข้างๆ เทศกิจทั้งสองคน มีหนึ่งคนในนั้นกำลังรับโทรศัพท์ จึงไม่ได้รีบร้อนขับออกไป

นักพรตเฒ่าเดินมาข้างๆ โจวเจ๋ออย่างตัวสั่นงันงก แล้วอธิบายให้โจวเจ๋อฟังอย่างระมัดระวัง “เถ้าแก่ ฟังข้าอธิบายก่อน เป็นพวกเขาที่เข้ามายุ่งเข้ามาถามก่อน ข้าแค่อยากจะหาเหตุผลไม่ให้พวกเขามายุ่งเลยพูดมั่วๆ ออกไปว่าลูกชายของข้า…พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องจริง จึงลากข้ากลับมาหาลูกชาย…”

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา มองนักพรตเฒ่าแล้วพูดหนึ่งคำว่า “พ่อ”

“โอ๊ยๆ!!!!!!!” นักพรตเฒ่าคุกเข่าต่อหน้าโจวเจ๋อโดยตรงด้วยความตกใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะอยู่บนถนน นักพรตเฒ่าอยากจะโขกศีรษะคำนับโจวเจ๋อแล้ว แม่งเอ๊ย แย่แล้ว! ซวยแล้วจริงๆ!

โจวเจ๋อทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วพูดว่า “ลุกขึ้น พวกเขายังไม่ไป”

นักพรตเฒ่าจึงได้แต่ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกใจจนหน้าซีดเขียว

“ยังมียันต์กระดาษอยู่ในกางเกงไหม”

“ไม่มีแล้วๆ ยันต์กระดาษของบรรพบุรุษ มีน้อยหายาก คราวที่แล้วใช้หมดแล้วนะ คราวที่แล้วเป็นใบสุดท้าย”

โจวเจ๋อมองข้ามประโยคนี้ของนักพรตเฒ่า ชี้ไปที่ท้ายรถราชการของเทศกิจแล้วพูดว่า “เอายันต์กระดาษไปแปะท้ายรถหนึ่งใบ” หลังพูดจบโจวเจ๋อก็เข้าไปในร้านหนังสือ

“แปะยันต์กระดาษท้ายรถ” นักพรตเฒ่าหันไปมอง ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่คิดว่าเถ้าแก่ไม่น่าล้อเล่นกับตัวเองเขาจึงหยิบน้ำตาวัวในกระเป๋ากางเกงออกมาถู นักพรตเฒ่าตกตะลึงทันที ก่อนหน้านี้ด้านหลังรถราชการของเทศกิจว่างเปล่า แต่ตอนนี้กลับถูกยัดเต็มไปด้วยพวงหรีดสีขาวซีด!

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล