ตอนที่ 348 พาข้าไปด้วย! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล
ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 348 พาข้าไปด้วย! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 348 พาข้าไปด้วย!
แม้ว่าโจวเจ๋อจะไปแล้ว แต่นักโทษที่ ‘เลือดออกบริเวณรูดาก’ ซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ในห้องขังของเรือนจำคนนั้น ตอนนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนอน
เขาห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ดวงตาทั้งคู่แง้มเปิดออกดูข้างนอกเป็นระยะๆ จากนั้นเป็นเหมือนนกกระทาที่ตื่นตกใจรีบหดกลับเข้าไปทันควัน
แน่ละว่าเขาอยากนอนแต่มันนอนไม่ได้ แต่ตามนิสัยของเขาแต่ก่อน ยังพอสามารถใช้การทำสมาธิที่ทนายอันสอนมาช่วยบรรเทาความทรมานจากการนอนไม่หลับได้ แม้ว่าประสิทธิภาพที่ได้จะหลับไม่สนิทหรือไม่เต็มอิ่มก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็สามารถบรรเทาความทรมานจากการนอนไม่หลับได้
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ทันทีที่เขาหลับตาลง ในหัวก็นึกถึงฉากที่เห็นตรงริมหน้าต่าง สายตาเหยี่ยวของยมทูตตนนั้นที่กำลังจ้องมองเขา จากนั้นก็จากไปอย่างงงๆ
พูดตามตรง ต่อให้ยมทูตผู้ยิ่งใหญ่ตนนั้นกระโดดเข้ามาฟาดใส่เขาสัก ‘ป้าบ!’
เขาโอดครวญไปสักที แล้วเปลี่ยนท่านอน!
ไม่แน่เขาอาจจะสงบจิตสงบใจได้สักหน่อย เขาในตอนนี้เป็นเหมือนกระต่ายน้อยสีขาวที่นายพรานข้ามน้ำข้ามภูเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อมาหาคุณ แล้วบอกกับคุณว่า ‘ฝันดีราตรีสวัสดิ์’ จากนั้นก็กลับไป
ความรู้สึกแบบนี้แปลกมาก
…
ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกมากจริงๆ โดยเฉพาะหลังจากที่โจวเจ๋อมองเห็นปากกาด้ามนี้
ราวกับว่าท่ามกลางความมืดมิด ภายในปากกาด้ามนั้นมีงูพิษจำศีลอยู่ในนั้นและพ่นพิษทิ้งไว้ เฝ้ารอคอยให้เขาก้าวย่างไปข้างหน้า
เรื่องประเภทฆ่าชิงทรัพย์ เถ้าแก่โจวไม่ยอมทำหรอก มีหนังสือแฟนตาซีในร้านหนังสือของเขาตั้งมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้มุกซ้ำซากจำเจอย่างนี้แหละ เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าการทำเรื่องพวกนี้มันไร้รสนิยมสิ้นดี
แต่ทว่า ในความเป็นจริง เถ้าแก่โจวเป็นแบบอย่างของพวกที่ปากว่าไม่แต่ร่างกายขยับอย่างซื่อสัตย์โดยแท้ ดูผิวเผินบอกว่าไม่ทำ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ทำ แต่ในความเป็นจริงเมื่อไปเจอของดีเข้า ไม่สนว่าจะใช้การได้หรือไม่ เป็นคนหรือว่าเป็นผีดิบ เป็นชายหรือว่าเป็นหญิง เป็นคนหรือเป็นสัตว์ร้าย เถ้าแก่โจวล้วนอยากขนกลับบ้านทั้งนั้น
ครั้งหนึ่งหวังเคอเคยวิเคราะห์ให้โจวเจ๋อว่าอาจจะเป็นเพราะเคยกลัวความยากจนตอนเด็กๆ ดังนั้นเมื่อโตขึ้นจึงมีความต้องการที่จะครอบครองตามสัญชาตญาณ เรียกได้ว่าเป็นโรคชอบเก็บสะสมสิ่งของ มีเพียงการกักเก็บตุนไว้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ไม่อย่างนั้นจะกระวนกระวายใจไปทั้งวัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือสมุดหยินหยางของเถ้าแก่โจว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้วิธีใช้มันแบบจำเพาะเจาะจง แม้กระทั่งเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือหลายองค์ที่ถูกกักไว้อยู่ข้างใน ยังหากินเศษดินตามซอกตามมุมอยู่เลย อยากจะปลดปล่อยแต่ก็ปลดปล่อยไม่ได้
แต่ทว่า ตอนที่เผชิญหน้ากับปากกาด้ามนี้ โจวเจ๋อเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ แม้ว่าสิ่งนี้จะดูเรียบง่ายมาก เรียบง่ายเสียจนเหมือนปากกายี่ห้อฮีโร่ด้ามแรกที่โจวเจ๋อซื้อตอนอยู่ชั้นประถม
แต่มันจะรับมือยากไหมนะ
เถ้าแก่โจวลังเลเล็กน้อย สมุดหยินหยางนั่นแม้จะใช้ไม่ได้ แต่ได้เก็บสะสมไว้ที่บ้านก็รู้สึกถึงความสำเร็จแล้ว แม้จะควบคุมเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่ได้ แต่ก็รู้สึกมีเกียรติที่รับเข้ามา
เพียงแต่ว่าปากกาที่อยู่ตรงหน้าทำให้โจวเจ๋อรู้สึกถึงอันตรายมากๆ อย่างหนึ่ง หากนำกลับไปละก็ เป็นไปได้ว่าอาจจะถึงตายได้ แม้ว่าจะไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่จำเพาะเจาะจง แต่ให้ความรู้สึกนี้รุนแรงมาก
หายใจเข้าลึก หายใจเข้าลึกๆ สูดหายใจเข้า ตามด้วยหายใจออก หายใจต่อไป และสูดหายใจอีกครั้ง!
เถ้าแก่โจวหันหลังกลับ ปล่อยให้มันนอนอยู่ที่เดิมตรงนั้นเงียบๆ เหมือนภาพแผ่นหลังของหญิงสาวที่ถอดเสื้อผ้าเผยให้เห็นเห็นเนื้อเนียนขาวนอนหันหลังให้อย่างสง่างาม
ใช่แล้ว เถ้าแก่โจวทำตามใจตัวเองและกำลังจะออกไป
ใครสนว่าแกจะเป็นของวิเศษอะไรและมีประโยชน์อะไร ฉัน! ไม่! เอา!
ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อหันกลับมาอย่างรวดเร็วเกินไป ทั้งยังเดินออกไปแบบไร้เยื่อใยเกินไป แม้แต่ปากกาด้ามนั้นก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ตัวปากกาสั่นไหวเล็กน้อย เกือบจะร่วงลงจากโต๊ะแล้ว
แต่ทว่า โจวเจ๋อหยุดเดินหลังจากก้าวไปแล้วสองก้าว ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย และมือทั้งสองข้างก็เริ่มกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
โจวเจ๋อไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งที่สะท้อนออกมาจากจิตใจ และไม่ใช่ตัดใจไม่ลงแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะว่าตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะสละทิ้งและเตรียมจะจากไปนั้น จู่ๆ เจ้าจิตสำนึกในร่างของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว โดยที่โจวเจ๋อไม่ได้เรียกมันออกมาก่อน แต่มันเริ่มใช้กำลังยื้อแย่งเข้าควบคุมร่างกายนี้!
นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เตรียมพร้อมใช้กำลังยึดอำนาจแล้วงั้นเหรอ
เม็ดเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากอย่างต่อเนื่อง โจวเจ๋อกัดฟันแน่นและต่อสู้กับเจ้านั่น
แม้จะรู้ว่าการทำให้มันตื่นขึ้นไม่เป็นผลดีกับตัวเองก็ตาม แต่บางครั้งเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายและสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โจวเจ๋อก็ยังเลือกที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
ตอนนี้ผลร้ายจะตื่นขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่
โจวเจ๋อค่อยๆ ทรุดตัวลง เล็บทั้งสองมือของเขาเริ่มงอกยาวออกมาอย่างช้าๆ ผิวหนังเริ่มปรากฏเป็นสีเขียวคล้ำ เขี้ยวที่มุมปากเริ่มงอกออกมาเช่นกัน เบ้าตาเว้าลึกมีความมืดอันน่าสะพรึงกลัวไหลเวียนอยู่
“เอา…ปากกาด้ามนี้ไป”
เสียงที่กดต่ำของโจวเจ๋อดังลอดออกมา
แต่ชั่ววินาทีต่อมา ความมืดมิดในดวงตาของเถ้าแก่โจวเริ่มจางหาย ความชัดเจนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“มีสิทธิ์อะไร!”
ใช่แล้ว มีสิทธิ์อะไร!
แม้จะบอกว่าหนึ่งร่วงล้วนร่วง ลงเรือลำเดียวกันหลายครั้งแล้ว แต่ในความเป็นจริงระหว่างทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ของการแข่งขันที่ชัดเจนมาก เดิมทีโจวเจ๋อไม่อยากได้ปากกาด้ามนั้นแล้ว ตอนนี้เจ้านั่นในร่างดันอยากได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ยิ่งไม่อยากได้เข้าไปอีก!
‘วืด!’
ความมืดเริ่มปกคลุมรูม่านตาของโจวเจ๋ออีกครั้ง โจวเจ๋อพูดด้วยเสียงทุ้มและเฉียบขาด
“หยิบมัน!!!”
วินาทีต่อมา ความมืดสลายไปกลับมาสดใสอีกครั้ง
“ไม่เอาโว้ย!!!”
หากมีคนนอกมาเห็นฉากนี้เข้า คงคิดว่าตัวเองเจอกับคนป่วยโรคหลายบุคลิก พูดคุยงึมงำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันอยู่ตรงนั้น
“หยิบมัน มันมีประโยชน์!”
“ฝันไปเถอะ!!”
“เจ้าขยะนี่!”
แม่เจ้าโว้ย โจวเจ๋อตะลึงไปครู่หนึ่ง ไอ้ฉิบหาย ยังด่าทอเสียๆ หายๆ ได้อีกต่างหาก!
“แกมันไอ้ขี้ขลาดไม่ใช่หรือไง ก่อนหน้านี้ที่สะพานไน่เหอโผล่ขึ้นมา แกยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาด้วยซ้ำ!”
หือ สะพานไน่เหอคืออะไร ทำไมฉันถึงพูดว่าสะพานไน่เหอกันนะ
เฮ้ คนสวย เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
แต่ในความเป็นจริงหน้าตาของหญิงสาวคนนี้ไม่สวยเลย โดยเฉพาะสภาวะของเธอในตอนนี้ ยืนอยู่ตรงนั้น ในดวงตาเหลือเพียงความขาวซีด ราวกับหุ่นเชิดที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเธอถูกลบความเป็นตัวเองไป
หลังจากที่หญิงสาวปรากฏตัว อีกด้านหนึ่งยังมีชายหนุ่มในชุดนักโทษปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาไร้ซึ่งวิญญาณ
ปากกาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่าง
โจวเจ๋อเบิกตากว้างทันที
เชี่ย ปากกาด้ามนี้มันฉลาด!
เถ้าแก่โจวมีลางสังหรณ์ว่า ถ้าวันนี้เขานำปากกาด้ามนี้กลับบ้านไปอย่างลิงโลดละก็ บางทีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาอาจจะยืนอยู่ข้างๆ สองคนนี้ ดวงตาหม่นหมอง ดวงตาไร้ชีวิตชีวา ดูโง่ๆ ทึ่มๆ เสียเอง
เวรเอ๊ย นี่มันเป็นคำสาปแช่งนี่หว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าแม้แต่ความทรงจำของเขา ความทรงจำของคนเป็นๆ ต่างก็ถูกปากกาด้ามนี้ลบเลือนออกไปจนหมดสิ้น ดาเมจแบบนี้ช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ
หญิงสาวและนักโทษพุ่งไปหาโจวเจ๋อพร้อมกัน เล็บของโจวเจ๋อหวดออกเพื่อซัดร่างทั้งสองให้ลอยลิ่วออกไป แต่ในวินาทีต่อมา โจวเจ๋อที่เพิ่งสู้รบปรบมือกับอีกตัวตนหนึ่งภายในร่างตัวเองหนักหน่วงจนเกินไปรู้สึกเพียงว่าขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียก ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น
ทั้งสองที่เพิ่งถูกเล็บของโจวเจ๋อแหกร่างกลับมาหลอมรวมกันใหม่อีกครั้ง และพุ่งเข้าหาโจวเจ๋ออย่างไร้ความรู้สึก
ครั้งนี้โจวเจ๋อยังไม่ทันตั้งตัว ถูกทั้งสองชนกระเด็นและถูกกดลงกับพื้น
พวกเขาใช้มือคนละข้างกดโจวเจ๋อเอาไว้แน่น เห็นๆ อยู่ว่ามันไม่มีกายหยาบ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงการกดขี่จิตวิญญาณที่รุนแรง
โจวเจ๋อกำลังจะรวบรวมแรงต่อต้าน แต่ในขณะที่เงยคางขึ้นก็มองเห็นปากกาด้ามนั้นที่ก่อนหน้านี้ร่วงลงในระยะไกลๆ ไม่รู้ว่ามันมาโผล่อยู่บนหน้าอกของเขาตั้งแต่เมื่อไร แถมยังหันปลายปากกาเข้าหาเขาอีกด้วย
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถทำให้ฝันเจ้าเป็นจริงได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถเรียกลมให้เจ้าได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถเรียกฝนให้เจ้าได้!”
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งพากันตะโกนใส่โจวเจ๋อไม่หยุด ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์บางอย่างแอบแฝงอยู่ในนั้น มันสามารถยั่วยุอารมณ์โลภ โกรธ หลงทุกประเภทในใจของคนเราให้อยากครอบครองมัน!
แต่เถ้าแก่โจวสามารถต้านทานภาพลวงตาได้ อีกทั้งเมื่อสักครู่เจ้าจิตสำนึกในร่างกายต้องการปากกาด้ามนี้มากจนยอมก่อกบฏต่อต้านเถ้าแก่โจวอย่างไม่ลังเล เถ้าแก่โจวยังระงับความโกรธและยืนกรานไม่ยอมได้ แล้วการตะโกนล่อลวงออกมาไม่กี่คำในเวลานี้จะทำให้เขาหลงผิดได้อย่างนั้นเหรอ
หากเจ้านี่มีประโยชน์ขนาดนั้น สหายที่ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่คงจะยึดครองโลกไปตั้งนานแล้ว
แต่ทั้งสองคนนี้ยังคงกดโจวเจ๋อเอาไว้และแหกปากอย่างต่อเนื่อง ตะโกนจนทำให้โจวเจ๋อรู้สึกรำคาญเล็กน้อย จึงด่าปากกาด้ามนั้นที่อยู่ตรงหน้าทันที
“เจ้างั่ง!”
………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล