สรุปเนื้อหา ตอนที่ 334 กู้ชีพ! – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 334 กู้ชีพ! ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 334 กู้ชีพ!
“เถ้าแก่ ช่วยออกมาแล้ว ช่วยออกมาแล้ว! ตัวประกันรอดแล้ว รอดแล้ว!” นักพรตเฒ่าตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น เห็นพวกเด็กๆ ถูกตำรวจลำเลียงออกมาในจอโทรทัศน์ ผู้สื่อข่าวก็รุดหน้าเข้าไปเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ดังกล่าวด้วย เหล่าผู้ปกครองกอดลูกตัวเองและร้องไห้อย่างขมขื่น
แต่ว่าในเลนส์กล้องมีภาพที่วิ่งผ่านไปแวบหนึ่ง นั่นก็คือมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หามเปลที่คลุมด้วยผ้าขาววิ่งไปทางรถพยาบาล
มีคนอยู่บนเปลหาม
เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ ในความเป็นจริง หากชาติที่แล้วโจวเจ๋อไม่ได้เป็นศัลยแพทย์ที่มักจะได้เข้าช่วยเหลือในเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างนี้มาก่อน คาดว่าก็คงยากจะสังเกตเห็นจุดนี้
แต่ว่าในรายงานข่าวกลับไม่มีการพูดถึงเรื่องผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเลย ผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้รายงาน เพียงแค่ออกอากาศยืนยันว่าตัวประกันที่ถูกคนร้ายจับไว้ หรือก็คือเด็กๆ และคุณครูเหล่านั้นล้วนได้รับความช่วยเหลือสำเร็จ
“เถ้าแก่ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจางไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” นักพรตเฒ่าพูดอย่างมีความสุขมาก
“ไม่ใช่” โจวเจ๋อส่ายหน้า “ยังไม่สามารถสรุปได้”
ในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวเริ่มสัมภาษณ์ตำรวจ ผู้ให้สัมภาษณ์เป็นร้อยตำรวจเอกแผนกอาชญากรรมของสถานีตำรวจทงเฉิง แต่ไม่ใช่จางเยี่ยนเฟิงที่เข้าไปเจรจากับคนร้าย
สายตาของโจวเจ๋อหยุดนิ่งไปชั่วขณะ โดยสัญชาตญาณแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องบางอย่างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาง
ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกับจางเยี่ยนเฟิงละก็ ทำไมคนที่ถูกสัมภาษณ์ถึงไม่ใช่เขาล่ะ
เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ ตามกฎแล้วเป็นธรรมดาที่จะต้องถูกสัมภาษณ์และได้รับคำยกย่องชมเชยถึงจะถูก
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาจางเยี่ยนเฟิง
“เถ้าแก่ หากเกิดเรื่องละก็ สถานีโทรทัศน์ก็น่าจะออกอากาศใช่ไหม”
“บางทีภาพอาจไม่เหมาะที่จะถ่ายทอดสดก็เป็นได้ หรือไม่ก็เป็นข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ด้านนี้มันอาจจะทำให้ข่าวสารล่าช้า…”
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่…”
โทรไม่ติด!
โจวเจ๋อเลียริมฝีปาก
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้น เมื่อก้มหน้ามองก็พบว่าไม่ใช่จางเยี่ยนเฟิงโทรกลับมา แต่เป็นเบอร์ของผู้อำนวยการหลิน
“ฮัลโหล”
“อาเจ๋อ คุณอยู่ร้านหนังสือไหมคะ”
“อยู่ครับ”
“มาโรงพยาบาลฉันหน่อยสิ โรงพยาบาลเพิ่งรับผู้ป่วยที่บาดเจ็บจากไฟไหม้รุนแรงสองราย หนึ่งในนั้นยังเป็นตำรวจด้วย สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมากค่ะ มาช่วยฉันที”
“ตำรวจแซ่จางใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แซ่จาง”
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
โจวเจ๋อรีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตูทันที ทนายอันมองโจวเจ๋อด้วยความสงสัย
“ขับรถพาผมไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย”
บังเอิญว่ารถของทนายอันจอดอยู่หน้าร้านหนังสือพอดี
“อืม ได้ครับ”
ทนายอันไม่ได้ถามอะไรต่อ หยิบกุญแจรถออกมาแล้วลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง
โจวเจ๋อนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ ในขณะเดียวกันก็เอ่ยกำชับ “ขับเร็วหน่อย”
“ไม่มีปัญหา”
ยี่สิบนาทีต่อมา รถขับแล่นเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนของผู้อำนวยการหลิน รถตำรวจหลายคันจอดออกันอยู่หน้าประตู เมื่อโจวเจ๋อเดินก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็วนั้น ก็มองเห็นตำรวจสิบกว่านายยืนกังวลอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องฉุกเฉิน โจวเจ๋อยังพอจะรู้จักสองสามคนในนั้นด้วย พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจางเยี่ยนเฟิง ตำรวจหญิงหลายคนกำลังร้องไห้อยู่ตรงนั้น ส่วนตำรวจหนุ่มก็มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เช่นกัน
ให้ตายเถอะ คงไม่ใช่ว่าเหล่าจางจะได้รับการเชิดชูเกียรติคุณจริงๆ ใช่ไหม
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรไปที่โทรศัพท์ของผู้อำนวยการหลิน ฝ่ายนั้นไม่รับและตัดสายทิ้งทันที
แต่ไม่นานพยาบาลสาวก็วิ่งมาหาโจวเจ๋อ โจวเจ๋อตามเธอเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายใต้ความช่วยเหลือของพยาบาลสาว โจวเจ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินผ่านทางเดิน ซึ่งก็คือการเดินที่ต้องแทรกผ่านระหว่างตำรวจสิบกว่านายนั้นไป
เมื่อพยาบาลเปิดประตู โจวเจ๋อเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
…
‘ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…”
เสียงอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ในห้องฉุกเฉินรวมไปถึงร่างของแพทย์และพยาบาลหลายคนที่กำลังรีบเร่งบนเตียงผ่าตัด ต่างอธิบายให้เห็นว่าสถานการณ์ในเวลานี้ย่ำแย่และยากลำบากเพียงใด
โดยเฉพาะเสียงของอุปกรณ์ตรวจสอบต่างๆ ยิ่งน่ารำคาญ
อันที่จริง สำหรับคนทั่วไป ไม่รู้จักว่าเครื่องมือตรวจสอบเหล่านี้คืออะไรและมีไว้เพื่ออะไร ตราบใดที่พวกมันอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ไม่ร้องละก็ โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ทว่าตอนนี้ ปัญหาไม่อาจเรียกว่าเล็กน้อยได้เลย
โจวเจ๋อเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อำนวยการหลิน ผู้อำนวยการหลินหลีกทางให้โจวเจ๋อ ในขณะเดียวกันก็แนะนำ
“บาดแผลไฟไหม้รุนแรง ถูกเผาไหม้มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พวกเรากำลังทำความสะอาดบางส่วน ส่วนลำดับต่อไปคุณช่วยสั่งการด้วยค่ะ”
ผู้อำนวยการหลินไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างโจวเจ๋อกับจางเยี่ยนเฟิง เหตุผลที่เธอเชิญโจวเจ๋อมา ก็เพราะว่าเธอหวังว่าจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของผู้บาดเจ็บเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนที่ผู้บาดเจ็บถูกส่งเข้ามา ว่ากันว่าเพื่อปกป้องเด็กอนุบาลและต่อสู้กับคนร้ายถึงได้ถูกไฟคลอก
“ถ้าหากว่า…” โจวเจ๋อปริปากพูด
“ถ้าหากว่าอะไรครับ”
“ถ้าหากว่าเขาตายแล้ว สามารถรั้งดวงวิญญาณของเขาไว้ได้ไหม”
“อะไรนะ” ทนายพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ถ้าหากว่าเขาตายแล้ว สามารถรั้งดวงวิญญาณของเขาให้อยู่ได้ไหม”
“เขาไม่ได้ตายอย่างเคียดแค้นสักหน่อย กลายเป็นผีร้ายไม่ได้ ถ้าหากว่าตายจริงๆ ก็เป็นการเสียสละ คนอย่างนี้หลังจากตายไปแล้วคาดว่าจะลงนรกไปอย่างมังกรตัวหนึ่งด้วยซ้ำ หากมีการรับรองนามและจัดพิธีรำลึกให้เขาบนโลกด้วย เขาก็จะทุกข์น้อยลงและจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษในนรก”
“ผมหมายถึง จะมีวิธีช่วยกลับมาได้ไหม”
“เหอะๆ คิดมากไปแล้ว”
“มียมทูตตนหนึ่งทำกับผมอย่างนี้ในตอนแรกน่ะ
โจวเจ๋อนึกถึงน้องภรรยาคนนั้น
“คุณเป็นคนธรรมดาเหมือนอย่างเขาเหรอ” ทนายอันพูดจาเหลวไหล
ถ้าคุณเหมือนกันกับเขา ผมจะแบ่งหุ้นสองต่อแปดกับคุณไปทำไม
“คุณสามารถส่งผีข้ามแดนมาได้ไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อถาม “ที่ผมยังมีหนังสือรับรองยมทูตอยู่อีกสองสามเล่ม สามารถยกให้เขาใช้ได้ ทงเฉิงก็ขาดยมทูตหนึ่งตนอยู่พอดี!”
“นี่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ผมมีหน้าที่รับผิดชอบวิญญาณร้ายที่หลบหนีออกจากนรกสำเร็จ หน้าที่นี้ก็มีข้อจำกัดในตัวเอง ใต้ดินมีวิญญาณกี่ดวงล่ะ ไม่อาจนับได้ด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่าหลังจากเขาลงนรกแล้วได้เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการจลาจลที่หลบหนีได้สำเร็จ อีกทั้งเขายังเป็นหนึ่งในกลุ่มวิญญาณที่หลบหนีได้สำเร็จอีกด้วย นี่ไม่ใช่หนึ่งในล้าน ความยากนี้เทียบเท่ากับการหยดน้ำทิ้งลงทะเล แล้วคุณค่อยตามหาหยดน้ำที่เหมือนกันนี้อีกครั้ง!”
โจวเจ๋อเลียริมฝีปาก และจับผมตัวเองด้วยมือข้างเดียวอย่างแรง
“จะต้องมีหนทางแน่ๆ ต้องมีอย่างแน่นอน”
“สิ่งที่ถูกคุณส่งลงนรกได้ เดิมมันคือวิญญาณร้าย หรือวิญญาณที่มีห่วง เขามีห่วงไหมล่ะ
อีกทั้ง หากคุณฝืนรั้งดวงวิญญาณธรรมดาของเขาไว้ รังแต่จะทำให้วิญญาณของเขาสูญสลายไปก็เท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณ ผม และผู้ลักลอบคนอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ทุกคนอยู่ภายใต้ความโชคดีสุดๆ ถึงได้เกิดเป็นกรณีพิเศษได้
ถ้าสามารถทำได้สำเร็จเป็นจำนวนมากในแต่ละรอบจริงๆ งั้นก็เป็นคงบรรลุธรรมสำเร็จมรรคผล หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์เบื้องบนไปหมดแล้วละ ตัวเองไม่ตาย แถมยังพาครอบครัวรอดอีกด้วย มีเรื่องดีๆ อย่างนี้ด้วยเหรอ”
“หุบปาก ให้ผมอยู่เงียบๆ สักครู่”
“…” ทนายอัน
ในเวลานี้เอง พยาบาลนางหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย วิ่งมาที่หน้าประตูห้องทำงาน หอบหายใจถี่ๆ พร้อมตะโกนเรียกโจวเจ๋อ
“หมอสวีคะ ผู้อำนวยการหลินให้ฉันมาเรียกคุณค่ะ บะ…บอกว่า…บอกว่าผู้ป่วยเกิดปฏิกิริยาช็อกอย่างรุนแรง”
………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล