ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 366

สรุปบท ตอนที่ 366 จัดกลุ่ม: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 366 จัดกลุ่ม จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 366 จัดกลุ่ม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 366 จัดกลุ่ม

สำหรับพวกยมทูต การวิ่งขึ้นชั้นแปดชั้นเก้าในรวดเดียวไม่ใช่งานที่สบายเลย เพราะถึงอย่างไรร่างกายของยมทูตโดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนทั่วไป และอาจจะมีปัญหาเรื่องการนอนและการกินอาหารซึ่งแย่กว่าคนทั่วไปพอสมควร

บางครั้งโจวเจ๋อเคยคิดว่า คำบรรยายถึงพวกยมทูตตามนิทานพื้นบ้านที่กล่าวว่า ตาโต หนังตาตก หน้าขาวซีด อาจไม่ได้เป็นเพราะยมทูตในยุคนั้นน่าตกใจเกินไป แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะตัวพวกเขาเองก็ทรมานเหมือนกัน อย่างไรก็ตามตอนนั้นระดับการรักษาทางการแพทย์ยังแย่และมีโรคหลายอย่าง

แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้ส่วนแบ่ง ทั้งสามคนจึงกัดฟันใช้ความเร็วขั้นสุด แม้แต่เถ้าแก่โจวก็ไม่มีข้อยกเว้น เจิ้งเฉียงมีร่างกายที่แข็งแรงที่สุด ความยืดหยุ่นที่ได้จากการฝึกเล่นบาสเกตบอลเป็นประจำเห็นได้ชัดว่าไม่เสียแรงเปล่า เขาเว้นระยะห่างไปหนึ่งชั้นจากโจวเจ๋อและเยวี่ยหยา ขึ้นมาถึงชั้นแปดก่อน วินาทีที่เหยียบเท้าทั้งสองข้างลงไป เจิ้งเฉียงรู้สึกร้อนระอุไปทั้งตัว

ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาไม่มีเวลาคิดมาก หลังจากเห็นตำแหน่งของกู่เหอและหลี่เซินแล้วก็รีบวิ่งไปทันที

กู่เหอกับหลี่เซินมองเขาหนึ่งทีพร้อมกัน จากนั้นจึงเข้าไปในห้องเรียนที่อยู่ข้างๆ เจิ้งเฉียงไม่ยอมถูกทิ้งท้าย รีบวิ่งตามเข้าไปทันที หลังจากเข้าไปแล้ว เขารู้เพียงว่ามีหมอกควันอยู่ข้างใน

ทำไมหมอกเยอะขนาดนี้ เจิ้งเฉียงโบกมืออยากจะปัดหมอกควันออกไป ขาของเขายังเดินไปข้างหน้า เขาเดินไปเรื่อยๆ จากนั้นข้างหูของเขาได้เกิดจังหวะเสียงดังและเบาแบบไดนามิกมาพร้อมกับเสียงที่แสบแก้วหู เสียงร้องกรี๊ดของผู้ชายกับผู้หญิง มีคนกำลังถือไมค์แผดเสียงตะโกนอย่างเต็มที่ ทำนองเสียงหนักเบาขึ้นลงผสมปนเปกัน กลายเป็นคลื่นน้ำวนที่ชวนให้คนหลงใหล

ภาพผู้หญิงผู้ชายบิดตัวไปมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา บ้างก็นั่งอยู่บนโซฟา บ้างก็นอนอยู่บนโซฟา และมีผู้หญิงสองสามคนที่ถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนกำลังยืนเต้นระบำอยู่บนโต๊ะน้ำชา

เหงื่อ แอลกอฮอล์ กลิ่นตัวผสมปนเปกันไปหมด กลายเป็นยาชั้นดีของการเร่งฮอร์โมน ร่างกายของเจิ้งเฉียงเริ่มเต้นกับพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นการตอบสนองโดยสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ทุกคนกรูเข้ามาหาเขา มีผู้หญิงเต้นเป็นเพื่อนเขา เล่นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง

ทุกคนเปิดทางเพื่อให้เจิ้งเฉียงนั่งบนโซฟา มีคนยื่นบีกเกอร์กับตะเกียงแอลกอฮอล์ให้เขา โดยมีแป้งสีขาวกองอยู่ในบีกเกอร์ นั่นคือสีขาวที่ทำให้คนหลงใหลมากที่สุดในสายตาของคนเฉพาะกลุ่ม

เจิ้งเฉียงหยิบมันใส่มือ มองมันด้วยสายตาที่ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ เขาอยากจะลุกขึ้น อยากจะออกไปจากที่นี่ เขารู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเองเหมือนจะลืมเรื่องสำคัญอะไรบางอย่าง กระทั่งรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของความฝัน

‘วืด!’ เงาดำเริ่มลอยขึ้นบนโซฟาอย่างช้าๆ เงาดำเริ่มหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของเจิ้งเฉียง นัยน์ตาของเจิ้งเฉียงเริ่มเป็นสีแดง เขาเริ่มหายใจหนักขึ้นในทันใด คลื่นเสียงภายในห้องคาราโอเกะส่วนตัวยกระดับขึ้นอีกครั้ง

ผู้คนร้องเพลง ร้องตะโกน และโวยวายเสียงดัง ดูเหมือนว่าหากไม่ตะโกนออกมาสุดฤทธิ์จะไม่สามารถระบายอารมณ์ของตัวเองออกมาได้

ข้างกายของเจิ้งเฉียงมีผู้หญิงผู้ชายหมอบคลานอยู่หลายคน พวกเขากำลังปรนนิบัติรับใช้เจิ้งเฉียง คอยป้อนอาหารให้เขา สีแดงที่อยู่ในดวงตาทลายสติที่เหลืออันน้อยนิดของเจิ้งเฉียงโดยตรง เขานำก้นของขวดบีกเกอร์จ่อไปที่ตะเกียงแอลกอฮอล์แล้วเริ่มสูดควันเข้าไป

ความรู้สึกที่คุ้นเคย จังหวะที่คุ้นชิน ยมทูตที่ไม่ได้เดินผ่านสะพานไน่เหอยังหลงเหลือความทรงจำของชาติที่แล้ว ตอนนี้เหมือนภาพของชาติที่แล้วปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เจิ้งเฉียงสูดเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งสูดก็ยิ่งหยุดไม่ได้ ผลึกสีขาวที่อยู่ก้นขวดบีกเกอร์เหมือนไม่มีวันลดลงเลย

“เจิ้งเฉียงล่ะ” เมื่อเยวี่ยหยาขึ้นมาถึงชั้นแปดก็มองไปรอบๆ แล้วถาม สายตาของโจวเจ๋อก็มองสำรวจไปรอบๆ เช่นกัน

“ตานั่นคงไม่ได้วิ่งเข้าไปแล้วใช่ไหม ไม่ยอมรอพวกเราเลย” เยวี่ยหยากัดฟันอย่างไม่พอใจ

โจวเจ๋อกลับพูดด้วยความระมัดระวัง “ดูเหมือนจะมีปัญหา”

และในเวลานี้ โจวเจ๋อกับเยวี่ยหยามองไปที่กู่เหอและหลี่เซินที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนที่อยู่ไกลๆ สองคนนั้นก็มองพวกโจวเจ๋อทั้งสองคนเช่นกัน จากนั้นจึงเข้าไปในห้องเรียนอีกห้องหนึ่ง

“พวกเขาอยู่ตรงนั้น!” เยวี่ยหยารีบวิ่งเข้าไปทันที มีเพียงโจวเจ๋อที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พลางคิดว่าไม่ถูก ไม่ควร โจวเจ๋อเม้มปาก

ตอนแรกเดินขึ้นบันได แต่เนื่องจากออกแรงเยอะไปจึงทำให้หายใจหอบเหนื่อย ถึงตอนนี้จะเริ่มหายใจเป็นปกติแล้ว แต่ความรู้สึกกระวนกระวายกลับไม่หายไป บวกกับเถ้าแก่โจวประสบพบเจอกับภาพลวงตามานับครั้งไม่ถ้วน จึงมีภูมิต้านทานมากกว่ายมทูตคนอื่นระดับหนึ่ง

“ทำไมคุณไม่เดิน” เยวี่ยหยาที่วิ่งห่างไปไกลระยะหนึ่งหันกลับมามองโจวเจ๋อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อไม่ขยับเธอจึงไม่วิ่งไปข้างหน้าต่อโดยสัญชาตญาณ

พวกยมทูตอาจจะมีคนเซ่อซ่าปะปนอยู่ แต่ไม่ใช่ไอ้งั่งเด็ดขาด โจวเจ๋อเลียปาก จากนั้นจึงฮึดขึ้นมากัดปลายลิ้นของเขาทันที ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวเขารู้สึกมึนศีรษะอย่างรุนแรง ร่างกายของโจวเจ๋อเริ่มเซถอยหลังติดต่อกัน จนหลังของเขาแทบจะชนติดกำแพง

ทว่าความรู้สึกกระวนกระวายใจแบบนั้นได้หายไปเพราะเหตุนี้ แต่แทนที่ด้วยความเย็นที่ชวนให้อึดอัด รวมทั้งหายใจเหนื่อยหอบ

เยวี่ยวหยาวิ่งกลับมาอยู่ข้างกายโจวเจ๋อแล้วมองเขา โจวเจ๋อเห็นนัยน์ตาของเธอมีแสงที่แปลกประหลาดกำลังหมุนวน นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากร่างกายของเธอเอง แต่เหมือนโดนมนต์สะกด

“ผมจะกลับแล้ว” หลี่เซินพูดยืนกราน ขณะเดียวกันเริ่มมีแสงสีฟ้าหมุนวนรอบตัวเขา นี่คือบอกชัดเจนว่าฉันไม่เชื่อคุณอีก และไม่อยากเล่นกับคุณอีกแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ผลงานนี้ เขาก็จะกลับ เหตุการณ์เปลี่ยนไปเร็วมาก ถ้าไม่กลับก็คือคนโง่

กู่เหอถอนหายใจยาว หันหลังแล้วโบกมือ “อย่างนั้นก็บ๊ายบายนะ”

ตอนแรกหลี่เซินคิดว่ากู่เหอปล่อยตัวเองแล้วจึงโล่งอก กระทั่งในใจรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ดูเหมือนผู้จับกุมไม่คิดจะลงมือกับตัวเอง หรือว่าอยากจะให้ตัวเองติดตามเขา อยากให้ตัวเองทำผลงานไปพร้อมกับเขา ทว่าหลี่เซินยังไม่ทันลงไปข้างล่าง เงาดำได้หยดลงมาจากข้างบนอย่างเงียบๆ ใช่แล้ว หยดลงมา เหมือนกับจุดด่างดำแต่ละจุดเริ่มหยดลงบนตัวของหลี่เซิน

แสงสีฟ้าที่อยู่รอบตัวของหลี่เซินแต่เดิมถูกปกคลุมไปด้วยสีดำ เขารู้สึกว่าข้างหน้าดำมืด พอลืมตาอีกทีกลับพบว่าตัวเองยืนอยู่บนตึกสูงแห่งหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งยืนเรียงแถวอยู่ตรงหน้าเขา มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีผู้ชายและผู้หญิง

มีเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาสมัยเรียนชั้นประถม มีหัวหน้าห้องของเขาสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น มีแฟนของผู้หญิงที่เขาชอบสมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย มีเพื่อนร่วมห้องสมัยที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนร่วมงานที่เขาทำงานด้วย

พวกเขาบ้างก็ได้รับคำชมจากคุณครู บ้างก็เข้าเรียนและเลิกเรียนพร้อมกันกับผู้หญิงที่เขาแอบชอบ บ้างก็ได้รับทุนการศึกษา บ้างก็ได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนที่ยากจน บ้างก็ได้รับรางวัลจากเถ้าแก่

พวกเขาเป็นคนที่หลี่เซินเคยอิจฉาริษยาและสาปแช่งอยู่ลึกๆ ในใจ ตอนนี้ทุกคนยืนเรียงกันตรงหน้าเขา เริ่มจากเพื่อนร่วมโต๊ะสมัยเรียนชั้นประถม พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างทื่อๆ ทีละคนแล้วกระโดดตึก

นี่คือตึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หากกระโดดลงไปแบบนี้จะต้องเละแน่นอน ขณะที่มองพวกเขากระโดดลงไปทีละคน หลี่เซินจากเดิมที่มีใบหน้านิ่งเฉยเริ่มมีสีหน้าดีใจออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ความสะใจแบบนั้น ความสบายใจแบบนั้น ความดีใจแบบนั้น คนที่ไม่เคยอิจฉาคนอื่นอย่างลึกซึ้งจะไม่สามารถเข้าใจได้เหมือนสัมผัสด้วยตัวเอง!

พวกแกสมควรตาย สมควรตายให้หมด ไปลงนรกซะ ไปรับการทรมานเถอะ! ไปนรกให้ฉันทุกคนเลย! ทำไมพวกแกต้องเด่นกว่าฉัน ทำไมพวกแกได้ดีกว่าฉัน ดังนั้นพวกแกสมควรตาย!!!

หลี่เซินหัวเราะเสียงดัง เขากลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ได้ แต่กลับไม่ทันสังเกตว่า ใต้เท้าของตัวเองมีไฟลุกไหม้ขึ้นมาแล้ว

จริงๆ แล้วเขายืนอยู่บนคานไม้ที่สุมกองไฟ แต่ละคนที่กระโดดลงไปคือเปลวไฟที่อยู่ใต้เท้าของเขาเริ่มลุกไหม้ขึ้นมาทีละนิด

สิ่งที่ไฟริษยาจะเผาไหม้เป็นอย่างแรกก็คือตัวเขาเอง! แต่เขายังไม่รู้ตัว ยังคงมีความสุขอยู่ท่ามกลาง ‘การแก้แค้น’ อย่างยิ่งยวด ยากที่จะถอนตัว!

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล