สรุปตอน ตอนที่ 368 ลืมไปแล้ว... – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 368 ลืมไปแล้ว... ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 368 ลืมไปแล้ว…
กู่เหอยังคงบีบคอของเยวี่ยหยา บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่รู้ตัวว่า จริงๆ แล้วเขาก็โดนของแล้วเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นที่เขาพูดว่าส่งสัญญาณเรียกยมทูตมารวมตัว บางทีคงไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะผลของคำว่า ‘โลภ’ จึงทำให้มีพฤติกรรมเช่นนี้
เริ่มจากป้อนมันด้วยมนุษย์ จากนั้นก็เริ่มป้อนมันด้วยยมทูต คำว่า ‘โลภ’ คำเดียว สามารถแผ่ขยายความปรารถนาได้ไม่หยุดยั้ง ขณะเดียวกันก็ดึงเส้นขีดจำกัดของคนให้ต่ำลงเรื่อยๆ
คุณพูดว่าผีตัวนั้นกำลัง ‘ควบคุม’ เขา เกรงว่าไม่น่าจะใช่และไม่ถึงขั้นนั้น ทว่าเขากลับทำตามแนวคิดของผีตัวนั้นจริงๆ
ตอนที่คุณตกลงไปในน้ำ เมื่อรู้ตัวว่าอันตรายก็สายไปแล้ว กระทั่งยิ่งดิ้นก็ยิ่งดำดิ่งลงไปเร็วขึ้น เธอถูกบีบคอแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มหายใจไม่ออก กระทั่งเยวี่ยหยารู้สึกว่า ถ้าหากกู่เหอต้องการ เขาแค่หักคอนิดเดียว ชีวิตของเธอก็จะจบลงแต่เพียงเท่านี้
ให้ตายเถอะ ยมทูตทงเฉิงคนนั้นรู้สึกถึงความผิดปกตินานแล้วใช่ไหม…ตอนที่เยวี่ยหยากำลังจะทนไม่ไหว กู่เหอได้คลายมือออก เยวี่ยหยาร่วงลงไปบนพื้น แต่วินาทีนั้นเธอที่เดิมทีอ่อนแรงลงกลับตั้งสติขึ้นมาทันที แผดเสียงออกมา จากนั้นฝ่ามือซ้ายและฝ่ามือขวามีเข็มยาวสีแดงกับสีดำปรากฏขึ้นมา
ในเมื่อคุณให้โอกาสฉัน อย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว! ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับผู้จับกุม แต่ถ้าหากอีกฝ่ายกล้าคุกคามต่อชีวิตของตัวเอง อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก ความแตกต่างของตำแหน่งและฐานะ ยังไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดทรมานจากนรกได้ทั้งหมด!
ทว่ากู่เหอพลันตบสองมือลงไป ฝ่ามือฟาดลงไปที่ข้อมือของเยวี่ยหยาอย่างแรง เยวี่ยหยารู้สึกมือชาทั้งสองข้าง หมดความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง เข็มสองเล่มร่วงลงไปบนพื้น และในขณะเดียวกันกู่เหอก็เหวี่ยงข้อเท้าเตะเข่าของเยวี่ยหยาจนล้มลง
‘ตุบ…’ เยวี่ยหยาล้มฟุบลงไปอีกครั้ง ระหว่างที่ล้มลง กู่เหอพลิกฝ่ามือแล้วฟาดไปที่ด้านหลังศีรษะของเยวี่ยหยาหนึ่งที
‘ปึก!’ ด้านหลังศีรษะถูกตีอย่างแรง เยวี่ยหยาคุกเข่าลงกับพื้น สตินึกรู้ตกอยู่ในสภาวะสลบไสล จากนั้นเงาดำบนพื้นที่โดนเข็มไล่ออกไปก่อนหน้านั้นเริ่มเข้ามาใกล้อีกครั้ง แล้วไหลเข้าสู่ร่างกายของเยวี่ยหยา
“อ๊าาาา!” เสียงร้องกรี๊ดดังออกมาจากปากของเยวี่ยหยา
…
“ทำไม ทำไมกัน!!!!” ภายในห้องรับแขก เยวี่ยหยาทุบสิ่งของทุกอย่างที่ตัวเองสามารถมองเห็น เธอโกรธ เธอคำราม เธอโกรธจนควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้! หนังสือหย่าของสามีวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา พร้อมกับมีปากกาด้ามหนึ่งวางอยู่ข้างๆ
“ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ อ๊าๆๆ!!!” เยวี่ยหยาหยิบหนังสือหย่าขึ้นมา แล้วฉีกทิ้งด้วยความบ้าคลั่ง เธอคุกเข่าพลางทึ้งผมของตัวเอง แต่ในหัวกลับมีภาพตอนที่ยังรักกันพรั่งพรูออกมา ภาพที่คุณรักฉันฉันรักคุณในวันวานระหว่างคู่รัก เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำขึ้นมาในตอนนี้ กลับมีแต่ความเจ็บปวดและน่าหัวเราะเยาะอย่างใหญ่หลวง!
“เป็นเพราะ…เป็นเพราะว่าฉันมีลูกไม่ได้” เยวี่ยหยาร้องไห้พร้อมกับโวยวาย เธอไม่กลัวว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินตอนนี้เธอไม่มีหน้าตาเหลือแล้ว และไม่จำเป็นต้องรักหน้าตาด้วย สำหรับผู้หญิงหลายคน ‘หย่าร้าง’ สองคำนี้ ไม่ได้หมายถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการใช้ชีวิตต่อจากนี้เท่านั้น แต่เป็นการปฏิเสธตัวเองอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นทัศนคติและแนวคิดที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่แนวคิดแบบนี้กลับถูกฝังเข้าไปในหัวของผู้หญิงหลายคน
ความโกรธเติมเต็มสมอง ความโกรธที่มีต่อสามี ความโกรธที่ตัวเองมีลูกไม่ได้ และความโกรธต่างๆ นานาได้ทำลายความคิดของเธอและทุกสิ่งทุกอย่างให้พังทลายลง
เยวี่ยหยาหยิบเศษกระจกที่อยู่ข้างกายขึ้นมา แล้วกรีดแขนของตัวเองอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กระตุ้นความเจ็บปวด เลือดสดที่ไหลลงมายิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ ทำให้เธอหาที่ระบายไฟโกรธได้ในที่สุด ต่อจากนั้นมันยิ่งพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว!
…
ตรงหน้าบันได ร่างกายของเยวี่ยหยาเริ่มมีรอยแผลปรากฏขึ้นมา เลือดสดเริ่มไหลพลั่กๆ แต่เธอยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน บาดแผลยังคงปรากฏไม่หยุด เลือดไหลเร็วยิ่งขึ้น ไหลกองรวมกันเป็นแอ่งน้ำ
หลังจากกู่เหอเห็นฉากนี้จึงพยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินขึ้นไป บนนั้นยังเหลืออีกสองคน
…
เด็กหนุ่มที่ช่วยตัวเองดวงตาพร่าเลือน ฟุบลงไปบนโต๊ะเรียนไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ตอนที่โจวเจ๋อเดินผ่านเขา ได้ยื่นมือปิดตาของเขาที่ยังเบิกตาโพลง ทุกคนล้วนมีจิตปรารถนาอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกคนล้วนมีความคิดเพ้อฝันอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่เป็นคนสูงส่งสะอาดบริสุทธิ์อย่างถ่องแท้
ถ้าหากอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่ทำร้ายใครตัวเองยังพอที่จะเคลิบเคลิ้มอยู่ในความปรารถนาของตัวเองได้ อันที่จริงถ้าไม่มีปัญหาอะไรมากนัก คนส่วนใหญ่ก็พอเข้าใจได้
และด้วยเหตุนี้ ความปรารถนาที่เข้ามายั่วยวนจิตใจคนไม่หยุดหย่อน จึงทำให้จุดประสงค์อย่างการ ‘ก่อไฟเผาร่างตัวเอง’ ลุล่วงในที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดูถูกเหยียดหยามจริงๆ
โจวเจ๋อนั่งบนเก้าอี้พันแผลของตัวเอง บาดแผลไม่ลึกมากจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่บริเวณที่โดนทิ่มยังมีความรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง
เจิ้งเฉียงใช้เสื้อผ้าของตัวเองพันแผลอย่างเงียบๆ สมรรถภาพร่างกายของเขายังพอไหว ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรมาก แน่นอนเป็นเพราะว่าโจวเจ๋อไม่ได้เลือกทำร้ายในส่วนที่สำคัญของเขาและยั้งมือให้เขาอยู่
ยมทูตเริ่มติดกับ เรื่องราวตกอยู่ในสายน้ำวนที่ซับซ้อน หากยึดตามนิสัยของเถ้าแก่โจว เขาคงถอยไปนานแล้ว แต่ด้วยหน้าที่ ด้วยหน้าที่บ้าบอที่ยังมีอยู่
“ต่อไป พวกเราจะตามหาผีหรือว่าตามหาผู้จับกุม” เจิ้งเฉียงถาม
“คุณพูดเรื่องเดียวกันหรือว่าคนละเรื่อง” โจวเจ๋อถาม
เจิ้งเฉียงตะลึง เขาเข้าใจความหมายแฝงของโจวเจ๋อ แล้วจึงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่มั้ง”
ผู้จับกุมคนหนึ่งทำเรื่องแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่กลัวว่าจะโดนยมโลกลงโทษเหรอ
เจิ้งเฉียงเริ่มเดินถอยหลัง “ท่านผู้จับกุม ทั้งหมดนี้เกิดเรื่องอะไรกันแน่”
“เกิดเรื่องอะไร” กู่เหอหัวเราะ จากนั้นก็หยุดหัวเราะแล้วหายตัวไป ร่างของกู่เหอปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเจิ้งเฉียงโดยตรง
เขาใช้วิธีเดียวกันกับตอนที่รับมือกับเยวี่ยหยาทุกประการ! ความรู้สึกอันตรายโจมตีเข้ามาทันที หนามแหลมปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเจิ้งเฉียง มีผลในการป้องกันตัว
กู่เหอจำเป็นต้องปล่อยมือ แต่วินาทีต่อมาเขาได้ปรากฏตัวตรงหน้าเจิ้งเฉียงอีกครั้ง รวดเร็วจนยากที่คนจะจินตนาการได้!
หนามของเจิ้งเฉียงไม่ทันงอกออกมา พลังฝ่ามือของกู่เหอกลับมาถึงแล้ว!
‘ปึก!’ เจิ้งเฉียงลอยกระเด็นออกไปทั้งตัว กระแทกกับกำแพงตรงหน้าบันได กู่เหอเดินไปข้างหน้าต่อ แล้วตบหน้าผากของเจิ้งเฉียง แต่ทันใดนั้นเงาดำพลันปรากฏตัวเข้ามาขวางกู่เหอ
ร่างของกู่เหอหยุดชะงัก ชักฝ่ามือกลับ ขณะเดียวกันได้ใช้มืออีกข้างหนึ่งโจมตีออกไป เดิมทีเงาดำใช้ฝ่ามือตั้งรับอยู่ แต่การเปลี่ยนกระบวนท่าของกู่เหอทำให้เงาดำตั้งตัวไม่ทัน
อันที่จริงสามารถมองเห็นรายละเอียดหลายอย่าง กู่เหอเป็นวิชากังฟู เขาไม่ได้อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของยมทูตและผู้จับกุมเท่านั้น
‘ปึง!’ เสียงหนักอึ้งดังเข้ามา เงาดำโดนหมัดหนึ่งต่อยอัดถอยหลังติดต่อกันหลายก้าวจนหลังชนกำแพง ไปอยู่รวมกับเจิ้งเฉียงพอดี
“คุณ…” เจิ้งเฉียงมองเงาดำข้างกาย เขาจำได้ว่าเงาดำก็คือโจวเจ๋อที่ใส่ชุดเกราะซามูไรลึกลับ
โจวเจ๋อก้มหน้ามองหนึ่งที เกราะซามูไรที่อยู่ตรงหน้าท้องของตัวเองยุบลงไปแล้ว ถึงแม้มันกำลังซ่อมแซมตัวเอง แต่ก็มากพอที่จะทำให้เห็นว่าแรงของหมัดนี้น่ากลัวมากแค่ไหน ผู้จับกุมที่แข็งแกร่งก็น่ากลัวแบบนี้!
โจวเจ๋อหันหน้ามองเจิ้งเฉียงที่อยู่ข้างๆ “เหอะ อยากหนี คุณหนีพ้นเหรอ”
เจิ้งเฉียงส่ายหน้าและชี้ไปที่เกราะซามูไรบนตัวของโจวเจ๋อแล้วถามว่า “คุณมีเกราะซามูไร ทำไมคุณไม่ใช้ตอนที่ผมใช้หนามทิ่มคุณก่อนหน้านี้” เจิ้งเฉียงจำได้ว่าบนตัวของโจวเจ๋อโดนหนามของตัวเองทิ่มหลายจุดโดยไม่รู้ตัว
โจวเจ๋อตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจนป่านนี้ เจิ้งเฉียงยังจะถามคำถามนี้ แต่เขาก็ยังตอบอยู่ดี “ปกติใช้มันไม่ค่อยบ่อย มีหลายครั้งที่ลืมไปแล้วว่าตัวเองมีเจ้าสิ่งนี้”
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล