ตอนที่ 320 คนสองหน้า
ถนนสายนี้ถือว่าเป็นถนนบันเทิงเส้นยาวเหยียดของฉางโจว บริเวณรอบนอกสองฝั่งหนาแน่นไปด้วยสปาคลับ ส่วนด้านในมีไนต์คลับเปิดอยู่หลายแห่ง ตรงข้ามไนต์คลับดาร์กคัลเลอร์เป็นไนต์คลับที่มีชื่อว่า ‘อวิ้นเหอหมายเลขห้า’ สีทองอร่ามตาแค่มองก็รู้ว่าเป็นสไตล์หรู ผู้หญิงผู้ชายหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หน้าประตูมียามหลายคนรับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อย
ส่วนไนต์คลับดาร์กคัลเลอร์กลับไม่เป็นที่สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด ประตูใหญ่สุดธรรมดา ไม่มีป้ายไฟ แต่เป็นป้ายยาวพื้นสีขาวตัวหนังสือสีดำคล้ายป้ายสหกรณ์ในสมัยก่อน เขียนไว้ว่า ‘ไนต์คลับดาร์กคัลเลอร์’ ไม่เพียงแต่เป็นร้านที่ไม่สะดุดตาเท่านั้น ลูกค้าที่เข้าออกร้านก็ทำตัวไม่เป็นจุดสนใจเหมือนกัน มีหลายคนใส่หมวกหรือไม่ก็เดินก้มหน้าเข้าออก เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วก็เดินออกมาอย่างเงียบๆ เช่นกัน ไม่เหมือนไนต์คลับที่เสียงดังโวยวาย ตรงกันข้ามกลับเหมือนรังของผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยมากกว่า
“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปกัน!” สาวน้อยโลลิเดินนำหน้า แต่เพิ่งจะเดินได้สองก้าว ก็เดินไม่ได้อีก เพราะโจวเจ๋อที่อยู่ข้างหลังยื่นมือคว้าผมหางม้าของเธอเอาไว้
“โจวเจ๋อ!” สาวน้อยโลลิตะโกนพูดอย่างโมโห
“เด็กเข้าไปในสถานที่แบบนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี” ขณะที่พูดโจวเจ๋อได้ชี้ไปยังตัวหนังสือขนาดเล็กที่เรียงติดกันตรงด้านล่างของป้าย “ตามกฎหมายกำหนด ไม่อนุญาตให้บุคคลอายุต่ำกว่าสิบแปดปีเข้าไป”
“สมัยนั้นตอนที่ข้าเคยออกไปเที่ยว เจ้ายังอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารอดื่มน้ำโค้กอยู่เลย!”
“อ้อ” โจวเจ๋อยังไม่ขยับเหมือนเดิม
“เจ้าจะทำอะไร!”
“ผมคิดว่า มีคนคอยดูต้นทางข้างนอกจะดีกว่า ถือว่าเป็นการรับประกันอีกชั้นหนึ่ง ถ้าหากมีผีร้ายออกมาล่ะ”
“ดังนั้น ข้าอยู่ด้านนอกรอสัญญาณทุบแก้วแตกของเจ้าจากข้างใน”
“เอ่อ จะเข้าใจว่าแบบนี้ก็ได้”
“ข้างในเป็นไนต์คลับ เจ้าทุบอ่างเลี้ยงปลาข้าก็ไม่ได้ยิน!”
“เด็กดี คอยดูอย่างข้างนอก!” พูดจบ โจวเจ๋อก็เดินเข้าไป
สาวน้อยโลลิเบ้ปาก แล้วจึงหาที่นั่งแถวนั้น น่าโมโหชะมัด!
…
โจวเจ๋อเกิดมาเป็นคนสองชาติแล้ว แต่การเข้ามาในสถานบันเทิงแบบนี้สามารถนับนิ้วได้เลย ครั้งที่แล้วนักพรตเฒ่าพาเขาไปที่โรงเต้นรำซาอู่ ก็ถือว่าเปิดโลกอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าไม่เคยกินเนื้อหมูใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหมูวิ่ง
เพียงแต่หลังจากที่เข้าไปแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หลังจากเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป ไม่ใช่ชั้นบนแต่เป็นชั้นล่าง ไนต์คลับอยู่ชั้นใต้ดินลึกลงไปสามชั้น เดินผ่านทางเดินมืดตึ๊ดตื๋อที่แทบไม่มีแสงไฟจากนั้นก็สว่างขึ้นมา
ไม่มีการอุ่นเครื่องจากดีเจ และไม่มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย แต่เป็นเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักออกมาจากลำโพง การตกแต่งของที่นี่เหมือนถ้ำบนภูเขา และสิ่งที่เรียกว่าโต๊ะน้ำชาก็มีเพียงเบาะรองนั่งอันเดียว มีคนนั่งอยู่ด้านบน และมีคนนอนอยู่ตรงนั้น
พนักงานที่เดินไปมาแต่งหน้าเข้ม และไม่ใช่การแต่งหน้าแบบเย้ายวน แต่เหมือนผีในเทศกาลวันฮาโลวีน ทว่ามีสไตล์แบบตะวันออกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่า
อย่างเช่น ผีลิ้นยาว ผีสาวชุดแดง ฯลฯ และยังมีพนักงานผู้ชายแต่งตัวเป็นยมบาลหัววัวหัวม้าเดินเสิร์ฟเบียร์ไปมาโซนตรงกลางเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมกวาน มือซ้ายจับพู่กัน มือขวาถือสมุดสมุดกำลังเต้นระบำรูดเสาอยู่ตรงนั้น หลังจากเห็นฉากนี้ มุมปากของโจวเจ๋อชักกระตุกโดยไม่รู้ตัว นี่คือตัวอย่างของตัวอยู่ในระบบแต่ต่อต้านระบบ ซึ่งมีคำเรียกติดปากว่าคนสองหน้า
เถ้าแก่ของไนต์คลับแห่งนี้เป็นยมทูตสองคน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะสั่งให้พนักงานแต่งชุดเลียนแบบเจ้าหน้าที่พิพากษาฉบับพิเศษที่น่าเย้ายวนแบนี้ ความคิดของสองคนนี้อันตรายมากจริงๆ บริเวณใกล้เคียงยังมีจุดชมวิวเล็กๆ เช่น หม้อน้ำมันเดือด สระเลือด เครื่องประหารหัวสุนัข แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกเซตฉากขึ้นมาเท่านั้น
พนักงานคนหนึ่งเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อ เพื่อบอกให้โจวเจ๋อตามเขามา พนักงานช่วยโจวเจ๋อเลือกที่นั่งว่างแห่งหนึ่งเพื่อให้เขานั่งลง และไม่ถามว่าโจวเจ๋อว่าจะดื่มอะไร หยิบเครื่องดื่มสีแดงที่ไม่มียี่ห้อสินค้ามาสามขวดทันที พนักงานบอกว่าเป็นเหล้าผลไม้ หมักเอง หาซื้อไม่ได้จากที่อื่น
เขาจึงไม่มีตัวเลือกเท่าไรนักเมื่ออยู่ที่นี่ และยิ่งไม่มีเมนูให้คุณสั่งเหล้ามากมายจนตาลาย คุณอยากดื่มก็ดื่มอันนี้ ไม่อยากดื่มก็ไม่มีอย่างอื่นให้สั่งแล้ว
หลังจากพนักงานเดินออกไป โจวเจ๋อจึงยกขึ้นมาจิบหนึ่งคำ เปรี้ยวๆ หวานๆ มีความแรงของเหล้าเหลืองผสมอยู่เล็กน้อย รสชาติไม่เลว แต่ด้านความรู้สึกยังอร่อยไม่เท่าน้ำบ๊วยของสวี่ชิงหล่าง ลูกค้าที่มาที่นี่ล้วนเงียบมาก ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศของนรกที่สร้างขึ้นมาแบบนี้ เหมือนกำลังจินตนาการฝันว่าตัวเองได้มาท่องแดนนรกจริงๆ
มีเพียงโจวเจ๋อที่รู้ดีว่า ในนรกไม่มีพนักงานยกเหล้ามาเสิร์ฟนำผ้าร้อนมาเช็ดบริการให้คุณ หลังจากผ่านไปประมาณสิบห้านาที การแสดงของเจ้าหน้าที่พิพากษาคนนั้นจึงสิ้นสุดลง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นผู้หญิงใส่เสื้อผ้าสวยงาม เธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยปกติ ไม่สะดุดตานักยามอยู่ใต้แสงไฟ สวยงามและเรียบง่ายอย่างชัดเจน แต่วัสดุของเนื้อผ้ากับการฉลุด้านใน กลับสร้างประสบการณ์การมองเห็นเหมือนเสื้อผ้าที่เปียกปอนไปด้วยสายฝน
ผู้หญิงคนนี้ถือถ้วยใบหนึ่งอยู่ในมือ วางถ้วยอยู่เหนือศีรษะ คนอยู่ด้านล่างเต้นระบำท่ายากต่างๆ มีน้ำอยู่ในถ้วยแต่น้ำกลับไม่กระเด็นออกมาเลยสักนิด เมื่อมองอยู่นานโจวเจ๋อจึงจำแนกออกว่านี่คือการแต่งตัวเลียนแบบยายเมิ่ง
ยายเมิ่งในสายตาของคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นหญิงชราหลังค่อม ยืนอยู่บนสะพานไน่เหอเพื่อให้คนที่เดินผ่านสะพานแห่งนี้ได้ดื่มน้ำแกงของยายเมิ่ง โจวเจ๋อจำได้ว่าตัวเองเคยถามสาวน้อยโลลิเป็นพิเศษว่า ยายเมิ่งแก่มากไหม สาวน้อยโลลิส่ายหน้า บอกว่าเธอไม่เคยเห็น สถานที่อย่างสะพานไน่เหอ ยมทูตทั่วไปเข้าไปแล้วอาจจะถูกลบความทรงจำอย่างไม่มีสาเหตุจากนั้นโดนส่งกลับมาเกิดใหม่
ด้วยตำแหน่งของยายเมิ่ง เวลามองยมทูต ไม่ต่างจากทหารญี่ปุ่นระดับสูงมองทหารตัวเล็กๆ ของกองทัพหุ่นเชิดในสมัยสงครามต่อต้านญี่ปุ่น
เมื่อดูการแสดง ดื่มเหล้า สัมผัสบรรยากาศแล้ว เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไปไวมาก รู้สึกเหมือนมีภาพลวงตาให้คนหลงไปอยู่ในนรกไม่รู้วันเดือนปี
ฝั่งตรงข้ามของโจวเจ๋อ มีเบาะนั่งสองอันอยู่ใกล้กันมาก มีผู้หญิงนั่งอยู่สองคน พวกเธอนั่งตัวตรงหลังตรงอยู่ตรงนั้นจริงจังตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนรูปปั้นแกะสลักถูกวางอยู่ตรงนั้นสองอัน
โจวเจ๋อยังเห็นพวกเธอน้ำตาไหลร้องไห้ไม่หยุด เป็นเพราะเห็นฉากแล้วจึงเศร้าใช่ไหม โจวเจ๋อพลางคิดในใจ ผ่านไปนานสักพักหนึ่ง ผู้หญิงทั้งสองคนเริ่มดื่มเหล้า กรอกเหล้าผลไม้สีแดงใส่ปากของตัวเองขวดแล้วขวดเล่าอย่างต่อเนื่อง ดื่มไปร้องไห้ไป เช็ดน้ำตาแล้วก็ดื่มต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล