ตอนที่ 307 โรคคนจน!
นักพรตเฒ่าปัดโคลนที่อยู่บนชุดนักพรตแล้วจึงพบว่ามันเยอะเกินไป ขี้เกียจปัดออก จึงนั่งลงยองๆ ข้างจางเยี่ยนเฟิงเสียเลย เขาหยิบบุหรี่แล้วยื่นให้จางเยี่ยนเฟิงหนึ่งมวน
จางเยี่ยนเฟิงรับบุหรี่มาแล้วค่อยๆ นั่งลงยองๆ จางเยี่ยนเฟิงอายุไม่น้อยแล้ว นักพรตเฒ่ากลับอายุมากกว่า ทั้งสองคนเหมือนชาวนาแก่ๆ นั่งข้างคันนาดูคนเล่นละครตีกลองอยู่ในหมู่บ้าน
‘ฮู่ว..’ จางเยี่ยนเฟิงยังคงยากที่จะยอมรับได้
“ไม่ต้องตกใจ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับทัศนคติในการมองโลกคือการบิดเบือน พอถูกทำลายแล้วกลับไม่กลัวอะไร การสร้างกลับมาอีกครั้งสามารถทำได้ง่ายกว่า”
นักพรตเฒ่าตบไหล่ของตำรวจจางเบาๆ แล้วพึมพำต่อ “แต่จะว่าไปเจ้าที่องค์นี้น่าสงสารจริงๆ อยู่ดีๆ มาอวดเก่งทำไม ตอนนี้ตัวเองเลยมีชีวิตต่อได้อีกแค่สองสามตอนเท่านั้น” ถือว่าตัวนักพรตเฒ่าเองเก่งกว่า หลังจากผ่านการลองเชิงอย่างบ้าคลั่งมาหลายครั้งแต่ยังรอดมาได้เสมอ
เขาอยู่กับโจวเจ๋อเถ้าแก่คนนี้มาหนึ่งปีกว่า จริงๆ แล้วนักพรตเฒ่ารู้สึกว่าเถ้าแก่โจวเป็นคนพูดง่ายคนหนึ่ง และโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่มีศัตรูอะไร จึงมากพอที่จะอธิบายได้ว่าเขาเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี เพราะคนที่เป็นศัตรูกับเขา ส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีศัตรู
ในสายตาของนักพรตเฒ่า เถ้าแก่โจวเหมือนเสวียนเยี่ยใน ‘บันทึกการออกตรวจราชการนอกเครื่องแบบฮ่องเต้คังซี’ ชอบทำตัวเหมือนขอทานหาเรื่องไปทั่ว จากนั้นมักจะมีคนดวงซวยเข้ามาหาเรื่อง ต่อมาจึงสวมชุดเหลืองเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จัดการคนที่เยียบย่ำตัวเองให้แหลกละเอียดด้วยความชินชา เฉยชา และมีประสบการณ์
นักพรตเฒ่าพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วขากเสมหะลงไปบนพื้น “อิ๋งโกว ฮั่นป๋า เจียงเฉิน โฮ่วชิง ชาติที่แล้วเถ้าแก่เป็นคนไหนเนี่ย”
นักพรตเฒ่าแบมือนับนิ้ว เขาไม่ได้มีวิชาความรู้ แต่รู้เรื่องในแวดวงไม่น้อย ทว่าสิ่งที่บันทึกในคัมภีร์โบราณบางอย่างกลับรู้น้อยมาก ดังนั้นจึงแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นบันทึกในคัมภีร์โบราณ อันไหนเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาในอินเทอร์เน็ตของคนรุ่นหลัง แต่น่าจะอยู่ในสี่ตัวนี้ใช่ไหม ไม่ว่าอย่างไรเก่งมากก็พอแล้ว
“นี่คือผีดิบใช่ไหม” จางเยี่ยนเฟิงถาม
“ใช่ ผีดิบ”
“ดังนั้น เขาเป็นผีดิบ”
“อืม ผีดิบ”
“หมายความว่า เขาไม่ใช่คน แต่เป็นผีดิบ”
นักพรตเฒ่าถอนหายใจ มองจางเยี่ยนเฟิงอย่างสงสารอยู่บ้าง “น้องชาย ฟังคำพี่หน่อยนะ วันพรุ่งนี้ขอลาหยุดพักผ่อนสักระยะหนึ่งเถอะ” จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า เขาต้องพักผ่อนจริงๆ
ซากศพเดินได้ยังคงขุดดินต่อไป ไม่รู้จักความเหนื่อยล้า พวกเขาขุดดินเร็วมากจนเห็นคานบ้านแล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘กึก’ ติดต่อกัน พื้นดินเริ่มยุบลงไป ซากศพเดินได้ทั้งสองตัวจึงร่วงลงไปข้างล่าง มีไม้แหลมโผล่ออกมาจากด้านล่างตรึงพวกเขาให้ติดอยู่บนนั้น ศีรษะ มือ เท้าล้วนถูกแทงเข้าไป น่าอนาถอย่างยิ่ง
แต่พวกเขากลับไม่ตาย ยังพยายามดิ้นรนต่อไป ถึงแม้จะไม่สามารถหลุดออกไปได้ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับยังมีอยู่จริง ประติมากรรมของศาลเจ้าที่พังกองลงมาด้านล่างครึ่งหนึ่ง แม้แต่สีบนตัวศาลเจ้าอีกครึ่งหนึ่งก็แทบจะหลุดลอกออกไปหมด มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเจ้าที่องค์นี้น่าเวทนาเพียงใด
แต่ถ้าอยากให้เขาหยุดแค่นี้เป็นไปไม่ได้ เพราะโจวเจ๋อไม่ให้โอกาสเขาได้คุยแม้แต่นิดเดียว จุดประสงค์ของเขาง่ายมากและพูดไปก่อนหน้าไปแล้ว “เจ้าที่…อร่อย…” นี่คือการปิดหนทางของเจ้าที่นอกจากสู้สุดชีวิตก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
ตัวศาลอยู่ที่นี่ ถึงแม้จะพังทรุดโทรม แต่รังเงินรังทองก็ไม่สู้รังหญ้าของตัวเอง และถ้าหากตัวศาลพังทลายจริงๆ เช่นนั้นการฝึกฝนเป็นร้อยปีรวมทั้งบุญกุศลเพียงน้อยนิดที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสะสมมาได้ก็ต้องสลายหายไปจนหมดสิ้น
ขณะเดียวกันตัวเองก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นภูตผีปีศาจ ถูกแบ่งเป็นพวกไม่เข้าชั้นอีกครั้ง ถ้าหากดวงไม่ดี เจอปรมาจารย์เทียนซือจากภูเขามังกรเสือลงมาจากเขาลูกไหน ไม่แน่พวกเขาอาจจะตะโกนว่า ‘ช่วยสวรรค์ผดุงคุณธรรม’ แล้วหยิบดาบไม้ท้ออกมาแทงตัวเอง
ศาลแห่งนี้และคุณสมบัติของที่ดินผืนนี้ ตอนนั้นตัวเองแย่งมาจากปีศาจนับร้อยตัวบนภูเขา จนถึงป่านนี้จะยอมทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร
“สูงต่ำมิอาจวัดค่าบรรพต หากมีเทพเซียนปรากฏย่อมเลื่องชื่อลือนาม ตื้นลึกไม่อาจวัดค่าผืนน้ำ หากมีมังกรอยู่ประจำย่อมศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดา!” มีเสียงท่องกลอนดังมาจากด้านล่าง ต่อจากนั้นต้นไม้และเถาวัลย์บริเวณรอบๆ เริ่มยาวออกมา เถาวัลย์แต่ละเส้นเหมือนเชือกพันรอบตัวโจวเจ๋อด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด
โจวเจ๋อถูกมัดแล้วยกตัวให้สูงขึ้น ขาทั้งสองข้างลอยอยู่กลางอากาศ และยังมีเถาวัลย์ขนาดเล็กบางส่วนที่มีหนามแหลมอยู่ข้างบนพยายามทิ่มแทงผิวหนังของโจวเจ๋ออยากจะผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่ผิวหนังที่เหี่ยวแห้งเปล่งแสงสีเขียวของโจวเจ๋อกลับปฏิเสธสิ่งดังกล่าว
เขาไม่ขยับและไม่ดิ้นรน แต่ความเหยียดหยามที่อยู่ในแววตา เหมือนคนที่กำลังคอยชมการแสดงสุดท้ายของคนที่กำลังจะตาย จากนั้นเถาวัลย์สีเขียวขจีรอบด้านเริ่มแห้งเหี่ยวอย่างฉับพลัน กลายเป็นสีเทาแห้ง เส้นเถาวัลย์ที่พันรอบตัวของโจวเจ๋อสลายตัวเป็นขี้เถ้าร่วงลงมา
ในตำนาน เมื่อฮั่นป๋าปรากฏพื้นดินต้องร้อนเป็นไฟนับพันลี้! ผีดิบเดิมทีก็มีพลังอาฆาตและคำสาปติดตัวมาอยู่แล้ว ยืนอยู่ตรงข้ามกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ตามความหมายของฮวงจุ้ย ‘ภูเขาและสายน้ำที่แร้นแค้นหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้าย’ ถึงได้เกิดผีดิบขึ้นมา พวกเขาเดิมทีเป็นสิ่งที่มีตัวตนสุดโต่งที่เกิดมาจากสภาพแวดล้อมที่ยากแค้นอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล