ตอนที่ 335 ร้องไห้แล้วยิ้ม ยิ้มแล้วร้องไห้
นอกห้องผู้ป่วยหนัก โจวเจ๋อนั่งพิงผนังตรงทางเดินกำลังคีบบุหรี่ที่กำลังไหม้อยู่ในมือ ข้างล่างมีก้นบุหรี่อยู่เต็มพื้น
เหล่าจางยังนอนอยู่ข้างใน สถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ตรงกันข้ามกลับทรุดหนักลงเรื่อยๆ
ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว บางทีสำหรับเหล่าจางแล้ว วันเวลาของเขาเหลือน้อยลงไปอีกคืน ชีวิตของเขาสามารถนับนิ้วได้ด้วยซ้ำ แถมหน่วยนับไม่ใช่ ‘วัน’ แต่เป็น ‘ชั่วโมง’ อีกต่างหาก
แม้ว่าโจวเจ๋อไม่อยากยอมรับก็ตาม แต่เพราะความเป็นมืออาชีพของแพทย์คนหนึ่ง เขาเองยังรู้อยู่แก่ใจ ถ้าว่ากันตามอาการป่วยและขั้นตอนการรักษาแล้ว เหล่าจางนั้นเข้าขั้น ‘หมดหนทางรักษา’ แล้วจริงๆ
ไม่ใช่ทุกโรคล้วนสามารถเฝ้ารอปาฏิหาริย์ได้ ผู้คนมักจะส่งเสริมจิตวิญญาณ ‘สร้างแรงจูงใจมองโลกในแง่ดี’ จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ เอาชนะโรคภัยได้
แต่นั่นเป็นเพียงวิธีที่ผู้คนพูดคุยเพื่อสร้างความบันเทิงให้ตัวเองตามสัญชาตญาณ ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีแพทย์ในโรงพยาบาลแล้วละ แค่เชิญวิทยากรพิเศษที่บรรยายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายปีที่สามโดยเฉพาะมาบรรยายที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องก็สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว
ก้นบุหรี่ในมือถูกกดขยี้ให้ดับบนกระเบื้องทางเดิน โจวเจ๋อก้มหน้าและหลับตาลงช้าๆ แทนที่จะบอกว่าตอนนี้เขากำลังเฝ้าสังเกตสถานการณ์อยู่ตลอด สู้บอกว่าเขากำลังรอให้วิญญาณของเหล่าจางปรากฏขึ้นหลังจากตายแล้วเสียยังดีกว่า
อย่างน้อยๆ เขายังสามารถคุยกับเหล่าจางเป็นครั้งสุดท้ายได้อีกหลายประโยค ได้พูดคุยและได้ซักถามว่าเหล่าจางยังมีห่วงอะไรไหม ยังต้องถามเขาอีกว่าเขามีนิสัยชอบขุดหลุมไปทุกทั่วหรือว่าซ่อนสมุดบัญชีไว้ใต้โซฟาหรือไม่ เขาสามารถช่วยเหล่าจางตามหาและมอบมันให้กับลูกชายหรือภรรยาเก่าของเขาได้
เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัฏจักรหยินหยาง แม้ว่าคุณจะกลายเป็นยมทูตก็ตาม ก็ไม่อาจต้านทานแนวโน้มนี้ได้และไร้หนทางจะแก้ไขมันจริงๆ
เถ้าแก่โจวไม่ได้รู้สึกหมดแรงขนาดนี้มานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแบบนี้ก็ตั้งหลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งเข้าวงการ ยังมีอุดมคติ ความฝัน และความปรารถนาที่ไร้เดียงสาแบบนั้นอยู่
แต่หลังจากการช่วยชีวิตล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า มองเห็นผู้ป่วยเสียชีวิตไปในที่สุด ความรู้สึกหมดแรงแบบนั้นความไม่มีชีวิตชีวาแบบนั้น ความรู้สึกล้มเหลวและเศร้าซึมแบบนั้น มันทรมานเหลือเกิน แต่หลังๆ มาก็เริ่มชินกับมันไปเสียแล้ว
โจวเจ๋อยิ้ม เดิมทีนึกว่าหลังจากตัวเองกลายเป็นยมทูตจะสามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องเผชิญกับอารมณ์ที่ไม่เต็มใจประสบพบเจอในอดีตอีกครั้ง
ความรู้สึกนี้มันแย่จริงๆ แต่ควรจะปล่อยวาง ไม่ว่าคุณจะยอมหรือไม่ ยังไงก็ต้องปล่อยวางมัน
“คุณก็เจ็บปวดมากเหมือนกันใช่ไหม”
เหล่าจางในห้องผู้ป่วยหนักก็น่าจะเจ็บปวดมากเช่นกัน
ความตาย บางทีสำหรับเหล่าจางแล้วอาจเป็นสิ่งที่ปลดปล่อยเขาจริงๆ ก็ได้
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่โจวเจ๋ออยากช่วยชายชราที่หมดอายุขัยไปแล้ว บางทีอีกฝ่ายคงแค่อยากจะไปอย่างสบายก็เท่านั้น
เป็นแผลไฟไหม้เป็นวงกว้างนอนอยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะโคม่าอยู่ แม้ว่าจะฉีดยาชาก็ตาม แต่ความเจ็บปวดนั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนธรรมดาผ่าไส้ติ่งก็เจ็บปวดไปตั้งสองคืน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ตรงหน้านี้
พอคิดถึงตรงนี้ โจวเจ๋อกลับปล่อยวางได้แล้ว รอเหล่าจางตายไป รอให้เขาสลัดพ้นความทุกข์ทรมาน เขาจะใช้โอกาสตอนที่เหล่าจางยังไม่ลงนรก จะสูบบุหรี่กับเขาอีกครั้งและคุยโม้ด้วยอีกหน่อย คล้ายว่าจะสบายใจมาก
เงาทะมึนและความอัดอั้นแห่งความตาย ราวกับว่าในเวลานี้สลายหายไปมากทีเดียว และก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับได้ขนาดนั้น
มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากข้างนอก น่าจะเป็นลูกน้องของเหล่าจางหรือคนจากสถานีตำรวจมาเยี่ยมเขาละมั้ง เริ่มตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่ายเป็นต้นมาที่เหล่าจางถูกนำส่งห้องฉุกเฉิน เรียกได้ว่ามีคนหลั่งไหลมาเยี่ยมเขาอยู่ไม่ขาดสาย หลายคนที่ออกกะแล้วก็รีบมาทันที เหตุผลก็มีเพียงแค่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเหล่าจางด้านนอกห้อง
พูดกันตามเหตุผลแล้ว ด้วยนิสัยของชายคนนี้ มนุษย์สัมพันธ์ไม่น่าจะดีนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาใกล้จะตายแล้ว เมื่อคนใกล้จะตาย ความโกรธเคืองมากมายในอดีตล้วนไม่สำคัญแล้ว ส่วนที่เหลือกลับมีเพียงยกย่องในคุณงามความดีของเขา
แต่ว่า คนที่มาในครั้งนี้ดูยังเด็กอยู่เลย เขาสวมกางเกงยีนส์ เสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน หลังจากวิ่งเข้ามา เขาหันหน้าเข้าหาหน้าต่างและตะโกนเรียกเหล่าจางที่อยู่ในห้องผู้ป่วยหนักทันที
“พ่อ! พ่อ! พ่อ!”
โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและเงยหน้ามองเขา เมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะพังห้องผู้ป่วยหนักเข้าไป เถ้าแก่โจวจึงรีบยืนขึ้นและยื่นมือไปกดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้
“อย่าวู่วาม”
อีกฝ่ายตัวสั่นและสูดหายใจเข้าลึก แต่น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว ท้ายที่สุดเขาก็เอนหลังพิงผนังและนั่งลงช้าๆ กอดศีรษะร้องไห้อย่างเจ็บปวด
เถ้าแก่โจวยืนอยู่ข้างๆ เขา มองดูชายหนุ่มคนนี้ระบายความรู้สึกของเขา เป็นเวลานานทีเดียวกว่าชายหนุ่มจะเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อ
“พ่อผมอาการเป็นยังไงบ้างครับ คุณหมอ”
อันที่จริงก่อนที่เขาจะมาน่าจะได้รับแจ้งแล้ว และระหว่างทางที่เดินทางกลับมาก็น่าจะโทรมาสอบถามเองไปแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ต้องปิดบังและไม่จำเป็นต้องปิดบังด้วย คนในครอบครัวมีสิทธิ์ที่จะทราบสถานการณ์ที่แท้จริง
ดังนั้น เหตุผลที่เขาถามโจวเจอในตอนนี้ก็เพียงเพื่อต้องการการปลอบโยนทางจิตใจเท่านั้น
มีคนไม่มากนักที่จะมีความกล้าในการเผชิญกับความจริงที่ยากลำบากอย่างไม่สะทกสะท้าน คนส่วนใหญ่ยังต้องการให้ปลอบโยน หากไม่มีใครปลอบตัวเองละก็ ตัวเองก็จะปลอบใจตัวเอง
แต่น่าเสียดาย เขาถามผิดคนแล้ว
“อ้อ ใกล้ตายแล้วละมั้ง”
“…” ชายหนุ่ม
เมื่อนึกดูแล้วก็พอจะรู้ได้ หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเหล่าจางก็เป็นนักเรียนตำรวจเช่นกัน สืบทอดคุณสมบัติที่ดีบางอย่างของเหล่าจางมา ถ้าเป็นคนอื่นละก็นะ ตอนนี้โจวเจ๋อคงถูกต่อยไปแล้วแน่ๆ
“ฉันพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แผลไฟไหม้ของเขากว้างมาก แถมหลังจากผ่าตัดแล้วการตอบสนองก็ไม่ดีนัก” โจวเจ๋อพูดต่อ “ตอนนี้เวลาแปดโมงเช้า น่าจะรอดถึงแค่คืนนี้แล้วละนะ รอดคืนนี้ไปได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว”
“ผมไม่เชื่อ ผมรู้สึกว่าพ่อผมจะต้องไม่ตาย” ชายหนุ่มกัดฟันพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล