ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 331

ตอนที่ 331 ร้านหนังสือมีผี

เข้าสู่ช่วงกลางดึก ในเวลานี้ความอบอ้าวหน้าร้อนในช่วงกลางวันลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่กลับมาพร้อมกับข่าวที่ไม่เป็นมิตรยิ่งกว่า นั่นก็คือไฟดับ

สาเหตุเป็นเพราะต้องซ่อมวงจรไฟฟ้าที่เกิดขัดข้องนั่นเอง แถบบริเวณถนนหนานต้าไฟฟ้าดับตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงตีห้า นับได้ว่าไม่เป็นการส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์ตามปกติ แต่สำหรับคนที่มีร้านค้าและมีบ้านอยู่ที่นี่ ก็ยังยากที่จะรับได้อยู่สักหน่อย

พ่อค้าแม่ขายจำนวนไม่น้อยเดินมาอยู่บนถนน บ้างสูบบุหรี่ บ้างเล่นโทรศัพท์ หรือไม่ก็มานั่งรับลมพลางคุยเล่นกับคนข้างๆ ในบ้านที่ไม่มีแอร์และไม่มีพัดลม อากาศอบอ้าวเหมือนเตานึ่ง ร้อนจนไม่สามารถทนอยู่ในนั้นได้

ฉวีหมิงหมิงและฉวีเจินเจินสองพี่น้องก็เช่นกัน พากันนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กด้านนอก พวกเขาไม่ได้ไปเปิดห้องพักในพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ ที่มีไฟฟ้าใช้ เพราะเดี๋ยวตีห้าไฟก็มาแล้ว ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ยังคงต้องเปิดให้บริการตามปกติ

ฉวีเจินเจินใส่น้ำแข็งในน้ำแล้วยื่นให้พี่ชายของเธอ ส่วนฉวีหมิงหมิงชี้ไปที่ร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัย “พวกเขาไม่ร้อนเหรอ”

ใช่แล้ว ประตูหน้าร้านหนังสือปิดสนิท แม้กระทั่งหน้าต่างชั้นสองก็ยังปิดไว้ แบบนี้ทนไปได้ยังไง

ในความเป็นจริงแล้ว คนในร้านหนังสือยังสามารถทนกันได้จริงๆ อีกทั้งยังสบายมากอีกต่างหาก

หลังจากไฟดับ นักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างอุ้มเสื่อไม้ไผ่ของตัวเองไปเคาะประตูห้องของไป๋อิงอิง ตอนที่ทั้งสองเจอกันหน้าประตูยังสบตายิ้มให้กันอีกด้วย

หลังจากไป๋อิงอิงเปิดประตูก็ถลึงตาใส่พวกเขาทั้งสองคน เมื่อกี้นางกำลังเล่นเกมกินไก่อยู่ สวมชุดเกราะระดับสาม สวมหมวกเกราะระดับสาม พร้อมกับปืนสไนเปอร์เอดับเบิลยูเอ็มสุดเทพ กำลังจะเข้ารอบชิงอยู่แล้วชัดๆ จู่ๆ ไฟก็ดับลง ไป๋อิงอิงหดหู่จนเกือบจะทุบคอมพิวเตอร์ทิ้ง

แต่พอนึกได้ว่าคอมพิวเตอร์นี้เถ้าแก่ใช้เงินหลายหมื่นซื้ออุปกรณ์ระดับพรีเมียมประกอบให้นาง ก็เลยทำไม่ลง เพราะนางรู้ว่าสำหรับคนอย่างเถ้าแก่จ่ายเงินหลายหมื่นเพื่อซื้อเครื่องเล่นเกมให้นาง มันช่างเป็นความกรุณาและยอมให้มากทีเดียว

นักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างทั้งสองคนราวกับมองไม่เห็นไป๋อิงอิงที่อยู่ตรงหน้าเสียอย่างนั้น ปูเสื่อไม้ไผ่ของตัวเองลงไปชิดติดผนังอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็นอนบนนั้น

สวี่ชิงหล่างบิดขี้เกียจ แผลบนไหล่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เมื่อเทียบกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ความเจ็บปวดของบาดแผลอันเบาบางนี้นับว่าเฉยๆ ไปแล้ว

นักพรตเฒ่าพัดวีพัดสานในมือ พลางฮัมเพลงเบาๆ ไปด้วย นั่นคือความสบายอกสบายใจอย่างหนึ่ง

เจ้าลิงน้อยนอนคว่ำอยู่บนหน้าท้องของนักพรตเฒ่า ยื่นกรงเล็บของตัวเองออกมานับจำนวนซี่โครงที่นูนออกมาให้เห็นชัดเจนของนักพรตเฒ่า

ไป๋อิงอิงมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร กลับมานั่งบนเตียงต่อและอาศัยแสงจันทร์อ่านหนังสือ ‘การฝึกฝนทักษะของสาวใช้’ ของนางไป

จากนั้นไม่นาน ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอีกครั้ง เดดพูลที่เปลี่ยนร่างแล้วเดินเข้ามาพร้อมอ่างพลาสติกหนึ่งใบ สิ่งที่วางอยู่ในอ่างพลาสติกก็คือแตงโมที่ผ่าเรียบร้อยแล้ว

นักพรตเฒ่ารีบลุกขึ้นยืนและรับเอาอ่างพลาสติกมาจากมือเดดพลูด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนอื่นหยิบแล้วยื่นให้สวี่ชิงหล่างที่นอนอยู่ข้างๆ หนึ่งชิ้น จากนั้นตัวเองก็หยิบออกมากัดอย่างเอร็ดอร่อย

“เจี๊ยกๆๆ!!!” เจ้าลิงน้อยแหกปากอยู่ด้านล่าง ราวกับไม่พอใจมากที่นักพรตเฒ่าลืมมัน

นักพรตเฒ่าหัวเราะ ‘คิกคัก’ นำแตงโมที่ผ่าครึ่งซีกในอ่างวางไว้ตรงหน้าเจ้าลิงน้อยและยื่นช้อนให้มัน

เจ้าลิงน้อยรับเอาช้อนแกงไป มันขุดตักแตงโมไปด้วยกินไปด้วย มีความสุขมากจริงๆ ทั้งยังรู้วิธีคายเมล็ดแตงโมวางไว้บนกระดาษทิชชูไม่ทำให้พื้นสกปรกอีกต่างหาก

เดดพูลไม่กิน แม้ว่าเขาจะเป็นคนหั่นแตงโมก็ตาม เขาได้แต่หาเก้าอี้มานั่งลงไป ในบางครั้งเมื่อมียุงหรือแมลงบินผ่านก็อ้าปากตวัดลิ้นกลืนลงท้องทันที เคี้ยวเสียงแจ๊บๆ เผยสีหน้าท่าทางอันเพลิดเพลิน

นักพรตเฒ่ากินแตงโม ไม่ถูกรบกวนจากการถูกยุงกัดและไร้ควันจากยาจุดกันยุงให้ทรมานทรกรรม อีกทั้งไร้เสียงรบกวนของเครื่องปรับอากาศด้วย

แต่เพราะมีไป๋อิงอิงอยู่อุณหภูมิในห้องเลยอยู่ในระดับปานกลาง สำหรับในฤดูร้อนครั้งใหญ่นี้เผยให้สัมผัสถึงความรู้สึกเย็นสบาย

ฟู่ว…สบายจังเลย!

เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในละแวกนี้ที่รับลมเย็นอยู่ข้างนอก ยิ่งมีการเปรียบเทียบก็ยิ่งรู้สึกเหนือกว่า ในเวลานี้ รู้สึกว่าตัวเองสบายมากยิ่งขึ้นจนหวังให้คืนพรุ่งนี้ไฟดับต่อ!

สวี่ชิงหล่างนอนหลับสนิทไปก่อนแล้ว นักพรตเฒ่าห่มผ้าคลุมหน้าท้องให้เขา เมื่อเขากำลังจะพักผ่อนกลับเห็นไป๋อิงอิงที่อยู่บนเตียงจู่ๆ ก็ลุกจากเตียงไปยืนอยู่ที่หน้าต่างและมองลงไป

“มีอะไรเหรอ” นักพรตเฒ่าถาม

ไป๋อิงอิงชี้ไปทางทิศตะวันตกของถนนผ่านทางหน้าต่างพลางเอ่ยขึ้น “เหมือนว่าจะมีลูกค้ามานะ”

นักพรตเฒ่าก่นด่าเงียบๆ ตอนไฟดับอย่างนี้ยังอุตส่าห์มีลูกค้าเข้าร้าน จะให้คนเขาพักผ่อนกันบ้างได้ไหม!

“เถ้าแก่ไม่อยู่บ้าน สาวน้อยโลลิก็ไม่อยู่ เราทำเหมือนมองไม่เห็นกันเถอะ”

ถูกแล้ว ยมทูตทั้งสองไม่อยู่ ลูกค้ามาแล้วก็ส่งลงนรกไม่ได้อยู่ดี มันจะไม่เสียเวลาเอาเหรอ

ไป๋อิงอิงกลับส่ายหน้าและพูดขึ้น “อยู่ข้างล่างแล้ว”

“อยู่ข้างล่างแล้วยังไงล่ะ…”

นักพรตเฒ่าพูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากข้างล่าง

ไอ้ฉิบหาย ข้าล็อกประตูก่อนจะขึ้นมาแล้วนะ!

นักพรตเฒ่ารีบลุกขึ้นมองไป๋อิงอิงแล้วค่อยเอ่ยถาม “ที่มาน่ะ ไม่ใช่ผีเหรอ”

ไป๋อิงอิงส่ายหน้า คนที่มาไม่ใช่ผีจริงๆ แต่กลับเป็นคนตัวเป็นๆ ของแท้เลย

มีสามคนและสวมหมวกกันทุกคน คนหนึ่งถือคีม อีกคนหนึ่งถือไฟฉาย หลังจากงัดเข้ามาสำเร็จ คนที่เสดาะกุญแจยังยืนอยู่ที่หน้าประตูต่อ คอยมองออกไปข้างนอกดูต้นทางไว้ ส่วนอีกสองคนรีบวิ่งไปข้างหลังเคาน์เตอร์และเริ่มรื้อค้นทันที ทั้งสามคนคือหัวขโมย อาศัยตอนที่ไฟดับออกมาขโมยของ

อันที่จริง ตอนที่เพื่อนบ้านละแวกรอบๆ ออกมารับลมเย็นๆ ข้างนอกนั้น พวกเขาสังเกตเห็นที่นี่แล้ว ตอนนั้นจำได้แค่ว่าร้านหนังสือแห่งนี้ล็อกเอาไว้ตลอด ประตูหน้าต่างก็ปิดสนิท น่าจะไม่มีใครอยู่ข้างใน

ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนอยู่ วันนี้อย่างน้อยๆ ตอนไฟดับก็น่าจะออกไปจากที่นี่แล้วละ

เหตุผลง่ายๆ อากาศร้อนออกอย่างนี้ใครจะทนความอบอ้าวอยู่ในบ้านได้กันล่ะ โง่หรือเปล่า

เว้นเสียแต่ว่าในบ้านหลังนี้พวกเขาจะเลี้ยงผีดิบเอาไว้ใช้ทำเครื่องปรับอากาศ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล