สรุปเนื้อหา ตอนที่ 266 ฉันมีลาน้อยแต่ฉันไม่เคยขี่มัน – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 266 ฉันมีลาน้อยแต่ฉันไม่เคยขี่มัน ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 266 ฉันมีลาน้อยแต่ฉันไม่เคยขี่มัน
แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่สาดแสงเข้ามา นำมาซึ่งความอบอุ่นและสวยงามในการเริ่มต้นวันใหม่อีกหนึ่งวัน
ตำแหน่งริมหน้าต่างที่ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือ ครั้งนี้ไม่มีคนนอนอยู่ตรงนั้นเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บนโต๊ะน้ำชาไม่มีกาแฟหรือน้ำชาปรากฏอยู่เหมือนในวันวาน และยิ่งไม่มีหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งรีดวางเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น
…
และอีกด้านหนึ่ง โจวเจ๋อกำลังยุ่งมากและยุ่งสุดๆ ชีวิตปลาเค็มของเขาต้องหยุดลงชั่วคราว ไม่ใช่เพราะแรงจูงใจของเขาหมดลง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องในคืนนั้น ร้านหนังสือของเขาแทบจะมีเขาทำงานคนเดียว
อ้อ ไม่ถูกสิ ยังมีเจ้าลิงน้อยอีกหนึ่งตัว เขาที่ไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์มานานแล้วกำลังจับมีดผ่าตัดอย่างฝีมือตกอยู่บ้าง เถ้าแก่โจวช่วยทำแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นักพรตเฒ่าอย่างละเอียด
นักพรตเฒ่ามีกระดูกหักสองสามจุด มีแผลภายนอกรุนแรงมาก ถึงแม้เจ้าลิงจะใช้โคลนเพื่อต่อชีวิต แต่การทำแผลส่วนอื่นถือว่าซับซ้อนพอสมควร
โชคดีที่เถ้าแก่โจวถึงแม้จะไม่ได้ลงสนามรบมานาน แต่ไม่ว่าอย่างไรชาติที่แล้วเขาก็เป็นศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ได้เขามารักษาให้ด้วยตัวเอง จึงไม่มีปัญหามากนัก
นักพรตเฒ่าฟื้นแล้ว หลังจากฟื้นขึ้นมาได้สักพักก็หลับต่อ ร่างกายต้องการเวลาฟื้นตัวการนอนหลับจึงเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งนักพรตเฒ่าจะตื่นขึ้นมากลางดึกร้อง ‘โอ๊ยๆๆๆ’ เพราะความปวดแผล เจ้าลิงจะรีบวิ่งเข้ามาป้อนน้ำหรือทำผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆ ให้เขากิน
วันนี้ตอนที่เถ้าแก่โจวเปลี่ยนยา นักพรตเฒ่าตื่นพอดี ดูท่าน่าจะฟื้นตัวได้ดีพอสมควร นักพรตเฒ่าเลี้ยงเจ้าลิงเหมือนหลานชายของตัวเองมาตลอด เจ้าลิงก็รู้จักดูแล อย่างน้อยมันทำให้นักพรตเฒ่ารู้สึกว่ายามที่ตัวเองป่วยไข้ยังมีคนดูแลและคอยอยู่เป็นเพื่อน ถือว่าคุ้มแล้ว
อืม นอกจากนี้ช่วงนี้เถ้าแก่โจวยังช่วยนักพรตเฒ่ารับโทรศัพท์สองสามสาย ทุกคนล้วนเป็นผู้ปกครองหรือไม่ก็นักเรียนในเขตภูเขาที่นักพรตเฒ่าให้ทุนการศึกษา โทรมาถามนักพรตเฒ่าว่าทำไมยังไม่โอนเงินของเดือนนี้ให้ โจวเจ๋อหลังจากรับสายอยู่สองสามครั้งแล้วจึงปิดเครื่องไปเลย
เหล่าสวี่นอนอยู่บนเตียงกำลังให้น้ำเกลือ แผลภายนอกของเขาถือว่าไม่เยอะมาก แต่อวัยวะภายในร่างกายกลับบาดเจ็บในระดับที่ไม่เหมือนกัน ความบาดเจ็บเช่นนี้สามารถพูดได้ว่าไม่สามารถย้อนกลับได้ อย่างน้อยในทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถหาวิธีเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้เลย
สำหรับปัญหาของเขา โจวเจ๋อได้แต่ใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง ทุกอย่างรอให้เขาตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เดดพูลถูกวางอยู่ในตู้กระจก เขาเลื้อยตัวยุกยิกได้ด้วยตัวเอง สำหรับเขาโจวเจ๋อไม่มีอะไรต้องห่วงมากมายตอนที่เดินผ่านเขาได้หยิบกลูโคสขวดหนึ่งที่อยู่ข้างๆ แล้วเทลงไปให้เขาครึ่งขวด มองดูชิ้นเนื้อพวกนั้นเลื้อยแล้วบีบตัวเข้าหากันไม่หยุด ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกจริงๆ
โชคดีที่เถ้าแก่โจวเคยชินแล้ว ส่วนกลูโคสครึ่งขวดที่เหลือนั้นเขาเดินไปพลาง ดื่มไปพลาง ถึงแม้จะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่โจวเจ๋อยังคงรู้สึกไม่ชินที่ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เช้าตรู่
ห้องคนไข้ของไป๋อิงอิงมีความพิถีพิถันที่สุด ด้านในได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด ธีมสีชมพู และบนนั้นยังแขวนสิ่งที่เรียกว่านกกระดาษอยู่ไม่น้อย สำหรับเธอ ไม่จำเป็นต้องทำแผลผ่าตัดอะไร เพราะการแพทย์แผนปัจจุบันสอนให้คนรักษาปัญหาของคน แต่ไม่มีวิชารักษาผีดิบ
โจวเจ๋อวางขวดกลูโคสลงแล้วนั่งลงข้างๆ ไป๋อิงอิง เล็บของเขางอกยาวออกมาเล็กน้อย แล้วเริ่มนวดรักษาให้เธอและมีเพียงเล็บของเขาเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นเธอได้ ซึ่งมีความคล้ายกับการฝังเข็มอยู่เล็กน้อย วิธีการนวดแบบทั่วไปไม่ทำให้เธอรู้สึกอะไรเลยสักนิด
โจวเจ๋อนวดติดต่อกันนานสี่สิบนาที หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นห่มผ้าให้ไป๋อิงอิง แล้วตัวเองจึงเดินลงไปอาบน้ำในห้องน้ำข้างล่าง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยโจวเจ๋อก็ถือผ้าเช็ดตัวกับอ่างพลาสติกเดินขึ้นมา แล้วจึงกลับไปที่ห้องนอนของไป๋อิงอิง เขาถอดเสื้อผ้าบนตัวของเธอก่อน จากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวจุ่มน้ำร้อนแล้วเช็ดตัวให้เธอ
เมื่อก่อนไป๋อิงอิงจะทำเรื่องพวกนี้ให้เขา แต่ครั้งนี้ถึงตาเขาทำให้เธอบ้าง บาดแผลตามตัวของไป๋อิงอิงอย่างน้อยหากมองจากภายนอกถือว่าฟื้นฟูกลับสภาพเดิมแล้ว แต่บาดแผลภายในร่างกายรวมถึงพลังชี่ดั้งเดิมถือว่าเสียหายหนักหนาสากรรจ์
ด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อจึงได้แต่นอนกอดเธอทุกคืน เพื่อถ่ายทอดพลังชี่พิฆาตให้เธอบางส่วน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาทำติดต่อกันสองสามคืนแล้วแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ร่างกายของหญิงสาวงดงามเป็นอย่างมาก เหมือนผลงานศิลปะที่พระผู้สร้างรังสรรค์ขึ้นมา เถ้าแก่โจวก็ไม่ใช่หลิ่วเซี่ยฮุ่ย[1] หากจะพูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยคงจะโกหก ทว่าเขาสามารถควบคุมความคิดเพ้อเจ้อในใจของตัวเองได้ ทำในสิ่งที่ควรทำก่อน
คนไข้ทุกคน เขาจะเดินตรวจสองรอบต่อหนึ่งวัน หลังจากตรวจเสร็จแล้วก็เป็นเวลาตอนบ่าย เถ้าแก่โจวรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และความรู้สึกที่ได้กลับไปทำงานเก่าก็ไม่เลว โจวเจ๋อถึงขนาดคิดในใจว่าต่อไปควรจะเปิดคลินิกดีไหม
โจวเจ๋อเดินกลับมาที่ชั้นหนึ่ง รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วดื่มช้าๆ แล้วเอนตัวนอนพักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นมีรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่นอกประตู สาวน้อยโลลิกระโดดลงมาจากบนรถ แล้วเดินเข้าไปในร้านหนังสือ
ช่วงนี้โจวเจ๋อรับหน้าที่ดูแลคนไข้ หน้าที่การสืบข้อมูลของชายชราจึงมอบให้สาวน้อยโลลิเป็นผู้ปฏิบัติ ส่วนศพ ‘ลูกชิ้นเนื้อเด้ง’ ของชายชราคนนั้น นอกจากโจวเจ๋อเก็บชิ้นเนื้อสองสามชิ้นไว้เพื่อเป็นตัวอย่างแล้ว ก็จัดการเผาไฟเรียบร้อย เขาไม่สามารถเก็บศพทั้งตัวของชายชราเอาไว้ได้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้นมาอีกจะลำบาก
“สืบได้อะไรบ้าง” โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วพ่นควันออกมา
“เหมือนกับตอนนั้นเลย ตาแก่ตายนานแล้วจริงๆ และยกเลิกทะเบียนบ้านไปแล้ว ข้าได้ถามคนแก่ละแวกนั้น พวกเขาก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องการยืมตัวตน ถึงแม้ตาแก่จะไม่มีสายเลือดโดยตรง แต่ข้าตามหาคนที่เป็นหลานของเขาเจอ จากนั้นใช้ชิ้นเนื้อที่เจ้าเก็บเอาไว้ดึงดีเอ็นเอออกมาเทียบกัน สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขามีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกัน”
“ดังนั้น ไม่ใช่การยืมตัวตน แต่เป็นเขาจริงๆ”
“ใช่”
“อย่างนั้นก็สนุกสิ คนที่ศึกษาศาสตร์ลี้ลับ ถือใบรับรองตัวตนของตัวเองมาตลอด และยังมีหลักฐานการใช้ชีวิตในอดีตอีกด้วย เขาทำแบบนี้คิดจะทำอะไรกันแน่”
“ข้าก็ไม่รู้”
“เป็นอะไร”
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่านอนรักษาตัวอยู่บนเตียงจะดีกว่า ไม่ต้องออกไปข้างนอกให้ลำบาก เถ้าแก่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วยใช่ไหมล่ะ”
“ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เป็นข้อดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของคุณ”
“เอ่อ…เถ้าแก่ ไม่ต้องจริงๆ ไม่รบกวนแล้วจริงๆ” นักพรตเฒ่าใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนขนมเกลียว
“ไม่เป็นไร ไม่รบกวน”
“อย่าเลย เถ้าแก่ ไม่ต้องแล้วจริงๆ นั่งไม่ได้ คันนี้นั่งไม่ได้ เมื่อก่อนข้าซื้อรถเข็นคันนี้ให้เจ้าเพื่อแสดงความจงรักภักดี แล้วข้าจะนั่งรถคันนี้ได้ยังไง ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสมจริงๆ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ”
ขณะที่พูด โจวเจ๋ออุ้มนักพรตเฒ่าไปวางบนรถเข็น
“หลินเข่อ เปิดประตู” โจวเจ๋อพูด หลินเข่อที่ยืนอยู่ข้างประตูจึงเปิดประตูร้านหนังสือ
“อย่า…อย่า…อย่าทำแบบนี้…เถ้าแก่…ไม่ได้…อย่าเลย…ข้า…ข้าไม่เอา…”
โจวเจ๋อไม่สนใจคำพูดของนักพรตเฒ่า แล้วช่วยกดปุ่มให้เขา วินาทีต่อมารถเข็นเริ่มสตารท์เครื่องตามด้วยเสียงดัง ‘ตู๊ดๆๆ’ แล้วเพลงกล่อมเด็กอันไพเราะก็เริ่มเล่นในเวลาเดียวกัน ‘ฉันมีลาตัวน้อยแต่ไม่เคยขี่มัน วันหนึ่งฉันนึกสนุกขี่มันไปตลาด ฉันถือแส้เส้นเล็กอยู่ในมือด้วยความภูมิใจ…’
นักพรตเฒ่าหน้าแดงสีเหมือนก้นของเจ้าลิงไม่มีผิด เขาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ตอนแรกเก้าอี้รถเข็นคันนี้เขาไปซื้อมาด้วยตัวเอง ซื้อมาให้โจวเจ๋อใช้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้นั่งในสักวันหนึ่ง
‘ตู๊ดๆๆๆๆ…’ เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าขับพานักพรตเฒ่าออกจากร้านหนังสือโดยตรง นักพรตเฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นที่กำลังเล่นเพลงเด็กเข้าไปในถนนหนานต้าที่มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ตอนกลางวันแสกๆ ยอมรับสายตาของชาวบ้านที่มองมา
…………………………………………………………………
[1] หลิ่วเซี่ยฮุ่ย สุภาพบุรุษแห่งยุคชุนชิวจ้านกั๋ว เรื่องเล่ามีอยู่ว่ามีหญิงสาวที่มาขอหลบฝนด้วยหนาวจึงขอไออุ่นจากเขา เขาปฏิเสธไม่สำเร็จ หญิงสาวจึงขึ้นมานั่งบนตักอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดเขา แต่เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินหญิงสาวเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล