สรุปตอน ตอนที่ 337 ปฏิบัติการช่วยชีวิตเหล่าจาง – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 337 ปฏิบัติการช่วยชีวิตเหล่าจาง ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 337 ปฏิบัติการช่วยชีวิตเหล่าจาง
พวกเด็กๆ กลับไปแล้ว ตอนแรกมีเด็กแค่คนสองคนเท่านั้นที่ตกใจจนร้องไห้เพราะฉากที่เห็นในห้องผู้ป่วยหนัก จากนั้นเด็กคนอื่นๆ ก็พากันร้องไห้ตาม
แม้ว่าเด็กส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม แต่ก็พากันร้องไห้ตามไปก่อน ถ้าไม่รู้ก็อาจคิดว่าเหล่าจางซี้แหงแก๋ไปแล้ว และเด็กเหล่านี้มาร้องไห้ร่วมไว้อาลัย
แน่ละว่าไม่มีใครที่จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจเด็กเหล่านี้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กเท่านั้น
สาเหตุที่โจวเจ๋อและลูกชายของเหล่าจางขำ ก็เพราะรู้สึกว่าเด็กเหล่านี้น่ารัก ใช่ พวกเขาน่ารักจริงๆ
เพราะเหล่าจางสละชีวิตช่วยพวกเขา เมื่อได้มาเห็นเด็กที่ไร้เดียงสาและอ่อนแอเหล่านี้ร้องไห้โหวกเหวกเสียงดังตรงหน้า ก็เป็นเรื่องที่มีความสุขอย่างหนึ่ง
ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าการเสียสละของพ่อเขานั้นมันคุ้มค่ามาก ดอกไม้ที่บอบบางเหล่านี้ต้องการพวกผู้ใหญ่คอยดูแลปกป้องจริงๆ
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียพ่อและการได้เห็นความน่ารักของเด็กๆ เหล่านี้ ทำให้เขาร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆ กัน อารมณ์นั้นช่างซับซ้อนเหลือเกิน
พวกพ่อแม่ของเด็กๆ ทำได้แค่เข้ามาดูลูกของตัวเอง จากนั้นเข้ามาแสดงความเสียใจและกล่าวคำอวยพรกับชายหนุ่มทีละคน ในขณะเดียวกันก็ยัดนามบัตรของตัวเองให้
ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้า คำที่พูดตอบออกไปคือ ‘เป็นหน้าที่ที่ควรทำ’
สำหรับเหล่าจางแล้ว เขาเป็นตำรวจ เสียสละเพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วจริงๆ มันคือเกียรติยศอย่างหนึ่ง และยังเป็นเกียรติประวัติของครอบครัวตำรวจอีกด้วย หลังจากที่รอให้เด็กและพวกผู้ปกครองออกไปหมดแล้ว ทางเดินนอกห้องผู้ป่วยหนักก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“หิวหรือยัง” โจวเจ๋อถาม
ชายหนุ่มส่ายหน้า
“จริงสิ ยังไม่ได้ถามเลยว่านายชื่ออะไร”
“จางเฟิง”
“อืม”
“เมื่อไม่นานมานี้พ่อโทรหาผมและเคยบอกอยู่เรื่องหนึ่ง”
“อะไรเหรอ”
“บอกว่าเขามีสมุดบันทึกอยู่ในตู้เซฟที่บ้าน ถามผมว่าอยากอ่านไหม”
“หืม”
“ตอนนั้นผมตอบไปว่าอยากอ่าน ผมคิดว่าในนั้นน่าจะเป็นบันทึกประวัติและประสบการณ์ในการจัดการคดีต่างๆ ของพ่อผมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากสำหรับผม แต่พ่อบอกว่าห้ามอ่านมันตอนนี้ หากวันไหนพ่อไม่อยู่แล้วถึงจะอ่านได้”
โจวเจ๋อเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เพราะอาชีพตำรวจอาชญากรรมมันหลีกเลี่ยงความเป็นความตายไม่ได้มาตั้งนานแล้ว พ่อเองก็มักจะพูดประโยคนี้ติดปากอยู่เสมอ”
โจวเจ๋อเหมือนจะจำได้ว่าช่วงก่อนหน้าที่ตัวเองอยู่ด้วยกันกับจางเยี่ยนเฟิงเคยพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมุดบันทึก บอกว่าถ้าจางเยี่ยนเฟิงตายให้ทิ้งสมุดบันทึกเอาไว้ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและตัวเองเอาไว้เล็กน้อยด้วย ถึงเวลานั้นให้ลูกชายของเขาที่จะกลายเป็นตัวเอกคล้ายในละครโทรทัศน์แนวผจญภัยล่าสมบัติเอาสมุดบันทึกมาค้นหาโจวเจ๋อ
จางเยี่ยนเฟิงเจ้านั่นคงไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม นี่เขาแช่งให้ตัวเองตายไม่ใช่หรือไงเนี่ย
อีกอย่าง คุณตายไปแล้วก็แล้วกันไปสิ ทำไมยังต้องโยนลูกของคุณมาอีกล่ะ จะให้เขาอ่านสมุดบันทึกตอนดึกดื่นค่อนคืนแล้วมาคอยสังเกตการณ์ร้านหนังสือของผมหรือไง ร้านของผมไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กเสียหน่อย
โจวเจ๋อตัดสินใจรอให้เหล่าจางหมดลมหายใจสุดท้ายก่อนแล้วค่อยมานั่งจับเข่าคุยกับวิญญาณของเขา เรื่องช่วยดูแลลูกของเขานี่ โจวเจ๋อไม่ว่างมาสนใจหรอกนะ
ก่อนหน้านี้ที่คุณขยันหาคดีมาให้ผม ผมก็รำคาญมามากพอแล้ว อย่าถึงกับต้องรอให้ลูกคุณเรียนจบแล้วผมยังต้องมานั่งคิดวางแผนเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้เขาเลย อีกอย่างโจวเจ๋อก็ไม่ใช่คุณปู่ที่อาศัยอยู่ในแหวนมิติด้วย ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อดังขึ้น เป็นสายของทนายอัน
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล คุณอยู่ที่ไหนน่ะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ผมอยู่ในโรงพยาบาล”
“โอเค ผมเดาถูกว่าคุณอยู่ในโรงพยาบาล รอก่อน ผมจอดรถเสร็จแล้วจะขึ้นไป”
โจวเจ๋อลุกขึ้นและเหลือบมองจางเฟิงที่ยังนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น ไม่ได้ปลอบอะไรต่อเพียงแค่เดินออกไป
ได้เจอกับทนายอันตรงหน้าประตูลิฟต์แล้ว ท่าทางของทนายอันดูลุกลี้ลุกลน คล้ายกับเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น
“เป็นอะไร”
“คุณลองดูนี่สิ”
ขณะที่พูด ทนายอันก็ยื่น ‘คุกเดือด’ ในมือตัวเองให้โจวเจ๋อ
“ดูบทความสุดท้ายเรื่องนั้นสิ”
โจวเจ๋อพลิกเปิดไปถึงหน้าท้ายๆ และเจอเรื่องนั้นแล้ว หลังจากอ่านข้อความคร่าวๆ จนจบแล้ว เขารีบพลิกมาดูตรงหน้าปกอีกครั้ง หลังจากยืนยันสถานที่ตีพิมพ์วารสารเล่มนี้แล้ว โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันที
“คุณเองก็รู้จักคนคนนั้นเหรอครับ” ทนายอันประหลาดใจเล็กน้อย
โจวเจ๋อพยักหน้า พูดขึ้นทันที “แต่ก็ไม่มากนัก”
“ผมเองก็รู้ไม่มากนักหรอก เป็นเขานั่นละบอกให้ผมอ่านบทความนี้ จากนั้นผมก็คิดโยงมาถึงตอนนี้โดยสัญชาตญาณ” ทนายอันยื่นมือจิ้มๆ ทางห้องผู้ป่วยหนักตรงนั้น
“คนที่อยู่ในคุกเป็นน้องเขยของคนที่นอนอยู่ที่นี่”
“อ้าว”
“งั้นคุณไปหาศพเป็นๆ มา เมื่อถึงเวลาให้จัดการเอาไปวางไว้ตรงนั้น ผมจะหาโอกาสเข้าไปคุยกับเหล่าจางในห้องผู้ป่วยหนัก บอกเขาว่าหลังจากตายไปแล้ววิญญาณต้องไปที่ไหน”
“ครับ เอาอย่างนี้ก็ได้”
สำหรับทนายอันแล้วเรื่องหาศพนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร ถึงอย่างไรมันก็เป็นอาชีพเก่าของเขา เมื่อก่อนตอนที่ทำธุรกิจ ร่างที่ลูกค้าเหล่านั้นขึ้นมาสิงสู่ก็เป็นศพที่เขาจัดหาไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน
อันที่จริง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นศพที่เพิ่งตายสดๆ ร้อนๆ เท่านั้นถึงจะเข้าร่างได้ ขอเพียงแค่หาศพที่เหมาะสม สวดคาถาร่ายมนต์และวางค่ายกลบางอย่างให้มันสดใหม่ก็หมดเรื่องแล้ว
ในความเป็นจริง ทำไมทนายอันถึงจัดการส่งลูกค้าของเขาเข้าไปในโรงพยาบาลจิตเวชหรือเรือนจำได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
มันมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ
ต้องบอกว่าทนายอันลับหลังก็ทำงานบางอย่างที่คล้ายกับแบทแมน ถึงอย่างไร บางคนถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่บาปกรรม กระทั่งเดิมทีเป็นผู้ร้ายหลบหนีอยู่ก่อนแล้ว แน่ละว่าทนายอันไม่ถึงกับออกไปลงมือฆ่าคนจริงๆ หรอก แต่ถึงจะไม่ได้ลงมือเองตรงๆ กลับมีวิธีทำให้คนตายมากมายถมไป
หลังจากตกลงเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว ทนายอันค่อนข้างใส่ใจเรื่องของโจวเจ๋อ แม้กระทั่งบางครั้งเขายังเรียกเถ้าแก่โจวตามสาวน้อยโลลิรวมถึงไป๋อิงอิงด้วย
แม้จะบอกว่าเขาไม่สนใจจะช่วยแอบยักย้ายถ่ายเทดวงวิญญาณตำรวจคนนี้ แต่กลับไม่ได้ขัดขวางและทำงานที่โจวเจ๋อมอบหมายให้จนสำเร็จลุล่วง
ในความเป็นจริง อย่ามองว่าร้านหนังสือเลี้ยงปลาเค็มไว้ตั้งมากมาย ไม่สิ เลี้ยงพนักงานไว้ตั้งมากมาย แต่คนที่มีความสามารถทางวิชาชีพอย่างทนายอัน แทบจะหาคนมาแทนไม่ได้อีกแล้ว
ช่วงสองทุ่มกว่าๆ ทนายอันโทรมา บอกว่าหาตำแหน่งนั้นเจอแล้ว ที่ตำบลซิ่งเหริน เขตทงโจว มีร้านขายเนื้อหัวหมูชุยจี้ชื่อดังอยู่ร้านหนึ่ง ประตูหน้าร้านบนถนนหันหน้าไปทางสี่แยกที่มีสัญญานไฟจราจรพอดิบพอดี
นอกจากนั้น ศพก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว
สำหรับวิธีการจัดเตรียมศพให้พร้อมใช้ได้รวดเร็วอย่างนี้ได้อย่างไรนั้น โจวเจ๋อไม่ได้ถามรายละเอียด
โจวเจ๋ออาศัยโอกาสตอนช่วงราวนด์วอร์ดให้เป็นประโยชน์ เข้าไปพูดคุยกับเหล่าจางในห้องผู้ป่วยหนักอยู่ครู่หนึ่ง เหล่าจางยังไม่ฟื้นและไม่ได้สติเช่นกัน โจวเจ๋อก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินมันหรือเปล่า
แต่ลูกชายของเหล่าจาง จางเฟิงรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่โจวเจ๋อคุยเรื่องเนื้อหัวหมูอร่อยหัวหมูรสชาติดีกับพ่อของเขาที่อยู่ในอาการโคม่าอยู่นานสองนาน
เป็นลูกพ่อมาตั้งหลายปีแล้ว เขาไม่ยักกะรู้ว่าพ่อของเขามีความอาลัยอาวรณ์กับเนื้อหัวหมูมากขนาดนี้
เมื่อถึงเวลาตีหนึ่ง ก็ถึงวันที่ 30 กรกฎาคมแล้ว โจวเจ๋อยืนรออยู่นอกห้องผู้ป่วยหนัก แม้ว่าจางเฟิงจะง่วงมากแต่เขาก็ไม่นอน
ทันใดนั้น เครื่องติดตามสัญญาณชีพเริ่มส่งสัญญาณเตือน พวกหมอและพยาบาลรีบวิ่งกรูเข้ามา อาการของผู้ป่วยอยู่ในขั้นวิกฤติ หลังการช่วยเหลือล้มเหลว ในที่สุดเหล่าจางก็จากไปอย่างมีเกียรติ
จิตใจของจางเฟิงดูเวิ้งว้าง หลังพิงกำแพง ดวงตาทั้งคู่ว่างเปล่า น้ำตาไหลพรูอีกครั้ง จากนั้นเขามองไปข้างๆ กลับเห็นโจวเจ๋อที่สวมชุดกาวน์สีขาวกำมือแน่นและโบกมือ ทั้งยังตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เยส!”
“…” จางเฟิง
………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล