ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 328

ตอนที่ 328 ถ้ำมอง

โจวเจ๋อนึกได้ทันที ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าแม่ชีเฒ่าและหญิงสาวคนนี้คือใคร

เมื่อวันก่อนหลิวฉู่อวี่เคยให้คำแนะนำแก่เขา มิน่าล่ะ ผีร้ายถึงยอมทนความเจ็บปวดจากเสียงระฆังและยังวนเวียนอยู่แถวนี้ไม่ไปไหน

เขาไม่เหมือนโจวเจ๋อ โจวเจ๋อเพียงแค่สนุกไปกับมันง่ายๆ คล้ายกับพวกฮิปสเตอร์ที่ไปทิเบตเพียงครั้งเดียว และโพสต์ลงบนไทม์ไลน์ว่าจิตวิญญาณของตัวเองถูกทำให้สะอาดบริสุทธิ์ไปแล้ว ได้รับความรู้สึกพึงพอใจในตนเอง

อืม ขณะที่เถ้าแก่โจวดื่มชาก็ ‘ผ่อนคลายเบาสบาย’ ไปด้วย และนับว่าสภาพจิตใจก็ไม่ต่างกันกับสิ่งนี้เท่าไร

แต่ผีร้ายนั้นมาเจอแม่และลูกสาวของตัวเองที่วัด เหตุผลที่หลิวฉู่อวี่สามารถจับเขาได้ในครั้งก่อน ก็เป็นเพราะสืบหาจนพบตัวตนของเขา ดังนั้นเลยวางกำลังเฝ้าระวังบริเวณรอบนอกของวัดแห่งนี้ล่วงหน้า

และด้วยเหตุผลเดียวกัน ถ้าเป็นไปตามการคาดการณ์นี้แล้วละก็ คนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและอัดหลิวฉู่อวี่จนน่วมก็น่าจะเป็นทนายคนนั้นนั่นละ

ผีร้ายที่ลักลอบออกมาจากนรกและยืมซากศพคืนชีพ สุดท้ายแล้วก็ขับรถชนแม่แท้ๆ ของตัวเองตายอย่างนั้นเหรอ

เรื่องนี้มีต้นสายปลายเหตุจริงๆ นั่นแหละ

เถ้าแก่โจวมองไปรอบๆ แต่ตอนนี้มีหนึ่งคำถามนั่นก็คือ เจ้าวิญญาณร้ายตนนั้น มันอยู่ที่ไหนกัน

“หาไม่เจอเหรอ”

ทนายอันเดินโซซัดโซเซเข้ามาคล้ายกับเมาสุรา หลังจากยืนนิ่งแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับเข่าของตัวเองไว้ และยังคงหอบหายใจถี่ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

“ไม่มี คนหายไปแล้ว และทิ้งรถเอาไว้ที่นี่”

“ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าจะยังอยู่แถวนี้ หาเจอได้แน่ๆ จะต้องเจอแน่ๆ”

ทนายอันเหลือบตามองแม่ชีเฒ่าที่นอนจมกองเลือดและหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับถามขึ้นด้วยความฉงนใจเล็กน้อย

“มันเป็นคนชนใช่ไหม”

“คาดว่าน่าจะชนตอนหลบหนีน่ะ”

‘ถุย!’ ทนายอันถ่มน้ำลายลงพื้น

“บางที นี่คงเป็นกรรมตามสนองละมั้ง” โจวเจ๋อพูด

“ตามสนองแม่ของมันแทนน่ะนะ” ทนายอันขำและยื่นมือไปตบไหล่โจวเจ๋อ ยืมแรงทรงตัวให้ตรงและเอ่ยขึ้น “ผมเกิดเป็นคนมาแล้วสองชาติ ยังไม่เคยเห็นกรรมตามสนองจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง พระเจ้าขี้เกียจนับวัฏจักรกงเกวียนกำเกวียนกรรมหรือกรรมตามสนองอะไรเทือกนั้นละสิไม่ว่า ฟ้าดินไร้ปรานียึดถือสรรพชีวิตเฉกเช่นสุนัขฟาง[1] มันเป็นความหมายนี้ต่างหาก”

“ตามหาคนก่อน” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน

ทนายอันพยักหน้าและหยิบไพ่โป๊กเกอร์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงหนึ่งใบ ไพ่โป๊กเกอร์ทั้งสองด้านต่างก็เปื้อนผงสีเงิน บนนั้นเขียนตัวหนังสือถี่ยิบ

‘ฟู่!’

ทนายอันเป่าไพ่โป๊กเกอร์และถูฝ่ามือทั้งสองข้างอย่างแรง! ไพ่โป๊กเกอร์ไหม้และกลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว ทนายอันก้มลงอีกครั้งและหอบหายใจหนักพลางเอ่ยขึ้น

“คุณลองเปิดสัมผัสหามันอีกครั้งสิ ผมกำจัดเกราะกำบังบนตัวมันไปแล้ว”

“ยังมีของประเภทนี้ด้วยเหรอเนี่ย”

โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ให้ตายสิ มิน่าล่ะเขาถึงเป็นเหมือนกับคนโง่ หลายครั้งที่เจอผีหรือแม้แต่ตอนกินข้าวผีกับที่อยู่ตรงหน้า เขานั้นแทบจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นผี เดิมทีเขานึกว่าตัวเองเป็นยมทูตที่มีคุณสมบัติไม่พอ ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วเมื่อสำเร็จไปขั้นหนึ่งก็จะต้องมีอุปสรรคมากขึ้นไปอีก พวกมันมีเทคโนโลยีล้ำหน้าเป็นเกราะกำบังไม่ให้ยมทูตรับรู้ถึงวิญญาณมาตั้งนานแล้ว

“เร็วสิ!” ทนายอันตะคอก

โจวเจ๋อทำท่า ‘โอเค’ เพียงไม่กี่วินาที โจวเจ๋อก็สามารถยืนยันทิศทางได้ทันที

หลังจากกำจัดเกราะกำบังแล้ว พลังวิญญาณของชายวัยกลางคนนั้นเปรียบเสมือนแสงหลอดไฟในความมืดมิด สว่างจ้ามากพอจนทำให้สายตาที่แข็งแกร่งราวกับไทเทเนียมของคุณบอดได้

โจวเจ๋อรีบรุดเข้าไปทันที อีกฝ่ายอยู่ไม่ไกล อยู่ข้างนอกวัดนี่เอง

ตรงจุดนั้นคือชานชาลาจอดรถประจำทาง โจวเจ๋อมองเห็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนกำลังรอรถประจำทางเหมือนผู้คนรอบๆ ตัวเขาเช่นกัน

บาดแผลที่คอของอีกฝ่ายนั้นใช้เสื้อผ้าพันเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่าการพันผ้าพันคอหนาๆ ในฤดูร้อนจะค่อนข้างผิดเวลาไปหน่อยก็ตาม แต่เหล่าประชาชีต่างก็ไม่แปลกใจกับพฤติกรรมสวนกระแสแบบนี้มานานแล้ว

ตอนที่โจวเจ๋อเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็มองโจวเจ๋อทันควัน แต่ว่าครั้งนี้ เขาไม่ได้หนี เหมือนเขานั่งรออยู่ตรงนั้นตลอด รอให้โจวเจ๋อมาจับไป

รถประจำทางมาแล้ว เดิมทีคนที่ยืนอยู่บนชานชาลามีไม่มากนักต่างทยอยขึ้นรถไปหมดแล้ว ส่วนชายวัยกลางคนยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขึ้นรถ

หลังจากรอรถประจำทางแล่นออกไป เหลือเพียงโจวเจ๋อและชายวัยกลางคนอยู่บนชานชาลา

ใบหน้าของชายวัยกลางคนซีดเซียวมาก เลือดไหลมากมายขนาดนี้ ถ้ายังเป็นผิวขาวอมชมพูนั่นถึงจะเป็นเรื่องแปลกแล้ว…ซี้ด เหมือนจะไม่ถูกต้องนะ

“นั่งสิ” ชายวัยกลางคนตบราวพนักพิงข้างๆ ตัวเองส่งสัญญาณให้โจวเจ๋อนั่งลง

โจวเจ๋อไม่ได้นั่ง เพียงแค่มองเขาอยู่อย่างนี้

“ผมขับรถชนแม่ผม” ชายวัยกลางคนยิ้มพลางพูดขึ้น แต่ยิ้มนี้มันดูแย่ยิ่งกว่าร้องไห้อีก

“ผมเห็นแล้ว เธอไม่ยอมให้ผมช่วยชีวิต ตอนนี้คนก็ตายไปแล้วด้วย” โจวเจ๋อพูด

ในตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องดูแลความรู้สึกของคนในครอบครัวอีกแล้ว เพราะเจ้านี่อยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อแล้ว และครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โจวเจ๋อจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาไปอีกเด็ดขาด แม้ว่าพยายามแล้วจะจับตัวเป็นๆ ไม่ได้ ผลคะแนนน้อยลงหน่อย ก็ต้องทำลายวิญญาณของเขาให้สิ้นซาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล