สรุปเนื้อหา ตอนที่ 293 เรื่องราวที่แท้จริง! – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 293 เรื่องราวที่แท้จริง! ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 293 เรื่องราวที่แท้จริง!
เมื่อผลักประตูออก โจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงเดินออกมาพร้อมกัน ด้านนอกท้องฟ้าสว่างสดใสแล้ว น่าจะเป็นตอนบ่ายของวันที่สอง เสื้อผ้าตามเนื้อตัวที่ฉีกขาดยังคงเป็นเช่นนั้น แม้แต่เล็บนิ้วก้อยของโจวเจ๋อยังคงมีเลือดไหลเหมือนเดิม
เงาในหนังสือเคยพูดว่า บนโลกนี้ ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ตอนนี้โจวเจ๋อเข้าใจความรู้สึกแบบนี้แล้วอย่างไรก็ตามถ้าหากเป็นเท็จ ถ้าหากเหมือนภาพลวงตาที่ตัวเขาเคยประสบพบเจอในอดีตทุกประการ เช่นนั้นตอนที่ตัวเขาเดินออกมาคงไม่มีบาดแผลตามเนื้อตัว กระทั่งไม่มีร่องรอยหลงเหลือเลยสักนิด
ไป๋อิงอิงจับมือของเถ้าแก่ตัวเอง จับแผลที่นิ้วก้อยขึ้นมาเป่าอย่างระมัดระวังแล้วพูดปลอบใจว่า “เถ้าแก่ ไม่เจ็บๆ ฟู่วๆ ไม่เจ็บๆ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ยาวออกมาอีก” โจวเจ๋อมองไปที่มืออีกข้างหนึ่งของตัวเอง มืออีกข้างที่ถือปากกาก่อนหน้านั้น ตอนที่เขาเดินออกมา ปากกาด้ามนั้นหายไปแล้ว
เงาบอกว่ามันเป็นของปลอม เพราะผลงานยังเขียนไม่เสร็จ ยังเขียนหนังสือไม่เสร็จ จึงทิ้งปากกาของปลอมไว้ที่นี่ แต่ปากกาของจริงกลับไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้น ปากกาของจริงอยู่ที่ไหน เป็นปากกาของผู้พิพากษาเหรอ
โจวเจ๋อนึกถึงนักเขียนหญิงที่ให้ลูกชายลูกสาวกินยาพิษฆ่าตัวตายคนนั้น เธอเป็นคนเขียนเรื่องนี้เอง สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็เป็นเธอ เธอตายแล้ว แต่ปากกาด้ามนั้นที่เป็นสมบัติของเธอถูกทำลายไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าถูกซ่อนเอาไว้
เขาคิดว่าพอกลับไปอาบน้ำเสร็จแล้ว จะสั่งนักพรตเฒ่ากับสาวน้อยโลลิให้พวกเขาไปสืบเรื่องนี้ ปากกาด้ามนั้นน่ากลัวมากจริงๆ แต่ถ้าหากปล่อยให้มันสูญหายอยู่ด้านนอก จะน่ากลัวยิ่งกว่า และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดฉากโศกนาฏกรรมเป็นครั้งที่สอง
หลังจากเปิดลูกบิดประตู โจวเจ๋อเห็นรถของจางเยี่ยนเฟิงจอดอยู่ข้างนอก ตำรวจจางกำลังพิงประตูรถสูบบุหรี่อยู่ เมื่อเห็นประตูเปิดแล้ว ตำรวจจางรีบเดินเข้ามาทันที เขาเห็นสภาพน่าเวทนาของโจวเจ๋อแล้วจึงพูดว่า “ผมโทรไปหาคุณแต่โทรไม่ติด ตอนแรกคิดว่าจะเข้าไป แต่พอคิดดูอีกทีรอคุณออกมาจะดีกว่า”
“โชคดีที่คุณไม่ได้เข้าไป” โจวเจ๋อรู้สึกโชคอยู่บ้าง ถ้าหากตำรวจจางเข้าไปก่อนหน้านี้ เขาน่าจะเข้าไปในหนังสือเหมือนกัน ถึงตอนนั้นโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงที่ออกมาแล้วก็ไม่อยากจะเข้าไปในเรื่องนั้นอีกครั้ง
พอขึ้นรถ จางเยี่ยนเฟิงได้เตรียมอาหารเช้าไว้เพื่อเอาใจพวกเขา
“เรื่องนั้น แก้ไขได้แล้วเหรอ”
“คุณอยากรู้ด้านไหนครับ” โจวเจ๋อถาม
“ผมแค่อยากรู้ว่าเป็นฝีมือของคนหรือว่าสาเหตุอื่น น้องสาวของผม ฆ่าตัวตายจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ฝีมือของคน น้องสาวของคุณน่าจะฆ่าตัวตายจริงๆ” โจวเจ๋อตอบ
“แล้วของสิ่งนั้น จัดการหรือยัง”
“ผมจะจัดการมันครับ อ้อใช่ สมบัติของน้องสาวของคุณตอนนั้นจัดการยังไงครับ”
“ผมเก็บไว้ที่บ้านของผมส่วนหนึ่ง และเก็บไว้ที่บ้านของสามีน้องสาวอีกส่วนหนึ่ง”
“เอาที่อยู่และเบอร์ติดต่อของบ้านสามีน้องสาวให้กับผม ผมจะหาคนไปดูครับ”
“ครับ”
“โอเคครับ งั้นก็ตามนี้ ผมกับอิงอิงจะนั่งแท็กซี่กลับเอง ไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณแล้ว ส่วนบ้านหลังนั้น ทางที่ดีที่สุดคุณอย่าเข้าไปโดยพลการ เข้าใจไหมครับ”
ถึงแม้เรื่องราวครั้งนี้จะจบไปแล้ว อีกทั้งถ้าหากก่อนหน้านั้นไม่ใช่เพราะนักพรตเฒ่าเอายันต์กระดาษไปแปะตอนที่เข้าห้องน้ำ คงไม่เกิดเรื่องราวตามมาภายหลังมากมายขนาดนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน อย่ามาที่บ้านหลังนี้บ่อยจะดีมาก ถึงแม้จะเป็นโจวเจ๋อ เขายังติดสินใจว่าก่อนที่จะตามหาปากกาด้ามนั้นเจอ จะไม่เข้าไปอีก ถ้าหากไปโดนอะไรเข้าแล้วซวยอีกครั้ง คงจะแย่มากจริงๆ
พวกเขาลงจากรถแล้วจึงโบกมือให้รถของตำรวจจาง มองดูรถของตำรวจจางหายไปจากสายตา ทันใดนั้นโจวเจ๋อนึกได้ถึงปัญหาหนึ่ง แล้วจึงตกอยู่ในภวังค์
“เถ้าแก่ เป็นอะไรเจ้าคะ”
“ผมกำลังคิดว่า คนนั้น ยังอยู่ในร่างกายของผมหรือเปล่า” โจวเจ๋อนึกถึงกระจกบานนั้น รวมทั้งคนนั้นที่อยู่ในกระจก เพราะในเรื่องพวกเขาถูกแยกออกจากกัน แต่ตอนนี้ตัวเองก็ออกมาแล้ว อย่างนั้นเขาล่ะ
ถ้าหากเขาไม่อยู่แล้วตัวเองก็จะสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะถูกยึดบ้านตอนไหน แต่ทำไมในใจของตัวเองถึงรู้สึกโหวงๆ โดยเฉพาะตอนที่ตัวเองไม่สามารถเปิดใช้วิชาอู๋ซวงได้ขณะที่อยู่ในเรื่อง ทำให้ปรับตัวไม่ได้
ถึงตอนนี้เถ้าแก่โจวจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นปลาเค็มว่างงานมากเกินไปจริงๆ ไม่ต่างจากผู้หญิงรุ่นใหญ่ที่อยากเกาะคนรวยทำตัวกระมิดกระเมี้ยนบอกว่าเป็นครั้งแรกของตัวเองเจ็บมาก แต่ถ้าหากสามารถตามหาปากกาด้ามนั้นเจอ ก็จะมีวิธีปราบเขาได้แล้วใช่หรือไม่ สามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวล แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
อิงอิงเดินมาตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วยื่นมือเคาะหน้าอกของโจวเจ๋อเบาๆ โจวเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจ
“นี่ เจ้ายังอยู่ข้างในหรือเปล่า” อิงอิงกำลังตะโกนพูดอยู่ตรงหน้าอกของโจวเจ๋อ
“…” โจวเจ๋อ
ดูเหมือนอิงอิงจะไม่ได้ยิน จึงแนบหูของตัวเองไปที่หน้าอกของโจวเจ๋อ การกระทำเช่นนี้ เหมือนหญิงสาวโผเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของคุณ จากนั้นยื่นมือเคาะหน้าอกของโจวเจ๋อเบาๆ อีกครั้ง
“ได้ยินแล้วตอบด้วย”
โจวเจ๋อยิ้ม จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งโอบหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
อิงอิงตกตะลึง แลบลิ้นออกมา แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
…
“เหล่าจาง นายเชื่อว่าเขาถูกใส่ร้ายจริงๆ เหรอ”
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า
“ช่างเถอะ นี่คือเรื่องในครอบครัวของนาย ฉันไม่อยากพูดอะไรมาก จริงๆ แล้ว ฉันก็รู้สึกว่าเขาน่าจะถูกใส่ร้าย ตอนเขาอยู่ในคุกการแสดงออกและทัศนคติในการเปลี่ยนแปลงตัวเองค่อนข้างดีมาก เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ ถูกลดโทษสองสามครั้งได้สำเร็จ คาดว่าอีกหนึ่งปีก็น่าจะออกได้แล้ว”
ด้านข้างของทางเดินมีบอร์ดเกียรติยศ ตอนต้นคือบอร์ดยกย่องเจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคที่มีความก้าวหน้าในเรือนจำ จากนั้นเป็นบอร์ดชื่นชมแนวหน้าในการเปลี่ยนแปลง รูปภาพของน้องเขยติดอยู่อันดับต้นๆ
“ในคุก เขาปลอบขวัญและให้กำลังใจนักโทษคนอื่นให้กระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ ถือว่าช่วยพวกเราได้มาก และเขาก็ยังเขียนหนังสือด้วย ออกตีพิมพ์แล้ว มีอิทธิพลมากทีเดียว”
“หืม เขียนหนังสือเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงพูดด้วยความสงสัย
“ใช่ เขาเขียนหนังสือ ‘เส้นทางการไถ่บาป’ ตัวเอกเป็นนักโทษคนหนึ่ง ฉากหลังก็คือเรือนจำทงเฉิงของพวกเรา เล่าเรื่องถึงการเดินทางของจิตใจนักโทษคนหนึ่งจากทำผิดจนถึงยอมรับโทษตามกฎหมาย จากความไม่เข้าใจและต่อต้านในตอนแรกจนเป็นฝ่ายยอมรับและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระตือรือร้น พยายามให้ได้ลดโทษ เพื่อจะได้กลับสู่สังคมในเร็ววัน เป็นคนที่มีประโยชน์ของสังคม เผชิญหน้ากับชีวิตในเรือนจำด้วยทัศนคติเชิงบวกเพื่อเส้นทางชีวิตที่จะดำเนินต่อไปหลังจากนี้ ฉันอ่านหนังสือแล้ว เขียนได้เยี่ยมมากจริงๆ”
“อย่างนั้นก็ไม่เลว” จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันมีหนังสือสองสามเล่มที่ออฟฟิศของฉัน ถ้าหากนายอยากได้ก็หยิบกลับไปอ่านสักเล่มเป็นไง”
“ฉันว่านะเหล่าเฉิน นายเห็นใครมาก็จะให้หนังสือหนึ่งเล่มใช่ไหม เอาหนังสือเป็นข้อมูลโปรโมตเรือนจำของพวกนาย”
“ฮิๆ ให้นายฟรีๆ ไม่เอาใช่ไหม งั้นไม่ให้แล้ว นายไปซื้อเองที่ร้านหนังสือก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนเดินเถียงกันไปขณะเดินไปข้างหน้า
“เขาเขียนหนังสือทุกวันเลยใช่ไหม”
จางเยี่ยนเฟิงเหมือนจะจำได้ว่าน้องสาวของตัวเองเคยบอกว่า พวกเขารู้จักกันเพราะเขียนนิยายด้วยกันจึงรู้จักกันในอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงคบกันแต่ตอนนั้นทั้งสองคนมีรายได้น้อยมาก ฐานะทางบ้านของน้องเขยก็ยากจน ดังนั้นเขาจึงเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านรับช่วงต่อกิจการร้านขนมไหว้พระจันทร์ของตระกูลจาง ส่วนน้องสาวของตัวเองหลังจากมีลูกแล้วกลับตั้งใจเขียนนิยายลูกเดียว หลังจากนั้นได้ออกหนังสือหลายเล่มติดต่อกัน
ดังนั้นน้องเขยของตัวเองคนนี้ ถือว่ายอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อความรัก พอคิดดูแล้วก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ตอนนี้ความสามารถของเขาต้องอาศัยช่วงที่อยู่ในเรือนจำถึงได้แสดงออกมา
“ฉันจะบอกนายให้นะ เรือนจำของพวกเรามีห้องคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง เดิมทีฉันอนุญาตให้เขาไปเขียนนิยายหลังจากทำกิจกรรมปรับปรุงตัวเองได้ทุกวัน และนักเขียนสมัยนี้ก็ใช้คอมพิวเตอร์ใช้คีย์บอร์ดไม่ใช่เหรอ แต่เขาดันไม่เอา เขาบอกว่าชอบใช้ปากกาเขียนเรื่องราวลงบนกระดาษ เขาบอกว่าเรื่องราวที่เขียนออกมาแบบนี้จะได้อรรถรสและสมจริงมากกว่า”
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล