ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 239

สรุปบท ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ

โจวเจ๋อกลับมาที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว เพิ่งจะดื่มได้สองคำ นักพรตเฒ่าก็เข้ามาแล้ว

“แปะแล้วเหรอ”

“แปะแล้ว เถ้าแก่”

นักพรตเฒ่าเกาศีรษะแกรกๆ แล้วถามว่า “เถ้าแก่ ทำไมหลังรถของพวกเขามีพวงหรีดเยอะขนาดนั้น” และนั่นไม่ใช่พวงหรีดจริง ถ้าหากไม่ถูน้ำตาวัวคงมองไม่เห็นด้วยซ้ำ

คนจีนต่างรู้ดี พวงหรีดมีไว้ใช้สำหรับคนตาย สำหรับคนเป็นคือสิ่งที่เป็นอัปมงคลมาก ด้านหลังรถจู่ๆ มีของพวกนี้มากมาย ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้จะพูดว่าหนุ่มเทศกิจสองคนเกือบจะทำให้ตัวเองซวยโดนเถ้าแก่เล่นงานแล้ว แต่พวกเขาช่วยเพราะความหวังดี นักพรตเฒ่าจึงยอมให้ยันต์กระดาษที่ซ่อนอยู่ในเป้ากางเกงด้วยความสมัครใจ

“ถูกคนด่าลับหลังบ่อยๆ จึงเยอะเป็นธรรมดา” โจวเจ๋อหัวเราะ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร เขาอยากจะให้ไป๋อิงอิงชงน้ำชาให้ตัวเอง แต่เพิ่งนึกได้ว่าไป๋อิงอิงกำลังเล่นเกมสงครามเลือดสาดอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต

“ช่วยชงน้ำชาให้ผมหน่อย”

“อ้อ ได้เลย” นักพรตเฒ่าก็คล่องแคล่วมาก ตอนที่ชงน้ำชาก็ดูชำนาญ จริงๆ แล้วเขารู้เรื่องหลายอย่างและชอบเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อเคยเห็นนักพรตเฒ่าทำค็อกเทลให้ลูกค้าตอนที่สวี่ชิงหล่างไม่อยู่

“เถ้าแก่ ที่บอกว่าถูกคนด่าเยอะคืออะไร”

“หลังจากมีคนเห็นรถของเทศกิจ มักจะชอบถ่มน้ำลายใส่ท้ายรถ แล้วก็ด่าอีกว่า ‘รีบตายรีบไปผุดไปเกิดซะ’ ไม่นานพวงหรีดจึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ”

“แช่งเหรอ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“แต่หนุ่มเทศกิจสองคนนั้นก็ไม่เลวนะ”

“ครูที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายคนนั้นก็ไม่เลว”

“เอ่อ…อันนี้…”

“วางใจได้ พวงหรีดนั่นไม่ทำให้คนตายหรอก อย่างมากก็แค่ดวงอ่อนนิดหน่อย หลังจากที่คุณแปะยันต์กระดาษไปแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

“เฮ้อ ข้ารู้สึกเสียใจแทนเด็กสองคนนั้น ถือสิทธิ์อะไรทำไมต้องให้พวกเขาแบกรับชื่อเสียงที่ไม่ดีของเทศกิจด้วย”

“เพราะว่าคนส่วนใหญ่ชอบยกชามข้าวกินวางตะเกียบด่าคน ถ้าหากตัวเองขับรถหรือตอนที่เดินอยู่บนถนนถูกพ่อค้าหาบเร่ขวางทางก็จะด่า แต่พอเห็นวิดีโอในอินเทอร์เน็ตที่เทศกิจ ‘ตี’ คน แล้วรายงานข่าวว่า ‘รังแก’ พ่อค้า ก็จะด่าอีก”

“เฮ้อ คำพูดคนน่ากลัว คำพูดของคนน่ากลัวจริงๆ เถ้าแก่ ชงน้ำชาเสร็จแล้ว”

นักพรตเฒ่าส่งน้ำชาไปให้ จากนั้นจึงหยิบผ้ามาเช็ดตรงนั้นทีตรงโน้นทีอย่างจริงจัง ถึงแม้เดดพูลจะเก็บกวาดร้านสะอาดสะอ้านแล้ว แต่นักพรตเฒ่ายังหวั่นใจ กลัวโจวเจ๋อจะเอาเรื่อง ‘ลูกชาย’ มาพูดอีก

เถ้าแก่โจวกลับนอนลงบนโซฟา เขาเพิ่งจะนอนลง สวี่ชิงหล่างก็เดินลงมาข้างล่าง

“ตอนกลางวันไปกินข้าวข้างนอกมาเหรอ” สวี่ชิงหล่างซักถามเหมือนอยากติโทษ

“ใช่”

“เหอะๆ”

นักพรตเฒ่าเดินออกไปไกลอีกหน่อยอย่างรู้กาลเทศะ

“เหล่าโจว ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย ช่วยผมหนึ่งเรื่อง” สวี่ชิงหล่างพูดกับโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อลืมตาอย่างจนใจอยู่บ้าง มองสวี่ชิงหล่างที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้า

ในฐานะเพื่อน ในเมื่อเขาเอ่ย คุณจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร โดยเฉพาะตอนนี้คุณยังนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางที่ไม่มีอะไรทำ อยากจะหาข้ออ้างก็หาไม่เจอ นอกจากนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาเหล่าสวี่ได้ช่วยเหลือโจวเจ๋อเยอะมาก

สวี่ชิงหล่างขับรถ โจวเจ๋อนั่งข้างคนขับ รถมุ่งหน้าไปอำเภอเหมินไห่บ้านเกิดของสวี่ชิงหล่าง แต่ไม่ไกลมาก ทงเฉิงถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุโดยทั่วไปแล้วรถไม่ติดเลย คาดว่าคงใช้เวลาขับรถไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

“เรื่องก็เป็นแบบนี้ ปัญหาที่เจอตอนย้ายหลุมศพครั้งที่แล้ว ตอนนี้เริ่มกลายเป็นปัญหาสะสมแล้ว” สวี่ชิงหล่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โจวเจ๋อฟังก่อน

โจวเจ๋อรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนั้นสวี่ชิงหล่างต้องออกจากร้านหนังสือกลับบ้านเกิดไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น ก็เพราะเรื่องย้ายหลุมศพนี่แหละ ถึงแม้ระดับวิชาอาคมของสวี่ชิงหล่างในสายตาของโจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิจะนับว่ารู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น แต่ระดับของเขาเมื่อเทียบกับพวกที่รับจัดงานศพในชนบทรวมทั้งนักพรตที่เดินทางไปทั่วถือว่าสูงกว่าเยอะ ดังนั้นสวี่ชิงหล่างจึงเป็นคนจัดการเรื่องย้ายหลุมฝังศพเอง เขาคำนวณตำแหน่งและวันที่ แล้วทำการเคลื่อนย้ายตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นจนได้

อย่างแรกมีน้ำไหลออกมาจากหลุมศพของบรรพบุรุษ จากคำพูดของสวี่ชิงหล่างดูเหมือนจะเป็นน้ำพุร้อนใต้ดินที่ไหลซึมออกมา และน้ำก็มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ร้อนมาก

หลังจากขุดหลุมไปแล้ว ดินก็ถล่มลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ถึงแม้จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่ชาวบ้านที่รับผิดชอบขุดสุสานก็ตื่นตระหนกตกใจไปตามๆ กัน

สุดท้ายไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว จึงได้แต่ช่วยกันขุดออกมา เจอพวกโครงกระดูกเป็นกอง มีโลงศพบางโลงที่อยู่มานานจนผุพังแล้ว กระดูกจมฝังอยู่ในกองดิน มีบางศพเมื่อก่อนยากจน ตอนที่ทำพิธีฝังศพไม่มีแม้แต่โลงศพ ต้องใช้เสื่อฟางห่อเพื่อนำไปฝัง

นอกจากหลุมที่หลายปีมานี้ป้ายหลุมฝังศพยังดีอยู่ โครงกระดูกที่เหลือก็ไม่รู้ว่าเป็นบรรพบุรุษของบ้านไหนเพราะแยกไม่ออก แต่ไม่ว่าอย่างไรหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้แซ่เดียวกัน จึงไม่เป็นไร จากนั้นจึงย้ายไปฝังรวมกันอีกที่หนึ่งโดยไม่ได้คิดอะไร

ส่วนหลุมฝังศพเก่าจะมีโครงกระดูกที่ไม่ได้ถูกย้ายหลงเหลืออยู่ไหมก็ไม่มีใครสนใจอีก และระดับการค้นหาก็ยากเกินไป หากจะใช้เครื่องขุดดินขุดที่ดินผืนนี้อีกรอบก็คงทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

แต่หลังจากนั้นเรื่องแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ของในหมูบ้านเริ่มหาย และสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็เริ่มล้มตายอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วก็มีคนที่ฝันว่าปู่ย่าตาทวดของครอบครัวตัวเองมาร้องทุกข์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทำเอาหมู่บ้านแห่งนี้เริ่มอยู่ไม่สุขกลัวแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า

สวี่ชิงหล่างคิดหาวิธีแก้ไขแล้วก็ไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากโจวเจ๋อ

ตอนที่สวี่ชิงหล่างมาถึงหมู่บ้านเป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ถึงแม้จะพูดว่าเป็นหมู่บ้านชนบท แต่ทุกครัวเรือนล้วนเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ตะวันตก ด้านนอกที่อยู่ไม่ไกลเป็นถนนใหญ่ แต่ในหมู่บ้านเป็นถนนคอนกรีต และมีรถดีๆ จำนวนไม่น้อยจอดอยู่ในลานบ้าน

พื้นที่แถบชนบทของมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และเซี่ยงไฮ้แตกต่างจากชนบทในพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก สาเหตุแรกเป็นเพราะการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สาเหตุที่สองเป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ เมื่อพัฒนาแล้วมีความสะดวกสบายมากกว่าสภาพแวดล้อมในพื้นที่เขตภูเขาทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก

ชายชราเอาแต่ด่าของของตัวเอง อย่างแรกด่าเจิ้นฝู แล้วค่อยด่าหัวหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็ด่าชาวบ้านที่เห็นแก่เงินพวกนี้ด้วยความรู้สึกที่โกรธเป็นอย่างมาก เขาเดินด่าแล้วถ่มน้ำลายไปด้วย ด่าด้วยคำแย่ๆ ไม่น่าฟัง ลืมกำพืด เห็นแก่เงิน เจอหน้าบรรพบุรุษไม่ได้…

โจวเจ๋อมองดูความคึกคักอยู่ข้างๆ โดยพิงต้นฉัตรจีนต้นหนึ่ง

ชายชราน่ารักมากในสายตาของโจวเจ๋อ คนเรามีอายุถึงปูนนี้แล้ว ไม่สนแล้วเรื่องปล่อยวางไม่ปล่อยวาง อยากด่าก็ด่า อยากโวยวายก็โวยวาย อยากจะบ้าก็บ้า ไม่ว่าอย่างไรชายชรามีชีวิตอีกสองสามปีก็ตายแล้ว ทำไมต้องทนกับความโมโหเรื่องหยุมๆ หยิมๆ ของคุณด้วย

เพียงแต่ตอนที่ชายชราด่าได้ถือไม้เท้าเดินมาทางโจวเจ๋อ ตอนที่เขาเห็นโจวเจ๋อพลันเบิกตาโตอย่างไม่รู้ตัว

“คุณปู่ๆ…” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล ดึงมือของคุณปู่ตัวเอง เธอกลัวว่าคุณปู่จะเดินมั่วซั่วแล้วโวยวายไปทั่วแต่ชายชรายังคงจ้องมองโจวเจ๋อต่อไป

“นี่เป็นคุณอาที่มาจากต่างเมือง ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ค่ะ” เด็กผู้หญิงพูดกับคุณปู่ของตัวเอง คุณปู่อายุมากแล้วสมองเลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้

“คุณอาอะไร!” ชายชราถ่มน้ำลายใส่โจวเจ๋อโดยตรง ถ่มน้ำลายลงบนรองเท้าของโจวเจ๋อ

“ผี!”

“ขอโทษค่ะๆ คุณอา ขอโทษค่ะๆ” เด็กผู้หญิงนั่งลงยองๆ ใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดรองเท้าให้โจวเจ๋อทันที เธอกลัวว่าคุณอาต่างเมืองจะต่อยคุณปู่ของตัวเอง

“กลับมา เช็ดรองเท้าให้ผีทำไม! พวกเราตระกูลชุยจะเสียหน้าเรื่องนี้ไม่ได้! คนก็ส่วนคน ผีก็ส่วนผี ใช้ชีวิตสง่าผ่าเผยตอนที่มีชีวิตอยู่ พอตายไปก็ไม่ต้องก้มหัวคุกเข่าให้ผีพวกนี้!” ชายชราดุหลานสาวของตัวเองพร้อมกับดึงหลานสาวของตัวเองกลับมาในเวลาเดียวกัน

หลานสาวยืนอยู่ข้างๆ ชายชราและตะโกนขอโทษโจวเจ๋อไม่หยุด “ขอโทษๆ”

โจวเจ๋อก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองที่ถูกเด็กผู้หญิงเช็ดเมื่อครู่ เขาเป็นคนอนามัย ชายชราถ่มน้ำลายถึงแม้จะถูกเช็ดไปแล้ว แต่ความขยะแขยงในใจกลับยากที่จะลบเลือน

ถึงแม้ชายชราคนนี้จะบ่นโวยวาย ชาวบ้านไม่ชอบ แต่เขาเป็นพวกเสือซุ่ม ดูเหมือนจะบ้าเสียสติ แต่ในความเป็นจริงเขากลับรู้ดีมากกว่าใครในหมู่บ้านแห่งนี้

“คุณไม่กลัวพญายม แล้วหลานสาวของคุณล่ะ ถ้าอย่างนั้น ผมพาเธอลงไปก่อนดีไหม” โจวเจ๋อพูดกึ่งล้อเล่น

“ไอ้หนุ่ม แกกล้าเหรอ!” ชายชราตะคอกเสียงดังแล้วพุ่งเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง

‘ตู้ม!’ โจวเจ๋อเดิมทียืนอยู่ข้างสระน้ำอยู่แล้ว คราวนี้ถูกชายชราพุ่งเข้าใส่จึงตกลงไปในสระน้ำพร้อมกับชายชรา

“มีคนตกน้ำอีกแล้ว มีคนตกน้ำอีกแล้ว!!!”

“ช่วยคนด้วย รีบช่วยคน รีบมาช่วยคนเร็วๆ!”

“คุณปู่ๆ!”

“ตาชุยคนบ้าตกน้ำแล้ว!!” เสียงร้องตะโกนของพวกชาวบ้านดังมาจากบนฝั่ง

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล