ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 34

ตอนที่ 34 ชาวนาจากภูเขาในฤดูใบไม้ผลิ

อาศัยจังหวะตอนที่ฟ้ายังสว่าง โจวเจ๋อใช้จักรยานไฟฟ้าพาร่างศพของผีสาวกลับไปที่ร้านหนังสือ ส่วนสวี่ชิงหล่างจะนั่งรถแท็กซี่กลับไป จึงรออยู่ที่เดิมเพื่อ

ทว่าขามาเขานั่งเกี้ยวมา เวลากลับจึงไม่มีเกี้ยวนั่งกลับ

หลังจากกลับไปที่ร้านหนังสือแล้ว โจวเจ๋อนำร่างศพของผีสาวไปวางไว้ในตู้แช่ชั้นสองของร้าน จากนั้นเขาก็ลงมาอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมา สวี่ชิงหล่างกว่าจะหารถนั่งกลับมาได้ก็ไม่ง่าย พอเข้ามาในร้านหนังสือ เขาก็มองโจวเจ๋อที่เส้นผมยังเปียกปอนอยู่ แล้วเอ่ยแซวว่า

“คุณต้องควบคุมตัวเองนะ”

“เหอะๆ” โจวเจ๋อได้แต่หัวเราะตอบกลับสองคำ

สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า ออกมาจากร้านหนังสือ และไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องในคืนนี้ เขาก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน

โจวเจ๋อล็อกประตูของร้าน เดินมาที่ชั้นสอง ยืนอยู่ข้างตู้แช่ พลางมองร่างศพของผีสาวที่อยู่ข้างใน

ใบหน้าของผีสาวงดงามมาก มีบุคลิกที่โดดเด่น คนโบราณแต่งงานเร็ว อายุสิบห้าสิบหกปีเป็นแม่คนล้วนเป็นเรื่องปกติ และด้วยเหตุนี้ ร่างศพของแม่นางไป๋ที่เสียชีวิตก่อนวันแต่งงาน ดูแล้วมีอายุเหมือนเด็กมัธยมปลายทั่วไป แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาติ

ความสวยของสวี่ชิงหล่างเป็นความแพรวพราว ดุจดังดอกโบตั๋นที่เบ่งบาน แต่แม่นางไป๋ที่อยู่ตรงหน้านี้ นางกลับเหมือนดอกเดซี่ที่สดใสไร้เดียงสา

แน่นอนว่า โจวเจ๋อจะไม่มีความคิดใดต่อร่างศพนี้ สิ่งที่เขาคิด กลับเป็นสิ่งที่อยู่อีกชั้นหนึ่ง

เล็บมือทั้งสิบนิ้วกอดศพของผีสาวนั่งจักรยานไฟฟ้ากลับมาตลอดทาง ได้สัมผัสกับนางตลอดเวลา ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านภายในร่างกายของตัวเอง คอยกระตุ้นจิตวิญญาณและเล็บอย่างต่อเนื่อง

ยังดีตอนที่กลับมาสวี่ชิงหล่างไม่ได้อยู่ข้างกาย ไม่อย่างนั้นโจวเจ๋อคงจะได้นั่งเกี้ยวแล้วร้องออกมาเหมือนสวี่ชิงหล่างแบบนั้น เรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะให้คนนอกรู้

รอจนตัวเองอุ้มนางกลับมาที่ร้านหนังสือแล้ว โจวเจ๋อพบว่าความเย็นบนร่างของนางเหมือนจะหายไปเกือบครึ่ง

ซึ่งเหมือนกับการชาร์จแบตเตอรี่อย่างหนึ่ง เมื่อครู่ถูกตัวเองดูดพลังงานไฟฟ้าเข้าไป แต่ไม่มีปัญหาใหญ่มาก นางนอนอยู่ตรงนั้น น่าจะสามารถชาร์ตไฟกลับมาได้เองโดยอัตโนมัติ

สองมือวางอยู่ด้านหน้า เล็บมือค่อยๆ ยาวออกมา ลายเส้นสีเลือดปรากฏขึ้นปกคลุมเล็บมือสีดำที่โปร่งใสอยู่ก่อนหน้า นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเล็บที่ได้ดูดซับพลังชี่พิฆาตจากร่างศพ

มองดูแล้ว ก็ดูดีไม่เบา

โจวเจ๋อยิ้ม ยื่นมือหยิบแก้วน้ำอุ่นที่ตัวเองยกขึ้นมาเมื่อครู่ กลับพบว่าน้ำเย็นไปแล้ว

เนื่องจากความเย็นจากศพผีสาว มีผลทำให้อุณหภูมิของชั้นสองต่ำกว่าข้างนอก และการรับรู้ความรู้สึก ‘เย็น’ ของร่างกายโจวเจ๋อก็อ่อนแอนัก

เสียดายตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อน ถ้าหากเป็นฤดูร้อนมีศพของผีสาวอยู่ที่นี่ น่าจะช่วยประหยัดค่าแอร์ในร้านของตัวเองได้ไม่น้อย และยังมีฤทธิ์ป้องกันยุงและแมลงอีกด้วย

คืนนี้ โจวเจ๋อปูผ้านอนข้างตู้แช่ และนอนหลับสนิทมาก

สาวน้อยโลลิเคยพูดว่า ถ้าหากกอดเธอ โจวเจ๋อก็จะนอนหลับได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตู้แช่ และด้วยเหตุนี้ ผลลัพธ์ของศพผีสาวจึงมีความคล้ายกัน

เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่ต่อมา โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ จากนั้นวางเล็บอยู่ตรงตำแหน่งท้องน้อยของอีกฝ่าย ชั่วเวลาเดียวความรู้สึกเย็นเยียบก็เข้ามาโจมตีอีกครั้ง

สบายมาก

และเพลินมาก

แต่ความรู้สึกเช่นนี้อยู่ได้เพียงครึ่งนาทีก็หายไป นี่หมายความว่าเมื่อคืนศพผีสาวก็ได้ชาร์จพลังงานใหม่เยอะเหมือนกัน

แม่นางไป๋เคยพูดว่า นางกังวลว่าศพของตัวเองจะมีความผิดปกติ สวี่ชิงหล่างก็พูดว่าร่างศพนี้มีพลังชี่พิฆาตเข้มข้นมาก ถ้าหากได้รับการกระตุ้นจากภายนอก มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นผีดิบ แต่ดูจากตอนนี้ ความน่าจะเป็นไม่เยอะมากและถ้านางรวบรวมพลังชี่พิฆาตได้มากเท่าไร ทุกวันตัวเองก็จะดูดซับออกมาได้มากเท่านั้น

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีผลอะไรกับตัวเอง แต่อาศัยความสบายเหล่านี้ ก็ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกมีความสุขไม่อ่อนเพลีย

แล้วจึงไปกินข้าวที่ร้านของสวี่ชิงหล่าง โจวเจ๋อนั่งอยู่ในร้านอย่างสบาย แต่ตอนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะอ่านหนังสือเล่มไหน โทรศัพท์ของโจวเจ๋อก็ดังขึ้น

สายที่โทรมาเป็นน้องสาวภรรยา

“สวีเล่อ นายกลับมาหน่อย”

“มีเรื่องอะไร” โจวเจ๋อไม่เชื่อว่าน้องสาวภรรยาคนนี้จู่ๆ จะโทรศัพท์มาถามสารทุกข์สุกดิบกับตัวเอง น้องสาวภรรยายังอยู่ช่วงวัยคะนอง มีความหยิ่งยโสในตัวเอง หรือพูดอีกแบบคือ จริงๆ แล้วมีความเห็นแก่ตัวและหัวรุนแรงอยู่บ้าง

“ลุงของนายมาที่บ้านของฉัน นายมารับเขาหน่อย” น้องสาวภรรยาพูดอย่างหมดความอดทนมาก

“ลุงเหรอ” โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจำได้ว่าสวีเล่อก็เหมือนกับตัวเอง เป็นลูกกำพร้าเหมือนกัน แน่นอนว่า สวีเล่อไม่ได้โตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเขาไปจากโลกนี้หลังจากที่เขาเกิดมา

“โอเค ผมจะกลับไป”

พอตัดสาย โจวเจ๋อก็บอกสวี่ชิงหล่างที่อยู่ร้านข้างๆ ให้เขาช่วยมาดูร้านตัวเองหน่อย จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านตระกูลหลิน

คำแนะนำการรักษาตัวเองของหวังเคอถูกตัดขาดความเกี่ยวโยงจากสาเหตุเดิมชั่วคราว แต่วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อเป็นบุคคลที่ไร้ทะเบียนบ้าน มีความน่าสมเพชเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองเป็นพนักงานในองค์กรชั่วคราว ความเสี่ยงและเรื่องที่ต้องกังวลจึงลดลงไปเยอะ

อีกอย่าง ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อเคยอ่านไดอารี่ลับส่วนตัวที่สวี่เล่อเขียนไว้ในหน้าเพจของตัวเอง ในนั้นเคยพูดถึงลุงของเขา ที่ผ่านมาลุงของเขาเป็นคนส่งเสียเขาเรียนหนังสือมาตลอด

ใช้ร่างกายของคนอื่น เรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ทำ อย่างไรเสียก็ต้องทำให้เสร็จ นับประสาอะไรกับ สวีเล่อที่ลงไปรายงานตัวในนรกนานแล้ว ก่อนหน้านั้นปัญหาเรื่องการเปลี่ยนไปของนิสัยตัวเอง อันที่จริงไม่เกี่ยวอะไรกับสวีเล่อ ถือว่าเป็นผลข้างเคียงของการยืมศพคืนชีพ

ตอนที่โจวเจ๋อมาที่บ้านตระกูลหลิน ยังไม่ได้เข้าประตูบ้าน ก็เห็นชายชราใบหน้ามีริ้วรอยสวมเสื้อแจ๊กเก็ตผ้าฝ้ายตัวหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าบันไดกำลังสูบบุหรี่อยู่

ข้างๆ ของชายชรายังมีถุงปุ๋ยมัดปากสองสามใบ ในถุงน่าจะใส่พวกเป็ดไก่ อีกใบหนึ่งน่าจะใส่พวกไส้กรอกของแห้งประมาณนี้

“อาเล่อ!” ชายชราเห็นสวีเล่อเดินเข้ามา จึงลุกขึ้นทันที จากนั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าของสวีเล่อ ยื่นมือมาตบไหล่ของสวีเล่ออย่างแรง “หลานรักตัวสูงขึ้นแล้ว”

โจวเจ๋อแสยะยิ้ม เขาไม่ได้ถามว่าทำไมลุงของตัวเองถึงมานั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าบันได อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องถามเลย

ถึงแม้ว่าลุงของตัวเองจะเป็นฝ่ายออกมาสูบบุหรี่เพราะไม่อยากให้สกปรกบ้านของพวกเขา แต่เป็นไปไม่ได้ที่สินค้าท้องถิ่นจะอยู่ข้างนอกเหมือนกัน และนี่สามารถอธิบายได้ว่าคนของตระกูลหลินไม่อยากเจอเขา กระทั่งไม่ให้เขาเข้ามาเหยียบแม้แต่ประตูบ้าน

และลองคิดเชื่อมโยงกับน้ำเสียงและท่าทีของน้องสาวภรรยาที่โทรมาหาตัวเองก่อนหน้า ก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนถึงทัศนคติของครอบครัวตระกูลหลินที่มีต่อลุงของตัวเอง

แน่นอนว่า ไม่มีอะไรต้องโกรธและไม่มีอะไรต้องแค้นเคือง ความสัมพันธ์ของตัวเองกับบ้านตระกูลหลินเดิมทีก็ใกล้จะแตกหัก จึงพูดไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด

“กินข้าวหรือยังครับ” โจวเจ๋อถาม

“ยังเลย” ชายชราตอบจริงใจมาก

“ผมจะพาลุงไปกินข้าว”

“ได้เลย”

โจวเจ๋อเลือกร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าไปก็สั่งอาหารสองสามอย่าง แล้วก็เหล้าขาวอีกหนึ่งขวด

ชายชรารินเหล้าเองและดื่มเอง หลังจากดื่มไปสองสามอึก จึงมองออกถึงอารมณ์ที่หนักอึ้ง เห็นได้ชัดถึงความเฉยเมยของบ้านตระกูลหลิน เขาสัมผัสได้ อย่างน้อยก็ดองเป็นญาติกัน ตอนนี้กลับไม่ไว้หน้ากันเลย

“หลานรัก ถ้าหลานอยู่แล้วไม่มีความสุข ก็กลับบ้านเถอะ” ลุงตบหน้าอกของตัวเอง “ตอนนี้รัฐบาลออกนโยบายช่วยปลดความยากจนดีมาก ไม่ต้องกังวลการใช้ชีวิตที่บ้านอีกแล้ว หลานก็เรียนจบมหาวิยาลัยแล้วเหมือนกัน กลับมาเลี้ยงสัตว์ ทำสวนบ้านของพวกเราเถอะ ชีวิตก็ไม่ได้แย่กว่าคนอื่น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล