ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 330

สรุปบท ตอนที่ 330 เกราะคุ้มกัน: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 330 เกราะคุ้มกัน – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 330 เกราะคุ้มกัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 330 เกราะคุ้มกัน

“ธุรกิจนี้ของคุณ สภาพคล่องเป็นยังไงบ้าง”

เมื่อครู่นี้ทนายอันยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ตอนนี้ทนายอันหน้าเสียทันที!

โจวเจ๋อถามสิ่งนี้มีความหมายว่าอย่างไร ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่า นี่เป็นการพยายามก้าวล่วงเข้ามาแทรกแซง

ทนายอันเพิ่งจะโยกย้ายรากฐานมาที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีนี้เอง หากโจวเจ๋อเข้ามามีส่วนร่วมในวงการอุตสาหกรรมนี้ด้วย ก็คงกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

อีกอย่างคิดว่าวิญญาณร้ายที่หนีออกจากนรกเป็นต้นกุยช่ายที่โตขึ้นตามพื้นดินหรือไง

คุณ ‘คลิก’ เก็บเกี่ยวพืชผล

ผม ‘คลิก’ เก็บเกี่ยวพืชผล

ไม่ได้เก็บเกี่ยวต้นกุยช่ายกันแบบนี้เสียหน่อย ต้องปล่อยให้พวกมันได้เติบโต มีคุณค่าทางโภชนาการหน่อยสิ

ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณร้ายที่หลบหนีออกจากนรกได้ในแต่ละปีมีเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น จำนวนโควตาของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ทั้งหมดก็มีแค่นี้จริงๆ

“เฮ้อ…ลำบากจัง”

ทนายอันถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนแบกรับความเศร้าและความทุกข์ยากอันยิ่งใหญ่ผสมปนเปกับความลำบากยากเข็ญของชีวิตที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่เข้าใจ

“ธุรกิจแย่มากเลยเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“อันที่จริงก็ไม่ดีเท่าไรหรอก” ทนายอันรีบพยักหน้าและพูดต่อ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าผมต้องตอบแทนน้ำใจบางอย่างกับคนในนรก มีคนรู้จักบางคนที่ต้องดูแล ไม่งั้นผมคงจะเลิกทำธุรกิจนี้ไปนานแล้ว ไปเที่ยวพักผ่อนแบบสบายๆ มันสบายจะตายไป ใครอยากจะรับมือกับผีทั้งวี่ทั้งวัน”

เมื่อพูดจบ ทนายอันก็ถอนหายใจอีกรอบ “ลำบากนะ”

โจวเจ๋อมองทนายอันที่มีสีหน้าขมขื่น แล้วเหลือบมองบุหรี่ยี่ห้อลี่ฉวินรูปเทือกเขาฟู่ชุนซองนั้นที่ถูกเขาโยนส่งๆ อยู่บนโต๊ะรับแขกเมื่อสักครู่นี้

“ดูเหมือนว่ามันจะยากลำบากมากจริงๆ”

“ก็นั่นน่ะสิ ลำบากจริงๆ” ทนายอันมีสีหน้าเหมือนคุณเข้าใจผมสินะ “ผู้ชายน่ะนะ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพียงลำพังถูกไหมครับ”

“อืม” โจวเจ๋อตอบ

“เฮ้อ”

“เอางี้ ผมช่วยคุณปลดปล่อยความทุกข์แล้วกัน คุณมอบงานที่ทุกข์ยากนี้ให้ผมสิ จากนั้นคุณก็สามารถไปเที่ยวพักผ่อนอย่างมีความสุขได้เลย ได้ผลดีกันทั้งสองฝ่ายใช่ไหมล่ะ”

“…” ทนายอัน

สาวน้อยโลลิที่อยู่อีกด้านเผยรอยยิ้มมุมปาก เธอเดาความคิดของโจวเจ๋อออกตั้งนานแล้ว เถ้าแก่เป็นผู้ชายประเภทที่เห็นผลประโยชน์แล้วก็ลุยเลย

หลิวฉู่อวี่ที่อยู่อีกด้านกลับตกใจเล็กน้อย

ฉิบหาย ทำไมผมถึงต้องมานั่งฟังพวกคุณคุยเรื่องนี้กันที่นี่ด้วย

“สิ่งนี้…มันลำบาก…จริงๆ…”

ทนายอันรู้สึกได้ถึงอาการปวดฟันอยู่พักหนึ่ง และก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากเช่นกัน

“ลำบากหรือไม่นั้น ลองนึกถึงทหารแดง 25,000 นาย เพื่อการสร้างสังคมที่ปรองดอง เพื่อให้สัมฤทธิ์ผล…”

“นี่มันผิดกฎหมายนะ” ทนายอันขัดโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อชะงัก ในขณะเดียวกันก็เอ่ยด้วยความเสียใจเล็กน้อย

“นี่ยิ่งต้องให้ผมไปทำแล้วละ ในเมื่อพฤติกรรมเลวร้ายและกติกาซ่อนเร้นแบบนี้ไม่อาจขจัดให้หมดสิ้นได้ แม้ว่าวันนี้ทนายอันจะเดินออกไปแล้วจู่ๆ ก็ถูกรถชนตายก็ตาม…”

“นี่…”

“ผมแค่บอกว่าสมมตินะ สมมติคุณเดินออกไปแล้วจู่ๆ แจกันหล่นลงมากระแทกใส่คุณจนตาย…”

“ผม…”

“มันเป็นแค่เรื่องสมมติน่ะ แค่เรื่องสมมติจริงๆ อย่างเช่นจู่ๆ คุณก็ถูกเล็บทั้งสิบนิ้วแทงกระซวกจนตาย”

“…” ทนายอัน

“ไม่มีทนายอันแล้ว ก็ยังมีทนายเจ้า ทนายซุน ทนายหวัง ถูกไหมครับ ขอเพียงแค่มีห่วงโซ่แห่งผลประโยชน์นี้อยู่ก็จะมีคนมาสานต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน ดังนั้น สู้ปล่อยให้ความเลวร้ายอยู่ภายใต้สายตาของทางการโดยมีผมคอยดูแลอยู่ไม่ดีกว่าหรือ

ผมสามารถคัดเลือกคนที่เหมาะสมกับการดำเนินการจัดการ พวกชั่วช้าสามานเหล่านั้น วิญญาณร้ายที่จิตไม่ปกติ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น พวกเราไม่รับคำสั่งซื้อนี้ แบบนี้ก็สามารถควบคุมระดับความอันตรายที่สถานการณ์นี้อาจจะก่อให้เกิดขึ้นได้ด้วย”

ทนายอันพึมพำติดอยู่ที่ริมฝีปากอยู่นานกว่าจะเปล่งคำพูดออกมาได้

“คุณ…”

“มีอะไรเหรอ”

“หน้าไม่อายจริงๆ”

“นี่คือตกลงแล้วใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

“คุณอยากทำจริงๆ เหรอ” ทนายอันยกขาขึ้นไขว่ห้าง

“อืม”

“ไม่กลัวความเสี่ยงเหรอ” ทนายอันถามต่อ

“อืม วิธีใดๆ ก็ตามที่อยากให้คนขี้เกียจร่ำรวยได้ โดยพื้นฐานล้วนเขียนไว้ในกฎหมายอาญาหมดแล้ว”

“แต่คุณไม่มีเส้นสายเลยนะ นี่มันต้องรู้จักกับคนที่อยู่ในนรก ไม่อย่างนั้นไปต่อไม่ได้ ทำธุรกิจก็ไม่สำเร็จด้วย ไม่มีแหล่งที่มาของลูกค้า”

“ไม่เป็นไร คุณมีก็พอแล้ว”

มุมปากทนายอันกระตุกยิกๆ เอาตรงๆ แบบนี้เลยเหรอ

“ดังนั้นคุณหมายความว่าอยากจะร่วมหุ้นงั้นเหรอ”

“ประมาณนั้น ผมสามารถเป็นเกราะคุ้มกันให้คุณได้ เรื่องประเภทนี้ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันให้คุณก็ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยๆ ผมสามารถรับประกันว่ายมทูตตนอื่นจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับคุณแน่นอน”

ผมไม่ได้กลัวยมทูตตนอื่นเสียหน่อย…ทนายอันคิด

“เรื่องนี้ ถ้าทำได้ไม่ดีแม้ครั้งเดียวก็อาจจะเกิดปัญหาใหญ่ได้เลยนะ ตอนแรกผมก็ทำงานสายนี้เหมือนกัน ก็เป็นเพราะก่ออาชญากรรมถึงได้ทำให้ร่วงลงมาจนถึงจุดนี้ ชีวิตลำบากยากแค้น อยู่เบื้องล่างก็ไร้ตำแหน่ง และดูเหมือนจะทำได้แค่สูบบุหรี่รูปเทือกเขาฟู่ชุนถึงจะใช้ชีวิตผ่านไปในแต่ละวันได้”

“…” โจวเจ๋อ

“นี่ไม่ได้โป้ปดนะ ไม่ใช่การโม้จริงๆ” ทนายอันยิ้มเอ่ยและชี้บุหรี่ตรงหน้า “ตอนที่ผมได้ดิบได้ดี จะไปสนใจไยดีบุหรี่ขยะแบบนั้นได้ยังไง”

“…” โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อยั้งมือไว้ไม่สั่งให้สาวน้อยโลลิปิดประตูแล้วกระโจนไปฆ่าคนทิ้ง พลางสูดหายใจเข้าลึกและเอ่ยเสียงทุ้ม

“จะร่วมงานกันไหม ส่วนแบ่งแปดต่อสอง”

“น่าโมโหจริงๆ น่าโมโหมาก เขาดันไม่เชื่อซะได้!” สาวน้อยโลลิยังคงอ้อนต่อไป

“เลิกโวยวายได้แล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยปากพูด

“ไม่เอา ไม่เอา ข้าไม่เอา!” สาวน้อยโลลิโบกกำปั้นน้อยๆ ไปมา “เถ้าแก่ เอาสมุดยมทูตให้เขาดูหน่อยสิ ดูหน่อยว่าแต้มคะแนนสูงมากๆ แล้วหรือยัง!”

โจวเจ๋อกำลังจะปฏิเสธ กลับเห็นมือของสาวน้อยโลลิล้วงเข้ามาในอกเขาและหยิบเอาสมุดยมทูตออกมา

โจวเจ๋อเองก็ไม่ได้ห้ามปราม

สาวน้อยโลลิชูสมุดยมทูต จงใจกระโดดลงจากโซฟาและเดินไปด้านหน้าทนายอันพลางโบกสมุดยมทูตตรงหน้าเขา

“เคยเห็นหรือยัง เคยเห็นหรือเปล่า”

“…” ทนายอัน

“เอา เอาไป แล้วค่อยดูเลขผลคะแนน จำไว้ อย่าทำมันสกปรกหรือว่ายับยู่ยี่ด้วยล่ะ”

สาวน้อยโลลิโยนสมุดยมทูตของโจวเจ๋อให้ทนายอัน

ทนายอันรับเอาสมุดไป พลางพยักหน้าและหัวเราะ “ครับ ผมดูก่อน”

เมื่อเปิดสมุดยมทูต ก่อนอื่นเป็นรูปโจวเจ๋อ ถัดไปเป็นชื่อและตารางอื่นๆ แล้วถึงจะเห็นแต้มคะแนน เพิ่งจะเลยมาครึ่งเดียวเอง ขี้เกียจขนาดนี้เลยเหรอ

ทนายอันกำลังจะคืนสมุดยมทูตไป ท่าทางเฉยเมยมาก แต่เมื่อเขาปิดสมุดยมทูตและนิ้วลูบเบาๆ บนหน้าปกจู่ๆ ตัวเขาก็แข็งทื่อทันที จากนั้นก้มหน้าอย่างรวดเร็ว เหลือบลงมองสมุดยมทูตนี้อย่างบ้าคลั่ง!

ในขณะที่มองก็พลางลูบไปด้วย ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

“เห็นหรือยัง ผ่านอีกสักช่วงหนึ่งเถ้าแก่ของเราก็จะได้เลื่อนเป็นผู้จับกุมแล้วใช่ไหมล่ะ เถ้าแก่ของเรามีอนาคตที่สดใสใช่หรือเปล่า”

สาวน้อยโลลิมองทนายอันคล้ายเด็กอยากรู้อยากเห็น ทั้งยังกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่มีพิษมีภัยใส่เขาอีกด้วย

“อะ…อนา…อนาคต…ไร้ขีดจำกัด” ทนายอันพูดด้วยเสียงสั่นเทาเล็กน้อย

“คืนสมุดนั้นให้เถ้าแก่เราได้แล้วละ” สาวน้อยโลลิเอ่ยขึ้น

“ครับ คืนเขาไป” ทนายอันอยากจะลุกขึ้นยืน แต่ปรากฏว่าจู่ๆ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าโจวเจ๋อเสียงดัง ‘ปั้ก’

“เป็นอะไร” โจวเจ๋อเอื้อมมือไปหยิบสมุดยมทูตของตัวเองจากในมือของทนายอันกลับคืนมา

“ผลของเสียงระฆัง…ลูกนั้น…ขาอ่อน…ยังไม่หาย…” ทนายอันอธิบาย

“อ้อ ที่เจรจาขอร่วมมือครั้งนี้ล้มเหลวแล้วจริงๆ ใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

“ไม่! ไม่แน่นอน! จะให้สำเร็จได้ยังไง!”

โจวเจ๋อเสียใจเล็กน้อย ถ้าทนายอันคิดสู้สุดตัวราวกับเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน เขาจะไปบังคับอีกฝ่ายมันก็ไม่ดีสักเท่าไร แม้ว่าจะต่อสู้กันก็ตาม อีกฝ่ายขี้ขลาดก็ขี้ขลาดอยู่หรอก แต่ก็ยังจัดอยู่ในประเภทที่ขี้ขลาดแต่แข็งแกร่ง

ตัวโจวเจ๋อเองในกรณีที่ไม่เปิดพลังอู๋ซวง เขายังไม่มั่นใจเลยว่าจะล้มหลิวฉู่อวี่ในคราวเดียวได้ไหม

“จะสำเร็จได้ยังไง! ใช้ไม่ได้!” ทนายอันตะโกนอย่างตื่นเต้น “ห้าต่อห้าจะไปสำเร็จได้ยังไงกัน!!!!!”

“…” โจวเจ๋อ

“ต้องสองต่อแปด ผมสอง คุณแปด! ตกลงอย่างราบรื่นแบบนี้แล้วกัน! ขอบคุณที่ยังมีส่วนแบ่งมาให้ผมนะครับ ขนาดคนขับรถบรรทุกใหญ่ยังต้องหาเกราะคุ้มกันเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างพวกเรา คุณว่าถูกไหมครับ”

…………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล