ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 33

ตอนที่ 33 ถือโอกาสนี้

สวี่ชิงหล่างอาเจียนจนหน้ามืดตามัว แทบจะอาเจียนเอาน้ำดีออกมาแล้ว

โจวเจ๋อส่ายหน้าเล็กน้อย ไอ้หนุ่มคนนี้ ยังเด็กเกินไป ตอนเป็นเด็กน่าจะดูหนังผีน้อยเกินไปกระมัง ฉากที่เจอผีข้างนอกและกินข้าวกับผี เป็นฉากสุดคลาสสิกที่สุดแล้ว

อาหารหน้าตาน่าทานที่อยู่ในจานจริงๆ แล้วทำมาจากหนอน ไส้เดือน แมลง สาบ มด ฯลฯ

มุกตลกนี้ถูกใช้จนเบื่อแล้ว

ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีปัญหาข้อบกพร่องการกินอาหาร แต่โจวเจ๋อก็ไม่ขยับตะเกียบเลยสักนิดเดียว

หรือว่า คุณหวังว่า ผีที่นี่จะไปซื้อผักตามท้องถนนทุกวันหรือ แล้วก็ตั้งเตาทำกับข้าวให้คุณ

โจวเจ๋อจำได้ว่าเมื่อก่อนมีกรณีหนึ่ง คนผู้หนึ่งไปเยี่ยมเพื่อน เพื่อนบอกว่าภรรยาออกไปเที่ยว ตัวเองจึงได้แต่ต้อนรับเขาคนเดียว เขาอยู่ที่บ้านของเพื่อนหนึ่งสัปดาห์ ความรู้สึกที่ขาดหายไปเพียงอย่างเดียวคือผักในบ้านของเพื่อนคนนี้น้อยเกินไป มีแต่เนื้อทั้งหมด แต่น้ำซุปอร่อยมากจริงๆ

หลังจากรอให้เขาบอกลาเพื่อนแล้ว และเจอเพื่อนข้างบ้าน เพื่อนข้างบ้านบอกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ออกจากบ้านมาหนึ่งเดือนแล้ว ขังตัวเองอยู่ในบ้านทั้งวัน

หลังจากคนผู้นี้ฟังจบก็รีบอาเจียนออกมาทันที

โจวเจ๋อยกเหล้าขึ้นมา เมื่อรู้ตัว จากนั้นก็วางลง

เกือบลืมไปว่า

เป็นฉี่ของคนที่สัญจรไปมา

“สามีสุขภาพไม่ค่อยดี งั้นไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ” ผีสาวมองไปทางสาวใช้ในชุดโบราณสีดำที่อยู่ข้างกาย

สาวใช้พยักหน้า เดินเข้ามาเตรียมจะประคองสวี่ชิงหล่าง

สวี่ชิงหล่างผลักสาวใช้ที่จะประคองเขาออกไปทันที แล้วนั่งตัวตรงเอ่ยว่า

“อยากจะทำอะไรก็รีบๆ พูด ผมไม่อยากเล่นเกมอ้อมไปอ้อมมา”

อืม สวี่ชิงหล่างโกรธแล้ว และโกรธมากจริงๆ

ผีสาวลุกขึ้น เดินไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อถอนหายใจโล่งอก

ตัวเองกับสวี่ชิงหล่างอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ตัวเองก็เป็นคนปกติ

เพียงแต่โจวเจ๋อไม่กล้าที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงของผีสาว

หน้าตาแห้งเหี่ยวเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

ดูรูปแบบและการตกแต่งของที่นี่ ก็ชัดเจนว่าผีสาวคนนี้ตายมานานแล้ว การเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงของเธอ ถ้าหากเธออารมณ์ดี ไม่แน่ก็จะให้คุณได้เห็นใบหน้าที่ยังเคยมีชีวิตอยู่

หากโชคไม่ดี ก็จะให้คุณได้เห็นใบหน้าโครงกระดูกเน่าเฟะมีหนอนชอนไชจนคุณตาบอดไปเลย

โจวเจ๋อจำได้ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เคยดูรายงานข่าวหนึ่ง มีช่วงหนึ่งเป็นกระแสฮิตมากสามีเข้าไปในห้องคลอดเป็นเพื่อนภรรยา

สาวๆ ที่มองโลกสดใสหลายคนคิดว่าสิ่งนี้สามารถทำให้สามีเข้าใจความทุ่มเทและความยิ่งใหญ่ของภรรยาได้มากพอ ต่อมามีสามีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง หลังจากเข้าไปเป็นเพื่อนแล้วเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย เกิดภาพฝังใจ ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติแบบสามีภรรยาได้อีก สุดท้ายจึงต้องเลือกการหย่าร้าง

และตอนนี้ โจวเจ๋อรู้ดีว่าตนมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่สวยมากกว่าผู้หญิงเสียอีก ถ้าหากต้องตกใจใบหน้าของผีสาวตนนี้ ไม่แน่ความชอบของตัวเองอาจจะเดินเข้าสู้ห้วงลึกยากที่จะคาดเดาได้

ชาติก่อนและชาตินี้ ตัวเองแทบจะไม่สมหวังเรื่องผู้หญิงเลยจริงๆ โจวเจ๋อไม่อยากเล่นเกมที่อยู่เหนือเงื่อนไขแบบนี้ไปตลอดชีวิต

“ท่านยมทูต ข้าเชิญท่านยมทูตมา แต่ไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปเยี่ยมคำนับถึงที่ ไม่ใช่เพราะว่าข้าไร้มารยาท จงใจละเลยต่อหน้าที่ แต่ข้าไม่สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้จริงๆ”

ผีสาวร้องไห้ปรับทุกข์กับโจวเจ๋อ

“ส่วนสามีผู้นี้ สาเหตุที่เชิญเขามา เป็นเพราะสามีคนนี้เมื่อสิบปีก่อนเคยพูดเล่นตอนเป็นเด็กผู้ชายเอาไว้ที่นี่ ตอนนั้นเขาพูดกับเพื่อนของตัวเองว่า ถ้าหากผีสาวมีหน้าตาเหมือนหวังจู่เสียนในหนังจริง เขาจะยอมแต่งงานด้วย”

สวี่ชิงหล่างได้ยินแล้ว จึงอ้าปากค้าง

ตัวเขาเองลืมไปแล้ว ว่าเคยเล่นไม้นี้

โจวเจ๋อเหลือบตามองสวี่ชิงหล่าง ในความหมายที่ว่า ‘ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่านายจะชอบจีบสาวขนาดนั้น แก่แดดมาก’

“ประเด็กหลักๆ คือเรื่องอะไร”

โจวเจ๋อไม่ได้พูดตามตรงว่าคุณไม่ใช่เด็กดี ผมจะพาคุณกลับไปนรก

สาวน้อยโลลิเคยพูดว่าเขาเป็นคนที่รู้จักประมาณตนดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา

ก็จริง

ตอนนี้โจวเจ๋อรู้ตัวดี ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีผลงานและไม่มีภารกิจ เขาไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อเป็นเกียรติของนรก

“ท่านยมทูตไม่ต้องวิตกกังวล ข้ากำลังจะจากไปวันนี้ กลับไปยังนรก” ผีสาวยิ้ม แล้วพูดต่อ “ข้าแซ่ไป๋ เป็นบุตรสาวของครอบครัวปัญญาชนสมัยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง รัชศกเต้ากวง แต่ด้วยโชคชะตาอาภัพ เสียชีวิตคืนก่อนแต่งงานและศพก็ถูกฝังอยู่ที่นี่ จนถึงตอนนี้ ก็เกือบสองร้อยปีแล้ว ถึงแม้ข้าจะเป็นผี แต่ไม่เคยทำบาปเลย และเคยปกป้องเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงให้อยู่เย็นเป็นสุข ท่านเส้ออันเคยมอบศาลบรรพชนให้แก่ข้า และนับตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็มีศาลเจ้าเป็นของตนเอง และได้รับการกราบไหว้บูชา แต่ในช่วงปีเจี่ยจื่อ ศาลบรรพบุรุษเกิดสลักหักพัง และหาไม่เจออีก จนวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเคยมีศาลเจ้าหยินอยู่ที่นี่”

“ท่านเส้ออันเป็นใคร” สวี่ชิงหล่างถามกระพริบตาปริบๆ

“จางเจี่ยน” โจวเจ๋อตอบ

“อ้อ เขาเหรอ” สวี่ชิงหล่างเข้าใจแล้ว

จางเจี่ยนถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของเมืองทงเฉิงในช่วงปลายราชวงศ์ชิง พระราชกฤษฎีกาสละราชสมบัติของจักรพรรดิชิงเขาก็เป็นคนร่างขึ้นมา เป็นนักการศึกษาแห่งปลายราชวงศ์ชิง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการคนหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล