ตอนที่ 366 จัดกลุ่ม
สำหรับพวกยมทูต การวิ่งขึ้นชั้นแปดชั้นเก้าในรวดเดียวไม่ใช่งานที่สบายเลย เพราะถึงอย่างไรร่างกายของยมทูตโดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนทั่วไป และอาจจะมีปัญหาเรื่องการนอนและการกินอาหารซึ่งแย่กว่าคนทั่วไปพอสมควร
บางครั้งโจวเจ๋อเคยคิดว่า คำบรรยายถึงพวกยมทูตตามนิทานพื้นบ้านที่กล่าวว่า ตาโต หนังตาตก หน้าขาวซีด อาจไม่ได้เป็นเพราะยมทูตในยุคนั้นน่าตกใจเกินไป แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะตัวพวกเขาเองก็ทรมานเหมือนกัน อย่างไรก็ตามตอนนั้นระดับการรักษาทางการแพทย์ยังแย่และมีโรคหลายอย่าง
แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้ส่วนแบ่ง ทั้งสามคนจึงกัดฟันใช้ความเร็วขั้นสุด แม้แต่เถ้าแก่โจวก็ไม่มีข้อยกเว้น เจิ้งเฉียงมีร่างกายที่แข็งแรงที่สุด ความยืดหยุ่นที่ได้จากการฝึกเล่นบาสเกตบอลเป็นประจำเห็นได้ชัดว่าไม่เสียแรงเปล่า เขาเว้นระยะห่างไปหนึ่งชั้นจากโจวเจ๋อและเยวี่ยหยา ขึ้นมาถึงชั้นแปดก่อน วินาทีที่เหยียบเท้าทั้งสองข้างลงไป เจิ้งเฉียงรู้สึกร้อนระอุไปทั้งตัว
ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาไม่มีเวลาคิดมาก หลังจากเห็นตำแหน่งของกู่เหอและหลี่เซินแล้วก็รีบวิ่งไปทันที
กู่เหอกับหลี่เซินมองเขาหนึ่งทีพร้อมกัน จากนั้นจึงเข้าไปในห้องเรียนที่อยู่ข้างๆ เจิ้งเฉียงไม่ยอมถูกทิ้งท้าย รีบวิ่งตามเข้าไปทันที หลังจากเข้าไปแล้ว เขารู้เพียงว่ามีหมอกควันอยู่ข้างใน
ทำไมหมอกเยอะขนาดนี้ เจิ้งเฉียงโบกมืออยากจะปัดหมอกควันออกไป ขาของเขายังเดินไปข้างหน้า เขาเดินไปเรื่อยๆ จากนั้นข้างหูของเขาได้เกิดจังหวะเสียงดังและเบาแบบไดนามิกมาพร้อมกับเสียงที่แสบแก้วหู เสียงร้องกรี๊ดของผู้ชายกับผู้หญิง มีคนกำลังถือไมค์แผดเสียงตะโกนอย่างเต็มที่ ทำนองเสียงหนักเบาขึ้นลงผสมปนเปกัน กลายเป็นคลื่นน้ำวนที่ชวนให้คนหลงใหล
ภาพผู้หญิงผู้ชายบิดตัวไปมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา บ้างก็นั่งอยู่บนโซฟา บ้างก็นอนอยู่บนโซฟา และมีผู้หญิงสองสามคนที่ถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนกำลังยืนเต้นระบำอยู่บนโต๊ะน้ำชา
เหงื่อ แอลกอฮอล์ กลิ่นตัวผสมปนเปกันไปหมด กลายเป็นยาชั้นดีของการเร่งฮอร์โมน ร่างกายของเจิ้งเฉียงเริ่มเต้นกับพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นการตอบสนองโดยสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ทุกคนกรูเข้ามาหาเขา มีผู้หญิงเต้นเป็นเพื่อนเขา เล่นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
ทุกคนเปิดทางเพื่อให้เจิ้งเฉียงนั่งบนโซฟา มีคนยื่นบีกเกอร์กับตะเกียงแอลกอฮอล์ให้เขา โดยมีแป้งสีขาวกองอยู่ในบีกเกอร์ นั่นคือสีขาวที่ทำให้คนหลงใหลมากที่สุดในสายตาของคนเฉพาะกลุ่ม
เจิ้งเฉียงหยิบมันใส่มือ มองมันด้วยสายตาที่ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ เขาอยากจะลุกขึ้น อยากจะออกไปจากที่นี่ เขารู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเองเหมือนจะลืมเรื่องสำคัญอะไรบางอย่าง กระทั่งรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของความฝัน
‘วืด!’ เงาดำเริ่มลอยขึ้นบนโซฟาอย่างช้าๆ เงาดำเริ่มหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของเจิ้งเฉียง นัยน์ตาของเจิ้งเฉียงเริ่มเป็นสีแดง เขาเริ่มหายใจหนักขึ้นในทันใด คลื่นเสียงภายในห้องคาราโอเกะส่วนตัวยกระดับขึ้นอีกครั้ง
ผู้คนร้องเพลง ร้องตะโกน และโวยวายเสียงดัง ดูเหมือนว่าหากไม่ตะโกนออกมาสุดฤทธิ์จะไม่สามารถระบายอารมณ์ของตัวเองออกมาได้
ข้างกายของเจิ้งเฉียงมีผู้หญิงผู้ชายหมอบคลานอยู่หลายคน พวกเขากำลังปรนนิบัติรับใช้เจิ้งเฉียง คอยป้อนอาหารให้เขา สีแดงที่อยู่ในดวงตาทลายสติที่เหลืออันน้อยนิดของเจิ้งเฉียงโดยตรง เขานำก้นของขวดบีกเกอร์จ่อไปที่ตะเกียงแอลกอฮอล์แล้วเริ่มสูดควันเข้าไป
ความรู้สึกที่คุ้นเคย จังหวะที่คุ้นชิน ยมทูตที่ไม่ได้เดินผ่านสะพานไน่เหอยังหลงเหลือความทรงจำของชาติที่แล้ว ตอนนี้เหมือนภาพของชาติที่แล้วปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เจิ้งเฉียงสูดเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งสูดก็ยิ่งหยุดไม่ได้ ผลึกสีขาวที่อยู่ก้นขวดบีกเกอร์เหมือนไม่มีวันลดลงเลย
…
“เจิ้งเฉียงล่ะ” เมื่อเยวี่ยหยาขึ้นมาถึงชั้นแปดก็มองไปรอบๆ แล้วถาม สายตาของโจวเจ๋อก็มองสำรวจไปรอบๆ เช่นกัน
“ตานั่นคงไม่ได้วิ่งเข้าไปแล้วใช่ไหม ไม่ยอมรอพวกเราเลย” เยวี่ยหยากัดฟันอย่างไม่พอใจ
โจวเจ๋อกลับพูดด้วยความระมัดระวัง “ดูเหมือนจะมีปัญหา”
และในเวลานี้ โจวเจ๋อกับเยวี่ยหยามองไปที่กู่เหอและหลี่เซินที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนที่อยู่ไกลๆ สองคนนั้นก็มองพวกโจวเจ๋อทั้งสองคนเช่นกัน จากนั้นจึงเข้าไปในห้องเรียนอีกห้องหนึ่ง
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น!” เยวี่ยหยารีบวิ่งเข้าไปทันที มีเพียงโจวเจ๋อที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พลางคิดว่าไม่ถูก ไม่ควร โจวเจ๋อเม้มปาก
ตอนแรกเดินขึ้นบันได แต่เนื่องจากออกแรงเยอะไปจึงทำให้หายใจหอบเหนื่อย ถึงตอนนี้จะเริ่มหายใจเป็นปกติแล้ว แต่ความรู้สึกกระวนกระวายกลับไม่หายไป บวกกับเถ้าแก่โจวประสบพบเจอกับภาพลวงตามานับครั้งไม่ถ้วน จึงมีภูมิต้านทานมากกว่ายมทูตคนอื่นระดับหนึ่ง
“ทำไมคุณไม่เดิน” เยวี่ยหยาที่วิ่งห่างไปไกลระยะหนึ่งหันกลับมามองโจวเจ๋อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อไม่ขยับเธอจึงไม่วิ่งไปข้างหน้าต่อโดยสัญชาตญาณ
พวกยมทูตอาจจะมีคนเซ่อซ่าปะปนอยู่ แต่ไม่ใช่ไอ้งั่งเด็ดขาด โจวเจ๋อเลียปาก จากนั้นจึงฮึดขึ้นมากัดปลายลิ้นของเขาทันที ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวเขารู้สึกมึนศีรษะอย่างรุนแรง ร่างกายของโจวเจ๋อเริ่มเซถอยหลังติดต่อกัน จนหลังของเขาแทบจะชนติดกำแพง
ทว่าความรู้สึกกระวนกระวายใจแบบนั้นได้หายไปเพราะเหตุนี้ แต่แทนที่ด้วยความเย็นที่ชวนให้อึดอัด รวมทั้งหายใจเหนื่อยหอบ
เยวี่ยวหยาวิ่งกลับมาอยู่ข้างกายโจวเจ๋อแล้วมองเขา โจวเจ๋อเห็นนัยน์ตาของเธอมีแสงที่แปลกประหลาดกำลังหมุนวน นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากร่างกายของเธอเอง แต่เหมือนโดนมนต์สะกด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล