ตอน ตอนที่ 265 เขายังไม่ตาย... จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 265 เขายังไม่ตาย... คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 265 เขายังไม่ตาย…
หลังจากกลืนซือตันของตัวเองแล้ว ถึงแม้ไป๋อิงอิงจะบาดเจ็บหนัก แต่อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่า ‘ต้นกำเนิดของพลังชีวิต’ ยังคงอยู่ สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในภายหลัง
‘พลั่ก…’
ไป๋อิงอิงหล่นลงมาจากเสาไฟฟ้า เธอหลับตาอย่างช้าๆ เข้าสู่การหลับใหล แผลของเธอมีแสงสีดำกำลังหมุนเวียน พลังของซือตันกำลังช่วยฟื้นฟูร่างกายของเธอทีละนิด ถึงแม้จะช้ามาก กระทั่งอาจต้องแลกกับการสูญเสียตบะ แต่อย่างน้อยเรื่องราวก็กำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
โจวเจ๋อโยนศพชองชายชราที่ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างทิ้งไปที่พื้น จากนั้นตัวเองก็นั่งบนพื้นเช่นกัน แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลง
สายลมเย็นพัดเอื่อยมา เส้นผมของโจวเจ๋อขยับเพราะเหตุนี้ เขานั่งอยู่ตรงนั้นไร้ซึ่งซุ่มเสียง เหมือนตกอยู่ในสภาวะงีบหลับ สาวน้อยโลลิที่อยู่ไกลๆ กำลังมองด้วยความสงสัยตลอดเวลา
เธอรู้สึกว่าจิตสำนึกนั่นกำลังเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง ตอนนี้โจวเจ๋อตัวจริงน่าจะกลับมาแล้ว แต่เธอไม่กล้าเดินเข้าไปเพื่อยืนยัน ก่อนหน้านั้นตอนที่ตัวเธอยอมลดตัวทำท่านอบน้อมเกือบถูกตานี่จับกิน ถึงแม้สุดท้ายจะไม่ได้กิน แต่ก็ยังโยนเธอทิ้งไม่ต่างจากขยะ
ครั้งนี้สาวน้อยโลลิจะไม่เสี่ยงอันตรายอีก เพราะเธอสัมผัสได้ว่าตอนที่จิตสำนึกนั่นมองตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่อาหารในสายตาของเขาเท่านั้น เพียงแต่เขากำลังพิจารณาว่าอาหารนี้จะอร่อยหรือไม่ จะถูกปากตัวเองหรือไม่ โดยไม่สนใจฐานะของเธออย่างสิ้นเชิง หรืออาจจะเป็นเพราะฐานะของเธอต่ำต้อยจนเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
อย่างเช่น คุณคิดว่ากุ้งมังกรกับปลาเหลืองเล็กแพงกว่ากันเท่าไร และจะตัดสินใจกินอันไหน แน่นอนว่ามีเรื่องหนึ่งที่สาวน้อยโลลิสงสัยมาก นั่นก็คือตอนที่จิตสำนึกนั่นตื่นอยู่ ทำไมถึงให้ไป๋อิงอิงกินซือตัน มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
หรือว่าเหมือนกับเข้าตลาดปลา พอเวลานานเข้าก็เคยชินกับกลิ่นคาวปลาไปแล้ว หรือไม่ก็ตอนที่คุณจ้องมองปลาเค็มในเหวลึก ปลาเค็มตัวนั้นก็กำลังจ้องมองคุณเหมือนกัน หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป สาวน้อยโลลิยืนรับลมอยู่ในสวนดอกไม้ริมถนนมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ผีดิบสาวจอมเซ่อที่เธอมองแล้วขัดตาตลอดเข้าสู่การหลับใหล แต่โจวเจ๋อกลับนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
สรุปแล้วคุณตื่นหรือยัง ฉันรออยู่ตรงนี้ร้อนใจมาก! สาวน้อยโลลิกัดริมฝีปากของตัวเอง ความสับสนที่อยู่ในใจยิ่งรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเวลาผ่านไป
เธออยากจะดูชายชราคนนั้น อยากจะดูศพของชายชรา อยากจะดูว่าเขาเป็นเทพเจ้ามาจากไหน หลายปีที่ผ่านมานี้เขาปรากฏตัวทุกที่ ยมทูตมากมายในหลายพื้นที่มักจะบอกข้อมูลว่าตัวเองเคยเจอเขา
ฐานะของเขาแท้จริงแล้วเป็นปริศนามาตลอด อย่างเช่น อาจารย์ของเขาอยู่ที่ไหน เขาใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงเดินมาถึงทุกวันนี้ได้
ตอนนี้โจวเจ๋อยื่นมือหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า กัดไว้ในปากจากนั้นคลำหาไฟแช็ก
“%%%@###!!!!!”
สาวน้อยโลลิสบถด่าออกมา ทั้งๆ ที่ตื่นแล้วแต่ยังนั่งโพสท่าอยู่ตรงนั้น!
ในที่สุดเถ้าแก่โจวก็หาไฟแช็กเจอแล้ว มือที่ถือบุหรี่อยู่สั่นล็กน้อย จิตสำนึกนั่นเข้าสู่โหมดหลับใหล และเขาได้กลับมาควบคุมตัวเองอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ต่างไปจากปกติก็คือ ครั้งนี้เขาไม่สลบ และร่างกายดูเหมือนจะไม่ค่อยมีบาดแผลเท่าไร
แต่โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกดีมากเท่าไร เพราะมันหมายความว่าการตื่นขึ้นของจิตสำนึกนั่นกำลังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ การปรับตัวชดเชยของร่างกายก็เริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเช่นกัน
โชคดีที่แก้ไขปัญหาได้แล้ว อิงอิงไม่เป็นไร ไม่เป็นไรก็ดี เขายังไม่ทันจะได้สูบบุหรี่ สิ่งที่เปียกชื้นอย่างหนึ่งก็โผล่เข้ามาดับบุหรี่ของเขาโดยตรง กระทั่งทำบุหรี่เปียกชื้นทั้งมวน
โจวเจ๋องงเล็กน้อย เมื่อหันกลับไป จึงเห็นสาวน้อยโลลิเดินฟึดฟัดเข้ามา จากนั้นถึงเข้าใจว่าเมื่อครู่ตัวอะไรทำให้บุหรี่ของตัวเองต้องเปียกกันแน่ เขาทิ้งก้นบุหรี่อย่างรังเกียจเล็กน้อย ความสามารถด้านนั้นของเถ้าแก่โจว…อ้อไม่ อย่างน้อยความสนใจด้านนั้นนับว่าปกติ สำหรับสาวน้อยโลลิแล้วเขาไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ
“นี่ โจวเจ๋อ!” นิสัยหยิ่งผยองของสาวน้อยโลลิเด่นชัดอย่างไม่ต้องสงสัย หรือเมื่อครู่อาจจะขายหน้าต่อหน้าอีกจิตสำนึกหนึ่งหนักมาก ดังนั้นตอนนี้เธอจึงอยากกู้หน้ากลับมา
ถึงแม้จะเป็นการหลอกตัวเองและผู้อื่น แต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ยมทูตทุกตนล้วนมีนิสัยเป็นของตัวเอง นิสัยของสาวน้อยโลลิก็เป็นแบบนี้ โจวเจ๋อทำท่า ‘จุ๊ปาก’ เพื่อบอกให้เธอเบาเสียง สาวน้อยโลลิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา
โจวเจ๋อมองไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ พลางยื่นมือจัดเส้นผมทัดหูของเธอให้เรียบร้อย บาดแผลตามร่างกายถือว่าหนักมาก ถึงแม้จะมีซือตัน แต่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดูจากสภาพแผลเหล่านี้แล้ว โจวเจ๋อรู้สึกสงสารจริงๆ
ทุกครั้งที่ตัวเขาใช้วิชาอู๋ซวงแล้วตื่นขึ้นมา จะมีเธออยู่ข้างกายเสมอ ร้อง ‘หงิงๆๆๆ’ คอยนวดให้เขา จากนั้นก็อุ้มเขาไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนอนามัย ดังนั้นจึงดูแลเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างพิถีพิถันมาตลอด
“ตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาไม่ไหวหรอก” สาวน้อยโลลิพูดเตือน
โจวเจ๋อส่ายหน้า ยื่นมือและชี้นิ้วไปยังสิ่งที่แทบจะไม่ใช่รูปร่างคนที่อยู่ข้างกายตัวเองแล้วพูดว่า “อย่าปลุกเขาตื่น”
“…” สาวน้อยโลลิ
แต่โจวเจ๋อยังคงสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด แหวกเนื้อที่แหลกเหลวค่อยๆ คลำหาแล้วจึงหากระเป๋าเจอ
โอ้ว มีของอยู่ข้างในจริงๆ ด้วย สิ่งที่เขาหยิบออกมาคือทะเบียนบ้านหนึ่งเล่มกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงาน
“เมื่อปี 1980 กว่าๆ เพิ่งเริ่มมีแนวคิดมีบัตรประชาชน” สาวน้อยโลลิอธิบายอยู่ข้างๆ “มีช่วงหนึ่งหลังจากปลดแอกเป็นเวลานาน ไม่มีบัตรประชาชน แต่อาศัยทะเบียนบ้านกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงานเพื่อพิสูจน์ตัวตนของตัวเอง”
สาวน้อยโลลิไม่สนใจถึงการเปิดเผยอายุของตัวเอง จากนั้นจึงแย่งทะเบียนบ้านกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงานมาจากมือของโจวเจ๋อแล้วเปิดอ่าน
แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่รู้สึกตกใจกับอายุของสาวน้อยโลลิ อย่ามองว่าเธออยู่ในร่างของเด็กน้อย แต่วิญญาณของเธอที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ทว่าก่อนหน้านั้นเธอเคยเล่าเรื่องของตัวเองในอดีตให้เขาฟัง บวกกับช่วงเวลาในยุคนั้น ตอนนั้นเธอน่าจะอายุสามสิบปีเป็นอย่างน้อย ดังนั้นอายุที่แท้จริงของสาวน้อยโลลิมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น…ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่ง
“หลิวหย่วนฟั่ง เกิดปี 42 เขาอายุเจ็ดสิบหกปีแล้ว จดหมายแนะนำจากหน่วยงานเลือนรางไม่ชัดแล้ว ดูเหมือนจะเป็นชาวไร่คนหนึ่ง ชาวไร่คนหนึ่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
“ไม่ต้องรีบร้อน” โจวเจ๋อพูดแล้วคลำหาของออกมาจากตัวของชายชราอีก นี่คือสิ่งที่มีปกด้านหลังเป็นสีขาวดำ คล้ายใบแจ้งอะไรสักอย่าง เขาพลิกด้านแล้วจึงเห็นตัวหนังสือบรรทัดหนึ่ง
“นี่คืออะไร” สาวน้อยโลลิที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
“ใบแจ้งตาย หลิวหย่วนฟั่ง เสียชีวิตจากการเจ็บป่วย” โจวเจ๋อเกาศีรษะแกรกๆ แล้วพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “วันที่ตายระบุไว้ชัดเจน ชายชราคนนี้ตายมาสี่สิบสองปีแล้ว”
คนที่ตายมาแล้วสี่สิบสองปี เมื่อครู่เกือบจะฆ่าล้างบางร้านหนังสือ ขาดอีกแค่หนึ่งถึงสองนาทีเขาก็เกือบจะทำให้เถ้าแก่โจวต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครช่วยเหลือแล้ว
“สิ่งเหล่านี้จะเป็นของปลอมหรือเปล่า”
“พกของปลอมติดตัว ถือขึ้นมาขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม
เวลานี้เถ้าแก่โจวเริ่มเอามือลูบคางของตัวเองเบาๆ ย้อนนึกถึงประโยคนั้นก่อนที่คนผู้นั้นจะนอนหลับใหล ‘เขายังไม่ตาย…’
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล