ตอนที่ 332 คลื่นโหมแรง!
เมื่อฟ้าใกล้สว่าง รถเก๋งสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้านหนังสือ ไม่ได้จอดชิดนัก เพราะมีรถตำรวจจอดอยู่ด้านหน้า
“เหมือนจะเกิดเรื่องที่ร้านหนังสือของคุณนะ” ทนายอันวางมือทั้งสองข้างบนพวงมาลัยแล้วพูดขึ้น
โจวเจ๋อที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับลดกระจกลง และตะโกนถามพี่สาวที่กำลังยืนดูอย่างคึกคักอยู่ข้างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่สาวคนนั้นกระตือรือร้นมาก หรืออีกนัยหนึ่งคือเธอดูเรื่องสนุกมาตั้งนานแล้วในที่สุดก็มีคนถามเธอสักที นี่เป็นที่ถูกอกถูกใจของกลุ่มคนที่มามุงดูอย่างไม่ต้องสงสัย
“ว่ากันว่ามีหัวขโมยสองสามคนย่องเข้าไปในร้านหนังสือแห่งนี้กลางดึก แต่ดูเหมือนจะถูกจับหมดแล้วนะ ตำรวจก็มาแล้วด้วย”
โจวเจ๋อฟังแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก คนทั่วไปเมื่อได้ยินว่าขโมยย่องเข้าบ้าน ถ้าไม่วิตกกังวลว่าทรัพย์สินจะสูญหาย ก็พากันกังวลว่าคนในบ้านจะได้รับอันตรายหรือไม่
อืม เถ้าแก่โจวไม่กังวลเรื่องพวกนี้เลย ตรงกันข้ามเขากลับเป็นห่วงหัวขโมยพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ
เมื่อทนายอันได้ยินที่ทุกคนพูดก็ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว ระหว่างทาง เขาแอบถามโจวเจ๋อว่าในร้านหนังสือยังมีใครอีกบ้าง และสถานการณ์เป็นอย่างไร ขณะนี้เขาหยิบบุหรี่ออกมาเงียบๆ และพูดขึ้นว่า
“คนขุดสุสานในร้านหนังสือยามวิกาล”
มีผีดิบและซากศพมีชีวิตอยู่ในร้านหนังสือ แม้ว่าหัวขโมยสองสามคนนั้นจะขโมยของในย่านการค้าที่เจริญ แต่หากเทียบกับสิ่งที่เรียกว่ากลุ่มโจรปล้นสุสานในสุสานบนภูเขาลึกเหล่านั้นแล้วยังมีประสิทธิภาพมากกว่าเสียอีก
ถึงอย่างไรในตอนท้ายก็ไม่ใช่ทุกหลุมฝังศพที่จะมีบ๊ะจ่าง (ผีดิบ)
โจวเจ๋อลงจากรถ หลังจากเดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นจางเยี่ยนเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น ขณะที่ฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานสถานการณ์อยู่ข้างๆ ก็ดื่มน้ำเต้าหู้และกินปาท่องโก๋ในมือไปด้วย
สามคนย่องเบาเข้าปล้นบ้านไม่นับว่าเป็นคดีเล็กๆ
เมื่อจางเยี่ยนเฟิงเห็นโจวเจ๋อ ก็ยื่นปาท่องโก๋ที่ตัวเองกัดไปแล้วครึ่งหนึ่งให้โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อส่ายหน้า ‘มันสกปรก’
จางเยี่ยนเฟิงใส่ปาท่องโก๋กลับเข้าไปในปากตัวเอง คร้านจะสนใจโจวเจ๋ออีก
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม ถึงอย่างไรมันก็เป็นร้านของเขา จะบอกว่าไม่เป็นห่วงก็คงจะโกหก
“ไม่เป็นอะไร พนักงานในร้านคุณปลอดภัยดีทุกคน”
“ผมถามถึงหัวขโมยสามคนนั้นน่ะ”
“อ้อ” จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า ชี้รถพยาบาลสองคันที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม “คนหนึ่งไม่ร้ายแรงมาก ถูกตีสลบไประหว่างป้องกันตัวน่ะ ส่วนอีกสองคนมีแผลฟกช้ำที่เนื้อเยื่ออ่อนเป็นวงกว้างตามร่างกายบวกกับกระดูกหักไปหลายส่วนจนต้องส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล ไม่เป็นไร เรื่องนี้น่ะผมจะไม่ไกล่เกลี่ยประนีประนอม พวกคุณไม่ต้องออกค่ารักษาพยาบาลด้วย”
โจวเจ๋อพยักหน้าและเดินเข้าไปในร้านหนังสือ
“เถ้าแก่!!!”
ไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เพิ่งจะให้ปากคำเสร็จเห็นว่าโจวเจ๋อกลับมาแล้วก็ร้องออกมาอย่างประหลาดใจ รีบวิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของโจวเจ๋อพร้อมกับใบหน้าเปื้อนน้ำตาของสาวน้อย
“เถ้าแก่ เมื่อวานอิงอิงตกใจมากจริงๆ เจ้าค่ะ อิงอิงกลัวจังเลย กลัวจะไม่ได้เจอหน้าเถ้าแก่อีกแล้ว แงๆๆ…”
“อย่าก่อเรื่องสิ” โจวเจ๋อเอื้อมมือไปลูบหัวไป๋อิงอิง “ยังดีนะที่คุณไม่ฆ่าพวกเขาตาย”
ที่ไม่ถูกฆ่าตายเป็นเพราะไป๋อิงอิงยั้งมือไว้แล้ว ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ การดูดเลือดพวกเขาจนแห้งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แม้จะพูดกันตามกฎหมายแล้วว่าไม่สมควรได้รับโทษถึงความตาย มันก็แค่การลักทรัพย์ แต่ถ้าไป๋อิงอิงเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนั้นในบ้านจริงๆ ขึ้นมา ตอนจบจะเป็นอย่างไรบ้างล่ะ
โอ้ ในบ้านยังมีชายหนุ่มที่สวยกว่าหญิงสาวอยู่อีกคน ตอนจบนี้คงน่าสังเวชยิ่งกว่า
“เถ้าแก่ ข้าจะรุนแรงถึงขนาดนั้นได้ยังไงเล่า แต่เจ้านั่นวางแผนจะขโมยซีพียูของข้าเชียวนะ กะไม่ให้ข้าได้เล่นเกมกินไก่อีกเลย ทำอิงอิงเดือดสุดๆ!” ไป๋อิงอิงพูดไปพลางโบกกำปั้นน้อยๆ ของตัวเองไปด้วย
“อ้อ งั้นก็สมควรตาย” โจวเจ๋อพูดสำทับ
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ แต่ข้ากลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เถ้าแก่เลยไม่กล้าทำอะไรรุนแรง แค่ทุบให้กระดูกท่อนเล็กๆ ของแต่ละคนหักไปสิบกว่าท่อนเท่านั้นเอง ถ้ารักษาจนหายดีแล้วก็ยังนั่งรถเข็นดูพระอาทิตย์ตกดินได้เจ้าค่ะ!”
“อืม อิงอิงของเราจิตใจดีที่สุดแล้ว”
‘พรืด…’
นักพรตเฒ่าที่อยู่อีกด้านทนไม่ไหวขำพรวดออกมา จิตใจดีเหรอ
เมื่อวานเขากับสวี่ชิงหล่างลงไปชั้นล่างดักตีหัวคนที่ดูต้นทางจนสลบ จากนั้นทั้งสองได้ยินเพียงเสียง ‘ปังๆๆ!!!!’ ดังมาจากชั้นสองเป็นระยะๆ
พวกเขารีบพากันวิ่งขึ้นไปและเห็นมือแต่ละข้างของไป๋อิงอิงคว้าแต่ละคนกระแทกกับผนังอย่างดุเดือด คล้ายกับโยนกระสอบทิ้งอย่างไรอย่างนั้น!
“เป็นอะไร คุณไม่เห็นด้วยเหรอ” โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่า
ไป๋อิงอิงเหลือบตามองนักพรตเฒ่าด้วยเช่นกัน กล้าบอกว่าข้าไม่ใจดีงั้นเหรอ
นักพรตเฒ่าแค่รู้สึงถึงความเย็นวาบขึ้นมาจากฝ่าเท้า แข็งกระด้างไปทั้งตัว จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า
“ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเป็นกุลสตรีและใจดีไปกว่าอิงอิงอีกแล้วจ้า”
…
‘ฮัดชิ่ว!!!’
เมื่อทนายอันที่เพิ่งจอดรถเสร็จลงจากรถก็จามทันที
สาวน้อยโลลิที่อยู่อีกด้านถามขึ้น “เป็นหวัดเหรอ”
“ไม่หรอก แค่รู้สึกคันจมูกน่ะ”
…
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร เจ้าพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรพังเสียหาย” ในเวลานี้สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาพลางเอ่ยขึ้น
“ครั้งหน้าถ้าเจอหัวขโมยแบบนี้อีก แค่ฆ่ามันแล้วจัดการเอาศพไปทิ้งก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโทรแจ้งตำรวจ เพิ่มงานให้คุณอาตำรวจเสียเปล่าๆ” โจวเจ๋อพูดอย่างใจเย็น
สวี่ชิงหล่างชะงักไป เหมือนยังไม่คุ้นชินกับความหมายในคำพูดของโจวเจ๋อเล็กน้อย
“มันไม่เหมาะสมมั้ง”
“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมทั้งนั้น ในฐานะพลเมือง ต้องเกรงใจภาครัฐ เรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยตนเองก็ไม่ต้องไปรบกวนภาครัฐ” โจวเจ๋อไม่ใส่ใจ มองอิงอิงแล้วเอ่ยว่า “ได้ยินหรือยัง”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล