ตอนที่ 356 พังทลาย
เขารู้สึกมึนงง รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเหมือนมีเข็มเล่มหนึ่งกำลังทิ่มตัวเองตั้งแต่หัวจรดฝ่าเท้าซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ทุกครั้งที่ขยับเหมือนกับเครื่องจักรเก่าใกล้พังที่พยายามเปิดเครื่องใหม่ รู้สึกแห้งผาก รู้สึกทรมาน เมื่อลืมตาขึ้นมากลับเห็นภาพที่พร่าเลือนไปทั่วอยู่ในสายตา ปากพะเยิบๆ อยู่สองสามที รู้สึกกระหาย อยากดื่มน้ำจริงๆ
เขากวาดสายตามองไปที่ตู้ข้างเตียง พยายามมองหาแหล่งน้ำ น้ำ มีน้ำ ตรงนั้นมีถ้วยน้ำชาใบหนึ่ง เขายื่นมือหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา ทันทีที่ยกขึ้น ก็รู้สึกปวดเสียดบริเวณข้อมือ ถ้วยน้ำชาจึงหลุดมือแล้วร่วงลงมา
‘ตุ้บ…’ ถ้วยน้ำชาตก จากนั้นคนก็กลิ้งตกลงจากเตียง
“โอ๊ย…” เจ็บจริงๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจางเจ็บจนตาเหลือก แต่ก็ยังฝืนยันตัวขึ้นมา ความเจ็บปวดตามร่างกายเริ่มลดลงไปช้าๆ เหมือนเอาชนะผ่านช่วงแรกสุดมาได้แล้ว
ที่นี่คือที่ไหน ไม่ใช่โรงพยาบาล และไม่ใช่ที่บ้าน แต่ก็ไม่เหมือนโรงแรม มันคือที่ไหนกันแน่ หรือว่าคือความฝันปวดหัว ปวดมาก…
‘ตึกๆๆๆ…’ เสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู
เจ้าหน้าที่ตำรวจจางหยิบผ้าห่มขึ้นมากำไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว
‘แอ๊ด…’ ประตูถูกเปิดออก นักพรตเฒ่าเดินเข้ามา เขาเดินเข้ามาพร้อมกับบ่นไปด้วย ไอ้ทนายบ้าชอบใช้คนจริงๆ สั่งให้ข้าขึ้นมาช่วยมันหยิบสัญญา
“แล้วยังพูดอีกว่าจะปฏิรูปร้านหนังสือใหม่ ไม่เลี้ยงคนว่างงาน แม่งเอ๊ย คนว่างงานที่สุดในร้านหนังสือก็คือคนนั้นที่นอนอาบแดดอยู่ตรงนั้นทั้งวันไม่ใช่เหรอ…”
ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง ‘หวือ’ ถ้วยกระแทกโดนหน้าผากของนักพรตเฒ่าโดยตรง “โอ๊ยยย!!!” นักพรตเฒ่ารีบเอามือกุมหน้าแล้วทรุดตัวลงทันที เขาเจ็บ เจ็บจริงๆ หน้าแหกแล้ว! นักพรตเฒ่ายังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาเลยนะ!!!
อันที่จริงตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจางไม่ค่อยมีแรงเท่าไร ถ้าหากเขามีแรงพอละก็ จะไม่ทำแค่โยนเท่านั้น แต่เขาจะพุ่งเข้าไปทุบโดยตรง และถึงแม้ครั้งนี้จะใช้วิธีโยน แต่ถือว่าไม่แรงมาก
ทว่าปัญหาอยู่ที่ ใบหน้าเป็นตำแหน่งที่เปราะบางเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะใช้แรงไม่เยอะ แต่ก็เจ็บไม่น้อยโดยเฉพาะเวลาที่โดนปลายจมูก
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว เจ็บๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว!!!!” นักพรตเฒ่าตะโกนไม่หยุด เวลานี้มีเงาร่างของคนอีกคนหนึ่งปรากฏอยู่ที่หน้าประตู
จางเยี่ยนเฟิงกระโจนเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ร่างกายเพิ่งจะฟื้นตัว และรู้สึกอ่อนแรงอยู่เหมือนเดิม แต่สัญชาตญาณของตำรวจอาชญากรรมอาวุโสทำให้เขาตอบสนองไปโดยไม่รู้ตัว
‘พลั่กๆๆ!!!’ การโจมตีสามครั้งของจางเยี่ยนเฟิงถูกทำลายลงด้วยมือข้างเดียวของอีกฝ่าย จากนั้นมือข้างนั้นยื่นไปข้างหน้าแล้วผลักเบาๆ โดนหน้าอกของจางเยี่ยนเฟิง
‘ปึก!’ จางเยี่ยนเฟิงลอยกระเด็นออกไปทั้งตัวกระแทกเข้ากับกำแพง จากนั้นเขาจึงร่วงลงมาทันที ร่วงลงบนเตียงพอดิบพอดี
‘ฉึบ!’ ทนายอันเปิดไฟ แสงไฟสว่างทั่วห้องในทันใด จางเยี่ยนเฟิงไม่รู้จักทนายอัน แต่เขารู้จักนักพรตเฒ่าที่เอามือป้องหน้านั่งยองๆ อยู่บนพื้น เอ่อ…ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว จางเยี่ยนเฟิงตระหนักได้ว่า ดูเหมือนตัวเองจะทำอะไรผิดไป นักพรตเฒ่าเงยหน้าขึงตามองจางเยี่ยนเฟิงด้วยความโกรธ
“ครั้งที่สองแล้ว ครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งที่สองแล้ว!!!!” นักพรตเฒ่าตะคอกเสียงดัง “หัวล้านยังทนได้แต่ข้าทนไม่ได้!” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าหยิบไม้กวาดที่ตัวเองวางอยู่หน้าประตูขึ้นมาเตรียมจะฟาดไปที่จางเยี่ยนเฟิงสักหน่อย ไม่สนว่าคุณจะเพิ่งตื่นหรือไม่ ไม่สนว่าคุณจะเป็นฮีโร่ไหม ถูกคุณรังแกสองครั้งแล้วนะโว้ยยยย!
ทนายอันยื่นขาเล็กน้อยเพื่อขัดขานักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าสะดุดลอยไปข้างหน้าทั้งตัว ศีรษะกระแทกกำแพงแล้วร่วงลงบนเตียง เขารู้มึนเหมือนเห็นดาวโผล่ขึ้นมา
“คุณ…ไม่เป็นไรใช่ไหม” จางเยี่ยนเฟิงถามนักพรตเฒ่า
“ถ้าคุณฟื้นแล้ว ก็ลงไปพบเถ้าแก่กับผมด้วยกัน” ทนายอันชี้ไปที่จางเยี่ยนเฟิง
เถ้าแก่ ใช่คนนั้นหรือไม่
จางเยี่ยนเฟิงลุกขึ้นยืน เดินตามทนายอันลงไปข้างล่าง ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรออก เขาจำได้ว่าตัวเองเจรจาอยู่ในโรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็จำได้ว่าไฟลุกโชน ร้อนเป็นอย่างมาก…เป็นโจวเจ๋อที่ช่วยเขาใช่ไหม
จางเยี่ยนเฟิงตบศีรษะเบาๆ เรียบเรียงความคิดของตัวเอง สงสัยตัวเองจะติดหนี้บุญคุณของโจวเจ๋ออีกครั้งแล้ว ชดใช้ยากจริงๆ แต่ถ้าหากทำไม่ได้จริงๆ อย่างนั้นจะช่วยทำใบขับขี่ให้เขาก็แล้วกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีใบขับขี่ แต่เขาขับรถเป็น ถึงแม้จะไม่ถูกต้องตามกฎข้อบังคับ แต่กฎข้อบังคับมีไว้สำหรับคนเป็น ใช่ไหมล่ะ และเขาก็ไม่ใช่คน
ตอนที่เดินลงมาข้างล่าง ทนายอันถามว่า “กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
“ไม่ได้คิดอะไรครับ”
“เหอะๆ” ทนายอันหัวเราะ สหายตำรวจคนนี้เพิ่งจะฟื้น ดูเหมือนว่ายังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
ด้านล่าง เถ้าแก่โจวกำลังดื่มกาแฟ ตอนที่เขาเงยหน้าเห็นอันปู้ฉี่เดินลงมา อ้อ แล้วก็เหล่าจางที่เดินตามหลังเขาลงมาข้างล่างด้วยกัน
“ฟื้นแล้วเหรอ เหล่าจาง” โจวเจ๋อเอ่ยทักทาย
“อืม ฟื้นแล้ว ขอบใจ” จางเยี่ยนเฟิงเดินเข้ามา ความจริงเขาไม่ค่อยได้เป็นหนี้บุญคุณของใครเท่าไร เพราะเขาเป็นตำรวจ หากคนทั่วไปเป็นหนี้บุญคุณยังพอชดใช้คืนได้ แต่เนื่องจากเขาเป็นตำรวจพอดี ดังนั้นมีหลายครั้งที่จะพูดเรื่องหนี้บุญคุณกับใครไม่ได้
“คุณสอบใบขับขี่หรือยัง” จางเยี่ยนเฟิงถาม
เขามีความเร่งรีบเล็กน้อย และรู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาอยากกลับบ้านหรือไม่ก็ไปที่สถานีตำรวจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากออกไปจากสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน
และด้วยเหตุนี้ เขาตัดสินใจว่าจะช่วยโจวเจ๋ออย่างเต็มที่ ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณให้เขาเล็กน้อย ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ วันหลังค่อยว่ากัน
“ยังเลยครับ ช่วงนี้ยุ่งมาก” โจวเจ๋อตอบ ยุ่งกับการดื่มน้ำชา ยุ่งกับการนอนอาบแดด ยุ่งกับการนอนกอดสาวใช้ ชีวิตเต็มไปด้วยความยุ่งวุ่นวายจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล