ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 364

สรุปบท ตอนที่ 364 ร่วมมือ!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 364 ร่วมมือ! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 364 ร่วมมือ! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 364 ร่วมมือ!

“หลิวเฮ่าหนานเขาไม่ใช่คนทงเฉิง เขามาจาก….ผมคิดมาตลอดว่า ถ้าหากวันนั้นผมชวนเขาไปกินข้าวมื้อดึกแล้วลากเขาไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เน็ตได้ บางทีเขาอาจจะไม่ต้องถูกฆ่าในหอพักก็ได้ครับ” ภายในร้านน้ำชา โจวเฟิงพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา

สงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลิวเฮ่าหนานจะดีมากจริงๆ เขาจึงรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของหลิวเฮ่าหนานก่อนหน้านั้นที่พบว่าโจวเจ๋อเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุโดยพลการ เขาจึงจับโจวเจ๋อไว้ และน่าจะเป็นเพราะความปรารถนาที่อยากจะช่วยแก้แค้นให้เพื่อนรักด้วย

“คุณสวี ผมพูดหมดแล้วครับ ไม่ทราบว่าเรื่องพวกนี้พอจะช่วยวิเคราะห์รูปคดีกับหาตัวคนร้ายได้ไหมครับ” โจวเฟิงมองโจวเจ๋อด้วยความคาดหวังที่เปี่ยมล้น เมื่อครู่เขาพูดรายละเอียดทั้งหมดที่ตัวเองพอรู้ออกมาแล้ว

เขารู้ว่าตัวเองกับนักสืบมืออาชีพมีความแตกต่างกัน และคุณสวีที่อยู่ตรงหน้ายังเป็นที่ปรึกษาที่หัวหน้าตำรวจอาชญากรรมจางเยี่ยนเฟิงเชิญมา เขาจะต้องเป็นนักสืบมือฉมังแน่นอน

โจวเจ๋อจิบน้ำชาหนึ่งที แล้วมองพระอาทิตย์ตกดินด้านนอก พลางคิดว่าเล่านานจนใกล้ค่ำแล้ว

“มีประโยชน์ไหมครับ คุณสวี” โจวเฟิงถามต่อ

“เอ่อ…” โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย แล้วจึงสังเกตว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายังคงมองตัวเองด้วยความคาดหวังอย่างยิ่ง

“โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไร”

“…” โจวเฟิง

“โอเค พวกคุณต้องทบทวนหนังสือเรียนเองตอนกลางคืน งั้นกลับไปเรียนเถอะครับ” โจวเจ๋อลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป พูดจริงๆ นะ รายละเอียดชีวิตประจำวันของคนอ้วนที่ชอบอยู่ในห้องแบบนี้ไม่มีอะไรน่าดึงดูดจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะอิงอิงไม่อยู่ข้างกาย โจวเจ๋ออาจจะนอนหลับเพราะการเล่าบรรยายของเด็กหนุ่มคนนี้ไปแล้ว

ในสายตาของโจวเจ๋อ เขาอดทนฟังเด็กหนุ่มเล่าอย่างตั้งใจ ถือว่าเป็นการแสดงความรักต่อดอกไม้ของมาตุภูมิมากแล้ว

“เอ่อ…” โจวเฟิงคิดไม่ถึงว่าตัวเองพูดยาวตลอดช่วงบ่ายจะได้รับคำวิจารณ์แบบนี้

“อ้อใช่ คุณพกเงินมาหรือเปล่า คิดเงินเถอะ” โจวเจ๋อถาม

“อ้อ ได้ครับ คุณสวี” โจวเฟิงรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์จากนั้นจึงออกจากร้านน้ำชาอย่างหงอยเหงาเศร้าสร้อย

โจวเจ๋อยื่นมือบิดขี้เกียจแล้วหาวอย่างแรงอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาสาวน้อยโลลิ “ฮัลโหล คุณอยู่ที่ไหน”

“ข้าอยู่ที่ร้านหนังสือ”

“ไม่รอผมแล้วก็กลับไปคนเดียวแบบนี้เหรอ”

“เจ้าก็ไม่ดูว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะไปเดินมั่วที่ไหนอีก”

โจวเจ๋อกำลังจะวางสาย แต่ในเวลานี้สมุดยมทูตของตัวเองกลับสั่นขึ้นมากะทันหัน เขาหยิบสมุดยมทูตออกมากวาดตามองหนึ่งที พบว่ามีแสงสีน้ำเงินกะพริบอยู่บนสมุดยมทูต เขาเปิดดูหน้าใหม่ล่าสุด พบว่ามีชื่อและรูปภาพของคนคนหนึ่ง

ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ในรูปภาพมีหน้าตาซูบผอม ตาโหลเหม่อลอยทั้งสองข้าง เขามีชื่อว่า ‘กู่เหอ’ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตำแหน่งหน้าที่อยู่ด้านล่างสุด ถูกระบุอย่างชัดเจนว่า ‘ผู้จับกุม’ เอ่อ ผู้จับกุมผี หรือว่าตัวเองจะได้เลื่อนขั้นแล้วใช่ไหม

“เจ้าได้รับการเรียกหรือยัง” สาวน้อยโลลิที่อยู่ปลายสายอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ก็มองสมุดยมทูตของตัวเองเหมือนกัน

“นี่มันอะไรกัน” โจวเจ๋อถาม

“มีผู้จับกุมส่งสัญญาณเรียก ขอความช่วยเหลือจากยมทูตที่อยู่แถวนี้ ข้าคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้”

“เหมือนตอนที่พวกคุณไปหรงเฉิงครั้งที่แล้วเหรอ”

“ประมาณนั้น”

การส่งสัญญาณเรียกแบบนี้ เหมือนกับการยิงธนูหนึ่งดอกคนมารวมตัวนับพัน แน่นอนว่าขณะเดียวกันก็ต้องดูความนิยมของผู้จับกุมคนนี้ด้วยว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากเป็นผู้จับกุมที่ทำงานเก่งมีคุณธรรม อาจจะมีคนมาเยอะหน่อย อย่างไรก็ตามระหว่างยมทูตด้วยกันแท้จริงแล้วก็มีการพูดถึง ‘น้ำใจ’ เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าหากเป็นผู้จับกุมที่มีความสามารถโดดเด่นและแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ค่อยมีคุณธรรม แต่ก็ยังสามารถเรียกยมทูตมาได้ไม่น้อย เพราะทุกคนรู้ว่าอยู่กับเขาอย่างไรก็มีเนื้อให้กิน

ส่วนผู้จับกุมที่โง่เซ่อซ่า นอกจากลูกน้องของพวกเขาแล้ว โดยทั่วไปจะไม่มีใครสนใจเขา

“สงสัยเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว” สาวน้อยโลลิพูดสาย

“ไปหนึ่งคนก็พอแล้วใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

“ไปไม่ไปเป็นแค่พิธีเท่านั้น ไปสักคนหนึ่งก็ถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว”

“อย่างนั้นคุณไป ผมอยากกลับไปพักผ่อน”

“โอเค อีกสักพักค่อยออกไป ด้านหลังสมุดยมทูตมีสองจุด จุดหนึ่งสีแดง อีกจุดหนึ่งสีฟ้า สีฟ้าหมายถึงตำแหน่งของพวกเรา สีแดงหมายถึงตำแหน่งของคนที่เรียก เหมือนกับเรดาร์ไปตามนั้นก็เจอแล้ว”

โจวเจ๋อพลิกดูสมุดยมทูตของตัวเองแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมด้านหลังของผมมีแค่สีฟ้าเท่านั้น”

อีกฟากของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง สาวน้อยโลลิกระแอมสองที แล้วพูดว่า “นี่หมายความว่า จุดสีฟ้าครอบคลุมจุดสีแดงแล้ว ซึ่งก็คือผู้จับกุมที่เรียกยมทูตแถวนี้อยู่ที่เดียวกันกับเถ้าแก่แล้ว”

เพิ่งจะสิ้นเสียง ประตูห้องอาหารส่วนตัวถูกผลักออกอีกครั้ง มีคนสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินเข้ามา เขาใส่ชุดบาสเกตบอล สวมรองเท้าบาสเกตบอล พร้อมกับถือลูกบาสเกตบอลอยู่ในมือ

“โอ๊ะ มาหลายคนจัง ผมชื่อเจิ้งเฉียง ยมทูตจากไหวอันครับ”

“ประมาณนี้ก็พอแล้ว”

กู่เหอลุกขึ้น กวาดสายตามองยมทูตทั้งสี่คน แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ถ้าหากต่อจากนี้ยังมียมทูตคนอื่นยินดีมาตามคำเรียกร้องก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้ผมขออธิบายถึงสาเหตุที่เรียกทุกคนมาครั้งนี้ คิดว่านอกจากยมทูตโจวจากทงเฉิงแล้ว คนอื่นก็คงไล่ตามผีตนนั้นมาที่ทงเฉิงเช่นกัน”

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ยมทูตทั้งสามคนจากอู๋ซี ซูโจว และไหวอันจะต้องมาถึงทงเฉิงก่อนหน้านั้นแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มารวมตัวกันทันทีหลังจากการเรียกของกู่เหอ บินยังไม่รวดเร็วขนาดนี้เลย

“ผีตัวนั้นจัดการยากนิดหน่อย เพราะมันปล่อยความปรารถนาบางอย่าง เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความแค้นเข้าไปในร่างกายของคน มันผลุบๆ โผล่ๆ ไปหลายสถานที่แล้ว ครั้งนี้มันมาปรากฏตัวที่ทงเฉิง พวกเราต้องจับมันให้ได้ ส่วนผลงานอะไรนั้นก็แบ่งตามสัดส่วน สมุดยมทูตของของยมทูตจะจดบันทึกเอง ทุกคนไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

ผู้ร้ายก่อคดีไปทั่ว ทำให้หน่วยงานหลายฝ่ายต้องร่วมมือกัน การกระทำของยมทูตแห่งนรกมีความคล้ายคลึงกับตำรวจในโลกมนุษย์จริงๆ

“มีผีแค่ตัวเดียวใช่ไหมครับ” โจวเจ๋อถาม

“อย่างน้อยหนึ่งตัว ส่วนรายละเอียดอย่างอื่น ต้องจับมันได้ก่อนแล้วถึงจะยืนยันได้”

“ตำแหน่งของมันในเวลานี้ ถูกกำหนดหรือยัง” เจิ้งเฉียงที่ถือลูกบาสเกตบอลถาม

“อืม ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยทงเฉิง เมื่อคืนวานผมกับผู้จับกุมกู่เหอได้สร้างเขตอาคมไว้ที่ประตูหน้าสองทางกับประตูด้านข้างอีกสามทางของมหาวิทยาลัยทงเฉิง ไอ้นั่นยังอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้แน่นอน”

“ถูกขังอยู่ในมหาวิทยาลัยเหรอ”

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว แบบนี้ไม่เท่ากับบังคับให้มันก่อความวุ่นวายในมหาวิทยาลัยอีกเหรอ

“อืม ต้องรอให้มันลงมืออีกครั้ง ไม่อย่างนั้นพวกเราจะรับรู้ถึงมันไม่ได้ โอเค ทุกคน คืนนี้พวกเราก็คอยดักซุ่มอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วยกัน รอให้มันล่าเหยื่อรายต่อไปแล้วค่อยจับมัน”

โจวเจ๋ออยากถามเหลือเกินว่า ขังผีร้ายที่ฆ่าคนเอาไว้ในมหาวิทยาลัย ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมากเกินไปหรือเปล่า แต่เยวี่ยหยาที่อยู่ข้างๆ พลันยื่นมือจิ้มแขนโจวเจ๋อ แล้วพูดเตือนเบาๆ ว่า

“ได้ยินว่าผู้จับกุมกู่เหอสอบตกเอ็นทรานซ์ในชาติที่แล้ว”

…………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล