ตอนที่ 347 โจวเจ๋อและปากกา
โจวเจ๋อเขี่ยขี้บุหรี่และหาวหวอดๆ อีกรอบ ก่อนจะบิดคอแก้เมื่อย แต่แล้วก็หยุดเคลื่อนไหวไปเสียเฉยๆ
เพราะจู่ๆ เขาก็ลืม ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ ทำไมดึกดื่นค่อนคืนแล้วเขาถึงไม่นอนกอดไป๋อิงอิงหลับที่ร้านหนังสือ แต่กลับขับรถถ่อมารับลมตั้งไกลถึงหน้าประตูเรือนจำแทน
ในชั่ววินาทีตรรกะในหัวถูกทำให้บิดเบี้ยวแตกกระจายไม่ปะติดปะต่อ คล้ายกับว่ามีเหตุการณ์สำคัญอะไรถูกดึงออกไปอย่างกะทันหัน เป็นผลให้ส่วนที่เหลืออยู่จับต้นชนปลายไม่ได้
โจวเจ๋อพยายามเรียบเรียงความคิดของเขา เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาน่าจะกำลังช่วยชีวิตจางเยี่ยนเฟิงอยู่ที่โรงพยาบาล แต่แล้ววิญญาณของจางเยี่ยนเฟิงก็ลอยวับไปที่ร้านขายเนื้อหัวหมูเอง ตรงร้านขายเนื้อหัวหมูมีไฟจราจรอยู่ด้วย จากนั้นก็เจอเข้ากับอันปู้ฉี่ อันปู้ฉี่ได้เตรียมศพล่วงหน้าเอาไว้รอให้จางเยี่ยนเฟิงยืมซากศพคืนชีพ และยังใช้หนังสือรับรองยมทูตที่โจวเจ๋อมอบให้เขาด้วย
ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
โจวเจ๋อก้มหน้าบังคับให้ตัวเองพยายามนึกให้ออก เพราะจุดที่ย้อนแย้งที่สุดคือ ทำไมเขาถึงขับรถมาที่เรือนจำอีกล่ะ สรุปแล้วเขามาทำอะไรที่เรือนจำ
เขานึกไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลย ถ้าบอกว่าตอนกลางคืนเขาเบื่อๆ ไม่มีอะไรก็เลยขับรถออกมากินลมชมวิว แล้วคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ จนขับรถมาถึงชานเมืองที่เปล่าเปลี่ยวห่างไกลโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนพออธิบายได้ แม้ว่ามันจะดูทื่อๆ ไปหน่อยก็ตาม
แต่พอมองรถที่ตัวเองขับอยู่อีกที นี่ไม่ใช่รถของทนายอันและไม่ใช่รถนิสสันของเหล่าสวี่ มีใบขับขี่อยู่ใต้ร่องด้านล่างข้างตัว มันเป็นรูปและชื่อของคนแปลกหน้าอีกคน
ถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนธรรมดา อาจจะคิดว่าตัวเองเสียสติไปแล้ว หรือปิดปากอุทานว่าตัวเองเจอ ‘เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ’ แต่ปัญหาอยู่ที่โจวเจ๋อจะอุทานเลียนแบบว่า ‘น่ากลัวจังเลย ฉันเจอเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ’ ได้น่ะหรือ
โจวเจ๋อเปิดประตูรถและเดินออกไป มองสอดส่องไปรอบๆ ไม่หยุด ด้านหน้าไม่ไกลมากคือกำแพงสูงตระหง่านของเรือนจำ ถนนหน้าเรือนจำไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านในตอนกลางคืน รอบๆ มีจักจั่นร้องระงมไม่หยุด โจวเจ๋อเบิกตากว้างพักหนึ่งแล้วหรี่ตาลงอีกครั้ง
“ฉันเป็นใคร ฉันมาจากที่ไหน แล้วฉันจะไปที่ใด”
โจวเจ๋อกัดฟันกรอด คิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่าง เพราะความจำเสื่อมกะทันหันของเขาในครั้งนี้มันทำให้ตอนนี้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก
เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาทนายอัน เพราะโจวเจ๋อจำได้ว่าเขาได้เจอกับทนายอันก่อนเขาจะมาที่เรือนจำ ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
“ฮัลโหล เถ้าแก่”
“เหล่าอัน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง” อันปู้ฉี่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออกแล้วรีบพูดขึ้นทันที “ตำรวจคนนั้นฟื้นแล้วนะ ตอนนี้ยังหมดสติอยู่ แต่ร่างกายมีสัญญาณของการหายใจและการเต้นของหัวใจที่คงที่แล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้วละ”
ไม่ใช่ เรื่องเหล่าจางยังไม่รีบร้อน
“ตอนนี้ผมอยู่หน้าประตูเรือนจำ คุณจำได้ไหมว่าผมมาที่หน้าประตูเรือนจำทำไม”
ทนายอันตะลึงงัน จากมุมมองของเขา ถ้าคุณบอกว่าตัวเองอยู่หน้าสโมสรหรือหน้าตลาดขายผัก แล้วคุณถามผมว่าคุณมาที่นี่ทำไม ยังสามารถตอบได้ แต่คุณถามผมว่าดึกดื่นค่อนคืนแล้วทำไมถึงถ่อไปที่หน้าเรือนจำได้ หรือว่าคุณคิดจะมอบตัวเข้าคุกกันนะ
หรือว่าอีกฝ่ายหมายถึงอย่างอื่น กำลังบอกใบ้อะไรเขาอยู่หรือเปล่านะ
“เถ้าแก่”
“หืม”
“ถ้าคุณมีอะไรจะต่อว่าผม คุณสามารถบอกมาได้เลยนะครับ”
ความหมายโดยนัยก็คือไม่ต้องยึกยักอ้อมค้อม สาดโคลน หรือตีวัวกระทบคราดพวกนี้หรอก
“เอ่อ…”
“ผมมีลูกค้าคนหนึ่งอยู่ในเรือนจำ คุณไปที่นั่นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า ผมจำได้ว่าผมเคยบอกคุณไปแล้วนะ แถมส่วนแบ่งก็จะแบ่งให้คุณด้วย ไม่ต้องรีบหรอก เรื่อง…”
“ไม่ใช่เรื่องนี้”
โจวเจ๋อขัดจังหวะความคิดของทนายอัน
“ปัญหามันอยู่ที่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมผมถึงถ่อมาที่นี่กลางดึก”
“งั้น…คุณก็กลับมาเถอะครับ กลับมาพักผ่อนให้สบาย จริงสิ เถ้าแก่ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อย”
“ว่ามา”
“ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หมกมุ่นจะนอนกับผีดิบสาวตนนั้นให้ได้อยู่นั่นแหละ ผมถามนักพรตเฒ่าแล้ว เขาก็บอกว่าคุณก็นอนกับเธอด้วย คุณดูสิ ผมก็เป็นโรคนอนไม่หลับเหมือนกะ…”
“หยุดพล่าม”
“ซี้ด…” ทนายอันรู้สึกเจ็บปวดมาก
ในความคิดของโจวเจ๋อ สาวน้อยโลลิอยากนอนด้วยยังพอทนไหว เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ ได้เห็นไป๋อิงอิงที่อวบอิ่มและน่ารักไร้เดียงสาเป็นอันดับแรก แล้วค่อยเห็นสาวน้อยโลลิที่นอนอยู่ข้างๆ และนอนคว่ำทับบนตัวเขา มันก็ยังถือว่าเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง
แต่ถ้าเพิ่มทนายที่มีขนขาดกคนนี้โผล่เข้ามาอีก ต้องมีผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาไปทั้งวันแน่ๆ แม้ว่าทนายอันจะอยากหอบเสื่อผืนหมอนใบเข้ามานอนข้างเตียงเพื่อขออาศัยใช้ ‘เครื่องปรับอากาศ’ ด้วยก็ไม่ได้เช่นกัน
“งั้นผมก็จะนั่งทำสมาธิต่อไปให้หนัก” ทนายอันจนปัญญา
“ผมอยากลองเข้าไปในเรือนจำดูน่ะ” จู่ๆ โจวเจ๋อก็พูดขึ้น
“เข้าไปในเรือนจำเหรอ”
“ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมผมถึงถ่อมาถึงที่นี่กลางดึก”
…
‘กริ๊งงง…กริ๊งงงง….’
เสียงโทรศัพท์ดัง พัศดีวัยใกล้เกษียณอายุหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างไม่พอใจนิดหน่อย เมื่อคนอายุมากแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม อีกสองปีเขาก็จะเกษียณแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล