ตอนที่ 338 พังหมดแล้ว!
โจวเจ๋อที่ยืนอยู่นอกห้องผู้ป่วยหนักกำลังรอดวงวิญญาณของเหล่าจางปรากฏ หากจะทำให้มันหรูหราอีกสักหน่อย ยังสามารถส่งมอบดอกไม้และยื่นไมโครโฟนให้ แล้วเชิญเหล่าจางกล่าวความรู้สึกของการจากไปอย่างสมเกียรติของตัวเองหน่อย
น่าเสียดายที่ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้จริงๆ ไม่สามารถเพิ่มขนาดขอบข่ายได้ ไม่อย่างนั้นคงสามารถเชิญเหล่าจางมาเปิดทัวร์บรรยายเกียรติประวัติส่วนตัวหรืออะไรทำนองนี้ไปทั่วประเทศแล้วจริงๆ
แต่ทว่า ทันใดนั้นกลับมีลมพัดกระโชกแรง ไฟตรงทางเดินพลันสั่นไหวไปพร้อมเพรียงกัน คนธรรมดาอาจรู้สึกเฉยๆ จู่ๆ เกิดปัญหาแรงดันไฟฟ้าขึ้นมาเป็นเรื่องที่ปกติมาก
แต่ร่างกายของเถ้าแก่โจวกลับสั่นสะท้านอย่างแรง รีบผลักประตูห้องผู้ป่วยหนักและพุ่งเข้าไปทันที แต่ทว่าเงาดำกลับเร็วยิ่งกว่าโจวเจ๋อเสียอีก มันลอยผ่านเหนือเตียงผู้ป่วยไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินโฉบออกไปทางหน้าต่าง
ร่างไร้วิญญาณของเหล่าจางนอนอย่างสงบอยู่ตรงนั้น แต่ดวงวิญญาณของเขาหายไปแล้ว!
ทำไมโครงเรื่องไม่เหมือนกับที่เกิดขึ้นในเรื่องเล่านั้นล่ะ
เนื้อเรื่องไม่ได้บอกว่าเหล่าจางลอยไปที่นั่นเองหรอกหรือไง อย่างนั้นเงาดำที่เพิ่งโผล่มานั้นมันคืออะไร!
อันที่จริงอาจเป็นเพราะทนายอันใส่ใจจนได้เรื่อง รีบร้อนอยากแสดงเหตุผลของการมีอยู่ของตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสุนัขรับใช้ตัวใหม่ที่ขอมาพึ่งพาอาศัย จะต้องมีความปรารถนาในการแสดงความสามารถของตนอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้พูดถึงจุดสำคัญที่นักโทษคนนั้นเตือนมา นี่ไม่ใช่ว่าเขาจงใจไม่พูด แต่เขาอาจจะมองข้ามมันไปเอง นั่นก็คือประโยคที่ว่า ‘พวกคุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น’
ประโยคนี้มีอีกความหมายหนึ่งนั่นก็คือ หากพวกคุณเข้ามายุ่งกับสิ่งต่างๆ อย่างนั้นสิ่งต่างๆ ก็จะย้อนกลับมาสร้างความยุ่งเหยิงให้พวกคุณ
เถ้าแก่โจวรีบพุ่งออกจากตึกสูงของโรงพยาบาลไปราวกับคนบ้า และมองไปรอบๆ ไม่หยุดหย่อนตรงลานจอดรถ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาผีสักตัว
เล็บยาวงอกออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นถูกโจวเจ๋อปักลงใต้ดิน มวลหมอกสีดำเริ่มแผ่กระจายออกจากปลายนิ้วและเริ่มแผ่ขยายออกไปทางทิศเหนืออย่างต่อเนื่อง
อยู่ตรงนั้น!
โจวเจ๋อรีบวิ่งไปทางนั้นทันที ในเมื่อหมอกสีดำสามารถนำทางได้ นั่นก็หมายความว่าสิ่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากเขา
ด้านนอกโรงพยาบาลเป็นถนนสายหนึ่ง เมื่อโจวเจ๋อทะลุผ่านถนนสายนี้ไปแล้ว กลับเป็นสวนสีเขียวชอุ่มนอกชุมชนเล็กๆ
เมื่อวิ่งมาถึงที่นี่ โจวเจ๋อก็หอบแฮกๆ แล้ว
‘จิ๊บๆ…จิ๊บๆ…’
เสียงนกร้องเหรอ
โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น มองเห็นนกฮูกตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่กิ่งไม้บนต้นไม้ที่อยู่เยื้องๆ ด้านหน้า ดวงตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ อีกทั้งตรงหางของนกฮูกตัวนั้น กลับจับเอาแสงแวววาวเป็นประกายสีเทาเอาไว้ นั่นคือดวงวิญญาณ!
ในขณะเดียวกันกับที่โจวเจ๋อพบนกฮูกตัวนี้ นกฮูกเองก็พบโจวเจ๋อเช่นเดียวกัน มันกระพือปีกและเริ่มบินออกไป
หากปล่อยให้มันบินออกไปได้ ก็จะเป็นท้องฟ้าสูงแล้วแต่นกจะโบยบินจริงๆ เลยทีนี้ เว้นเสียแต่ว่าเถ้าแก่โจวจะแปลงร่างเป็นยอดมนุษย์ไข่เค็มหรือที่เรียกกันว่าอุลตร้าแมน ไม่อย่างนั้นจะไล่ตามไปทำซากอะไร!
อีกอย่างโจวเจ๋อยังพบว่า ดวงวิญญาณของเหล่าจางกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ และอาจจะเหลือแค่ครึ่งชั่วโมงที่เหล่าจางจะต้องสลายไปอย่างสมบูรณ์
หากต้องการรั้งวิญญาณของเหล่าจางเอาไว้ โจวเจ๋อก็ทำได้ ทว่าเว้นเสียแต่ว่าเหล่าจางเป็นประเภทที่มีความหมกมุ่นเคียดแค้นฝังลึก ไม่อย่างนั้นหากเดิมทีเขาถูกกำหนดให้ตายแล้วตกนรกไป โจวเจ๋อยังดื้อรั้นฝืนรั้งเขาเอาไว้ วิญญาณของเหล่าจางก็จะค่อยๆ เลือนหายไปเหมือนในตอนแรกที่โจวเจ๋อเพิ่งกลับออกมาจากนรก
นี่เป็นปมใหญ่ที่สุดที่โจวเจ๋อเคยเผชิญมาก่อน เดิมทีคิดว่าสามารถอาศัยปากกาด้ามนั้นแก้ไขได้ แต่ตอนนี้ดันเกิดความผิดพลาดระหว่างทางเสียได้
“กลับ…มานะ!”
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปตามสัญชาตญาณ มวลหมอกสีดำจากเล็บทั้งสิบนิ้วขยายออกไปอย่างรวดเร็ว และล้อมรอบนกฮูกตัวนั้นเอาไว้ในพริบตา
โจวเจ๋อประสานมืออย่างรวดเร็ว มวลหมอกสีดำปลกคลุมนกฮูกเอาไว้ในฉับพลัน ร่างนกฮูกสั่นสะท้านทันที ก่อนจะกลับหัวร่วงดิ่งลงบนพื้น
โจวเจ๋อรีบพุ่งเข้าไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ ก็มีควันสีดำพุ่งออกมาจากร่างของนกฮูก ร่างของนกฮูกกลายสภาพเป็นซากกระดูกแห้งกรังในชั่วพริบตาเดียว แม้แต่ขนนกก็ขาดรุ่งริ่ง
ควันสีดำแผ่กระจายออกเป็นรูปร่างลักษณะคล้ายกับลิง แต่ไม่ใช่ลิงแน่นอน เป็นสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีใบหน้าดุจเทพแห่งสายฟ้า
โจวเจ๋อลืมไปแล้วว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์ของของเล่นชิ้นนี้คืออะไร แต่เขาจำได้ว่าตอนที่เขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำในร้านหนังสือเหมือนเคยเปิดอ่านบทแนะนำที่คล้ายๆ กันนี้ใน ‘ตำราขุนเขามหาสมุทร’ อยู่เลย
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะว่าคล้ายปีศาจก็ไม่ใช่ คล้ายกับภูตผีก็ไม่เชิง มีสามหาง กรงเล็บแหลมคม บนตัวมีเกล็ดปลา ว่ากันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่ทะเลแห่งความตาย
แน่นอนว่ามันเป็นแค่สิ่งเล็กๆ และไม่ค่อยมีบันทึกใน ‘ตำราขุนเขามหาสมุทร’ เพราะว่ามันไม่เตะตาจริงๆ
สวี่ชิงหล่างเคยช่วยโจวเจ๋อเลือกหนังสืออยู่หลายเล่มด้วยกัน ล้วนแต่เป็นนวนิยายแฟนตาซีลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งนั้น ในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้มีนักปราชญ์คนหนึ่งเคยเขียนหนังสือ ‘ตำนานผีในบ่อน้ำ’ เจ้าสิ่งนี้เคยถูกบันทึกไว้ในนั้นโดยเฉพาะ เขาตั้งชื่อมันไว้ว่า ‘แร้งผี’ อันที่จริงนี่มันคล้ายกับฉายามากกว่า
ในนั้นมีการแนะนำเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้เอาไว้คร่าวๆ บอกว่าพวกมันชอบออกหากินบริเวณหลุมศพ ชอบกินดวงวิญญาณและพลังหยางจากคนเป็น ในยามที่เกิดกลียุคสิ่งเหล่านี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อยุคแห่งสันติภาพมาถึง สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ หมดไปหรือแม้กระทั่งหายเข้ากลีบเมฆไปเลย
แต่ตอนนี้เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าเขาถูกแจ็กพอตหรือไม่ก็เหล่าจางดวงซวยถูกลอตเตอรี่เข้าแล้ว ดันถูกแร้งผีที่พลัดหลงผ่านมาจับตามองและตัดหน้าโฉบเอาดวงวิญญาณไป ความน่าจะเป็นนี้เหมือนกับตอนที่กำลังปิกนิกอยู่ในป่าแล้วดันเจอเข้ากับกับเสือโคร่งจีนใต้
ต้องขอบคุณที่เถ้าแก่โจวที่ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ และไม่เปิดโอกาสให้แร้งผีตัวนี้ได้กินเป็นอาหาร ตอนนี้ดวงวิญญาณของเหล่าจางยังคงติดพันอยู่บนหางของแร้งผี หากโจวเจ๋อมาช้าอีกนิด ดวงวิญญาณเหล่าจางอาจจะถูกกินเป็นยาชูกำลังไปตั้งนานแล้วก็ได้
“เด็กดี ปล่อยวิญญาณไปซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกได้ตายแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล