ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 292

ตอนที่ 292 เขียนหนังสือ

เมื่อปากกาด้ามนี้มาอยู่ในมือ มันเบามากเสียจนแม้กระทั่งคำเปรียบเปรยเกินจริงเช่นว่า ‘เบาดุจขนนก’ ก็ยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ถ้าในเวลานี้ไม่ใช่เพราะสัมผัสเองจริงๆ ละก็ แม้แต่โจวเจ๋อยังคิดผิดนึกว่าสิ่งที่เขาจับอยู่คือมวลอากาศ

ดูเหมือนเงาดำจะเริ่มเริงร่า หมุนและกระโดดไปรอบๆ โจวเจ๋อไม่หยุด…

“เลิกหมุนได้แล้ว เวียนหัว”

เงาดำไม่สนใจคำเตือนของโจวเจ๋อ กระทั่งยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เดี๋ยวกระโดดเข้ามา เดี๋ยวกระโดดออกไป

“ฉันกระโดดออกมาแล้ว ฉันก็กระโดดเข้ามาอีกแล้ว มาตีฉันสิ เจ้าโง่”

เถ้าแก่โจวกุมหน้าผาก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นไอ้ตัวแสบอย่างแน่นอน แต่น้ำเสียงการพูดและท่วงทำนองของมันเหมือนกับเขาทุกประการ

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เถ้าแก่โจวรู้สึกราวกับว่าเขากำลังแลบลิ้นปลิ้นตาตัวเองอยู่หน้ากระจก

“ดังนั้น ที่นี่คือเรื่องราว คือโลกในหนังสืองั้นเหรอ” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

“ดังนั้น ในสายตาของแก โลกใบนี้คือขนมเปี๊ยะสำหรับแกงั้นเหรอ ด้านหน้าของขนมเปี๊ยะคือโลกมนุษย์ ด้านหลังของขนมเปี๊ยะไส้งาเป็นยมโลกสินะ” เงาดำถามกลับ

โจวเจ๋อไม่ตอบ

“คนโบราณเชื่อว่า ‘ฟ้ากลมดินแหลี่ยม’ นั้นถูกต้อง ดังนั้นในช่วงปลายราชวงศ์ชิงข้าราชการที่ร่ำรวยและเศรษฐีหลายคนที่รนหาที่ตายซื้อกล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์ของชาวต่างชาติมา เมื่อมองเห็นความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล โลกทัศน์จึงพังทลายลงและเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง

บรูโนเสนอทฤษฎีเฮลิโอเซนตริก[1] ถูกเรียกว่าพวกนอกรีตและถูกส่งไปประหารชีวิตด้วยการเผาทันที”

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าโลกนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่แกคิด หยินและหยางแบ่งออกเป็นสองทาง แต่สองข้างทางนี้มีทางแยกนับไม่ถ้วน เพราะมีคนไปไม่กี่คน จึงไม่ค่อยมีใครรู้ และคนที่กล้าเดินขึ้นไปก็มีน้อยด้วย

โลกนี้ไม่ใช่ขนมเปี๊ยะขนาดใหญ่

ทุกสิ่งที่แยกจากความเป็นจริงไม่ได้หมายความว่าเป็นภาพลวงตาทั้งหมด

ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่ไม่เป็นความจริงจะเป็นเรื่องเท็จทั้งหมด

ก็เหมือนการดูละครทีวีสมัยก่อน เหตุผลเดียวกับที่ว่าทำไมในละครโทรทัศน์ถึงไม่ใช่แค่ ‘คนดี’ เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ‘คนเลว’ ด้วย

ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าระดับใด ไม่ว่าขาวหรือดำต่างก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สีเทาต่างหากถึงจะเป็นส่วนใหญ่น่ะ”

“อ๋อ”

โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นมองปากกาด้ามนี้ในมือของตัวเองต่อ “มันเป็นปากกาที่ใช้เขียนเรื่องราวเหรอ”

“สิ่งที่เรียกว่าเรื่องราวในหนังสือ ก็เป็นเพียงทางแยกระหว่างหยินและหยางเท่านั้น แต่ปากกานี้เป็นเพียงป้ายบอกทางเพื่อหาทางนั้น

ปากอยู่ในมือแก แกย่อมสามารถมองหาป้ายบอกทางเพื่อหาเส้นทางด้วยตัวเอง แน่ละ ปากกาด้ามนี้ แกทำได้แค่หาทิศทางเท่านั้น ครั้งหน้าถ้าอยากจะเข้ามาก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะปากกาด้ามนี้เป็นปากกาในหนังสือ เป็นเพราะเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เขียนไม่จบ ทิ้งปากกาไว้เป็นมรดกตกทอด แต่ไม่ใช่ปากกาจริงๆ แกเข้าใจความหมายของฉันไหม”

โจวเจ๋อส่ายหน้า

“หมายความว่าปากกาของจริงไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้แกสามารถอาศัยปากกาปลอมๆ นี้หาทางออกไปได้ยังไงล่ะ”

เงาดำถอนหายใจ

“อย่ารำคาญที่ฉันพูดมากล่ะ หลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันเบื่อมากจริงๆ หลายปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งพาลูกทั้งสองมาเล่นกับฉันอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากนั้น พวกเขาทนทรมานกับการแยกแยะจริงเท็จไม่ออกจนคิดสั้น แม่พาลูกทั้งสองฆ่าตัวตาย”

เมื่อเงาดำเอ่ยคำพูดเหล่านี้ มันดูเหงาและเสียดายเล็กน้อย ราวกับว่ามันไม่ใช่ฆาตกรอะไรเลย

แน่นอนละ

จางเถียนเชวียนและลูกทั้งสองของเธอไม่ได้ถูกมันฆ่าจริงๆ แต่กินยาพิษ อีกทั้งจากสายตาของคนนอกที่วิพากษ์วิจารณ์ จางเถียนเชวียนสามารถตายคนเดียวได้ แต่เธอพาลูกทั้งสองไปตายด้วย เป็นสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์ ในฐานะพ่อแม่ คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจพรากชีวิตของลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต

แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ แม้แต่เถ้าแก่โจวยังถูกเรื่องราวในบ้านนี้ปั่นจนหัวหมุน หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาละก็ จะสามารถทนได้อย่างไร

แม่เสียสติไปแล้ว อย่างนั้นลูกทั้งสองคนก็ยิ่งน่าเวทนาไปอีก ดังนั้นจางเถียนเชวียนเลยพาลูกทั้งสองคนกินยาพิษฆ่าตัวตายไปพร้อมกัน

ในแง่ของกฎหมายและเหตุผลมันไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน แต่ในแง่ของความรู้สึก ก็ยังพอจะเข้าใจได้

ตัวเองเป็นอิสระแล้ว ในฐานะแม่คน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งลูกทั้งสองให้ทนทุกข์อยู่กับโลกปลอมๆ นี้ต่อไป

สุดท้ายถึงได้เล่นงานสามีของเธอจนตอนนี้ก็ยังถูกขังอยู่ในคุก

“ควรจะเขียนยังไง” เถ้าแก่โจวลังเลแล้วลังเลอีก และถามขึ้นอีกครั้ง

เงาดำยิ้มๆ “เขียนบทความ เขียนเป็นใช่ไหม”

“เป็นสิ”

“งั้นก็เขียนตามวิธีนั้นเลย ไม่ได้ขอให้แกตีพิมพ์หนังสือหรือชีวประวัติเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากแกและฉันก็ไม่มีสายตาคู่ที่สี่มามองหรอก”

“คู่ที่สี่เหรอ” นับผิดหรือเปล่า

“เหลวไหล แกคิดว่าก่อนหน้านี้ที่เราดำเนินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนเวียนหัวเป็นเพราะอะไรล่ะ มีผีดิบตนหนึ่งกำลังอ่านหนังสือและฉีกทึ้งมันออก อีกทั้งยังฉีกเร็วมาก รุนแรงและรวดเร็วปานนั้น!”

อ้อ อิงอิงมาแล้วเหรอเนี่ย

“เธออยู่ข้างนอกใช่ไหม”

“เธอก็อยู่ในเรื่องเช่นกัน”

โจวเจ๋อเข้าใจแล้ว ก่อนอื่นเขาไปที่โต๊ะรับแขกตรงนั้นเพื่อหานิตยสารมาสักเล่ม กางออกและเตรียมเขียน เดิมทีอยากหาสมุดหน้าว่างๆ แต่ไม่อาจหาได้ในบ้านหลังนี้

เริ่มเขียนหนังสือแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นตัวหนังสือที่เขียนออกมาเลย

“หมึกหมดแล้วเหรอ” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

เงาดำเงียบ มันเอาแต่โงนเงนอยู่ข้างๆ ไม่หยุด คล้ายกับกำลังเต้นไปตามจังหวะอะไรบางอย่าง

“นี่ หมึกหมดแล้ว” โจวเจ๋อตะโกน

แต่เงาดำยังคงเต้นของมันต่อไปเรื่อยๆ โจวเจ๋อวางปากกาลงและมองมัน

เต้นจนเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเงาดำก็หยุดลง

“แกดูฉันสิ สวยไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล