ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 302

ตอนที่ 302 ประหลาดใจ

เถ้าแก่โจววนไปวนมา สุดท้ายก็กลับมาที่สถานีตำรวจอีกครั้ง เขาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องที่ตัวเองต้องดูแล เขาจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้

ถ้าหากจะพูดว่าการแขวนคอของเด็กหนุ่มกับอีกคนที่จมน้ำตายมีใจตรงกันอยากฆ่าตัวตายหรือมีคนอยากฆ่าปิดปากละก็ อย่างนั้นอีกสองคนที่อยู่ในสถานีตำรวจหมายความว่าอย่างไร

ไม่ว่าอย่างไรคงไม่สามารถพูดได้ว่าโจรกระจอกปล้นสุสานกลุ่มนี้มีเครือข่ายไปทั่ว มีเกราะป้องกันใหญ่โตกระทั่งสามารถเข้าไปฆ่าคนปิดปากในสถานีตำรวจได้ เพราะไม่ใช่ละครตำรวจจับโจรผู้ร้ายเสียหน่อย

นักพรตเฒ่าอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อด้วยความตื่นตระหนก หลังจากตรวจสภาพพี่ชายที่กัดลิ้นฆ่าตัวตายแล้ว สีหน้าของนักพรตเฒ่าก็ยิ่งซีดลงเรื่อยๆ นี่คือความตกใจกลัว เขาเคยเจอผีมาแล้ว แต่กลับตกใจกับสถานการณ์แบบนี้ ฟังดูแล้วแทบไม่น่าเชื่อ แต่ในความเป็นจริงนั้นสามารถเข้าใจได้

การกัดลิ้นฆ่าตัวตายต้องกัดแน่นจนลิ้นขาด คนทั่วไปปกติเวลากินข้าวเผลอกัดลิ้นโดยไม่ทันระวังก็ยังเจ็บเหลือหลาย แล้วลองคิดดูว่ากัดลิ้นให้ขาดแบบนั้นมันน่ากลัวแค่ไหน

สาเหตุการตายถ้าไม่ใช่เพราะเสียเลือดมากเกินไป อย่างนั้นก็ต้องเป็นลิ้นที่เหลืออยู่จุกปากจนขาดอากาศหายใจและการเสียเลือดมากยังเป็นผลทำให้เกิดการไหลย้อนกลับของเลือดทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจน อย่างไรก็ตามนี่คือวิธีการตายที่ต้องใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมาก และเป็นวิธีการตายที่ทรมานมากเช่นกัน

และที่น่าขำมากที่สุดคือ โจรกระจอกปล้นสุสานสองสามคนนี้ก็ไม่ใช่นักสู้ที่ต่อสู้เพื่ออุดมคติที่สูงส่งอะไร จู่ๆ มาแสดงความกล้าหาญ ‘เสียชีพแต่ไม่ยอมเสียศักดิ์’ ในคุกแบบนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร

“ช่วยจัดการให้ผมหน่อย ผมอยากพบคนนั้นที่เหลือรอดอยู่” นี่คือคำพูดที่โจวเจ๋อพูดกับจางเยี่ยนเฟิง

จางเยี่ยนเฟิงค่อนข้างลำบากใจ แต่ก็ยังจัดการให้ ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับมากแค่ไหน แต่จางเยี่ยนเฟิงเข้าใจดีว่า โจวเจ๋ออาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการเคลียร์คดีของตัวเอง คดีนี้เริ่มจะเกินขอบเขตการควบคุมของกำลังคนมากขึ้นทุกทีแล้ว

สุดท้ายเวลาผ่านไปสองชั่วโมง ท้องฟ้าสว่างแล้ว โจวเจ๋อได้เจอเด็กหนุ่มคนนั้นในห้องที่อยู่ติดกับห้องพยาบาลเสียที สายตาของเด็กหนุ่มดูเลื่อนลอย ร่างกายกระตุกสองสามทีเป็นระยะ ถึงแม้ ‘ตัวการ’ ที่ทำให้เขาถูกจับมานั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็สามารถทำเป็นไม่เห็นได้เช่นกัน

จางเยี่ยนเฟิงสั่งให้ตำรวจคนอื่นออกไป แต่ตัวเขาเองกลับอยู่ต่อ

“ยังพอพูดได้ไหม” นักพรตเฒ่ายื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเด็กหนุ่มเล็กน้อย เด็กหนุ่มไม่มีการตอบสนองเหมือนเดิมกระทั่งลูกตาก็ไม่ขยับ

“บ้าไปแล้วเหรอ”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า “มีแนวโน้มจะเป็นแบบนี้”

ในฐานะตำรวจเก่าแก่คนหนึ่ง จางเยี่ยนเฟิงเจอพวกที่ลื่นเป็นปลาไหลชอบ ‘แสดงละคร’ ในสถานีตำรวจมาเยอะแล้วมักจะโกนว่าฉันบ้า ฉันเป็นลมบ้าหมู ฉันเป็นโรคต่างๆ นานาพยายามที่จะตีเนียนให้ผ่านไป

แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า จางเยี่ยนเฟิงไม่กล้าตัดสินว่าเขาแกล้งทำเป็นบ้าใบ้ เพราะการสอบสวนในตอนแรกเนื่องจากทุกคนเห็นว่าเขายังเด็กไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นถึงได้คำสารภาพจากเขาก่อนเป็นคนแรก

โจวเจ๋อยื่นมือตบแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ เด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่มีการตอบสนองเหมือนเดิม มีลมหายใจ หัวใจเต้น มีอุณหภูมิ แต่กลับเหมือนถูกกั้นออกจากโลกภายนอก ตกสู่ห้วงของการปิดตัวเองโดยสมบูรณ์

เวลานี้ อย่าพูดว่าสอบสวนเลย ต่อให้คุณหยิบเก้าอี้อยากจะทุบตีเขา เขาจะไม่ร้องเจ็บอะไร

“ทำยังไงดี” จางเยี่ยนเฟิงมองโจวเจ๋อ “ทางสถานีได้ส่งคนไปเชิญที่ปรึกษาทางจิตวิทยาโดยเฉพาะแล้ว”

โจวเจ๋อส่ายหน้า ไม่มีประโยชน์ นี่ไม่ใช่โรคที่ป่วยทางจิตทั่วไป

“เขาพยายามคิดฆ่าตัวตายที่ไหน”

“ในห้องขัง ตอนที่กินข้าวเขาพยายามกลืนเครื่องประดับโลหะบนเสื้อผ้าของตัวเอง”

“พาผมไปดูห้องขังหน่อย”

“ได้”

เถ้าแก่โจวมีความคุ้นเคยต่อห้องขังของสถานีตำรวจ ก่อนหน้านั้นเขาเคยนอนที่นี่หนึ่งคืน คนที่จับตัวเขาก็คือจางเยี่ยนเฟิง และเป็นเพราะคืนนั้นถึงได้มีโซ่ตรวนปรากฏอยู่บนข้อเท้าของเขาทำให้เกิดเรื่องราวตามมาติดต่อกันเป็นทอดๆ

วันนี้ในห้องขังมีคนไม่มาก และห้องที่เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ก็เป็นห้องขังเดี่ยวแยกจากห้องขังของทุกคน จางเยี่ยนเฟิงส่งสัญญาณบอกให้ตำรวจที่ดูแลห้องขังที่นี่เปิดประตู โจวเจ๋อไม่รีบเข้าไปทันที แต่มองผ่านราวกั้นเข้าไปด้านใน มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ตรงมุมนั้น สองมือของเขากอดเข่าของตัวเอง ตัวสั่นงันงก เหมือนนกกระทาตกใจเสียขวัญและหวาดกลัวตลอดเวลา

ประตูห้องขังถูกเปิด จากนั้นโจวเจ๋อจึงเดินเข้าไป แล้วนั่งลงยองๆ ตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนั้น เล็บของเขาค่อยๆ ยาวออกมาทีละนิด ส่ายไปมาตรงหน้าอีกฝ่าย สายตาของอีกฝ่ายที่เดิมทีเลื่อนลอยเริ่มกลับมาจ้องนิ่งอีกครั้ง และการสั่นของร่างกายก็ยิ่งชัดเจนขึ้น วิญญาณทั้งหลายที่มีตัวตนอยู่ ต่างรู้สึกหวาดกลัวเล็บของโจวเจ๋อแต่กำเนิด

“พูดมา ใครอยากให้คุณตาย”

นักพรตเฒ่ากับจางเยี่ยนเฟิงที่อยู่ถัดไปสบตากันด้วยความไม่เข้าใจ ทว่านักพรตเฒ่าอย่างน้อยก็มีประสบการณ์ จึงรีบหยิบน้ำตาวัวออกมาแล้วถูไปที่ดวงตาของตัวเองทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล