ตอนที่ 380 จ้องมอง
โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงสถานที่เกิดเหตุ หลักๆ แล้วมีปัจจัยสามสี่อย่างที่ขาดไม่ได้ ตำรวจรวมทั้งเส้นกั้นของพวกเขา ศพ คราบเลือด และหมอนิติเวชในชุดยูนิฟอร์ม แน่นอนว่าพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านที่เข้ามามุงล้อมก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
นักพรตเฒ่าช่วยโจวเจ๋อเบียดกลุ่มคนเข้าไป คอยคุ้มกันเพื่อให้โจวเจ๋อเดินเข้าไป เขาหายใจหนึ่งที รู้สึกเหมือนเคยทำแบบนี้มาก่อน เขาจำได้ว่าเถ้าแก่คนก่อนของตัวเองก็ชอบสืบคดีเหมือนกัน จากนั้นก็สืบไปเรื่อยๆ จนตัวเองตาย
พอมาดูเถ้าแก่คนปัจจุบันของตัวเองอีกที เถ้าแก่โจวกลับทำสีหน้ารังเกียจเหมือนไม่อยากมาเป็นอย่างมาก นักพรตเฒ่าถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเถ้าแก่คนปัจจุบันไม่ค่อยสนใจเรื่องการสืบคดีมากเท่าไร
ด้านนั้น จางเยี่ยนเฟิงก็มาแล้ว จากนั้นรับโจวเจ๋อเข้าไป โจวเจ๋อเห็นตำรวจหญิงตัวผอมสูงคนนั้นอีกครั้ง อีกฝ่ายก็มองโจวเจ๋อเหมือนกัน ตำรวจหญิงคงจะสงสัยว่า โจวเจ๋อเป็นใครกันแน่ หัวหน้าตำรวจอาชญากรรมสองคนถึงชอบเชิญเขามาทำคดีด้วย
จางเยี่ยนเฟิงคอยสั่งการด้วยความคล่องแคล่ว นี่เป็นการพูดที่ไร้สาระมาก อย่างไรก็ตามเขาทำงานที่นี่มากว่ายี่สิบปีแล้ว แต่วันนี้แค่เปลี่ยนร่างเท่านั้นเอง สิ่งนี้ทำให้ตำรวจหลายคนรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา พวกเขามักจะรู้สึกว่าหัวหน้าคนใหม่คล้ายหัวหน้าคนก่อนที่เพิ่งเสียชีวิตไป สไตล์การทำคดีก็เหมือนกัน
แต่ทุกคนปรับตัวได้เร็วมาก หลังจากหัวหน้าคนเก่าเสียชีวิตไป พวกเขาไม่ได้ยินเสียงเขาด่าคนมาพักหนึ่งแล้ว จึงรู้สึกคิดถึงมากจริงๆ
เหล่าจางพาโจวเจ๋อมาดูศพก่อน เป็นศพของหญิงชราคนนั้น คนที่ขายหนังสือพิมพ์ริมทางเมื่อวาน เนื่องจากมีหมอนิติเวชและผู้ช่วยของเธอชันสูตรศพ ผลการตรวจชันสูตรศพในขั้นต้นจึงออกมาแล้ว
“สาเหตุการตายคือศีรษะด้านหลังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เวลาตายน่าจะอยู่ในช่วงหลังเที่ยงคืนเพราะว่าศพถูกคนที่เดินไปมาพบเมื่อตอนหกโมงเช้า บวกกับพวกเราสองคนออกไปจากที่นี่เมื่อวานเวลาห้าทุ่มครึ่ง ดังนั้นจึงพอวิเคราะห์เวลาการตายโดยพื้นฐานได้
อีกอย่าง คุณดูตรงนี้ นี่เป็นถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน นี่คือรถสามล้อของผู้ตาย จากการสอบถามครอบครัวของผู้ตายในขั้นต้น ปกติผู้ตายจะไปวางแผงขายหนังสือพิมพ์เวลาหกโมงเย็นที่สะพานอิฐเล็ก รอให้ขายหนังสือพิมพ์หมดแล้วหรือดึกสุดคือใกล้จะถึงตีหนึ่งเธอจะถีบรถสามล้อกลับบ้านด้วยตัวเอง ถ้าหากขายหนังสือพิมพ์หมดเร็ว ก็จะกลับบ้านเร็วขึ้น
จากตำแหน่งนี้ ห่างจากตำแหน่งที่เราเจอผู้ตายวางแผงขายหนังสือพิมพ์เมื่อวาน น่าจะใช้เวลาถีบรถสามล้อประมาณยี่สิบนาที และตรงนี้ห่างจากบ้านของผู้ตายไม่ไกลมาก บ้านของผู้ตายอยู่ด้านหลังไร่ที่อยู่ตรงหน้า สามีของเธอตายไปเมื่อสองสามปีก่อน ลูกชายก็แต่งงานแยกกันอยู่นานแล้ว เธอจึงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าคนเดียว” จางเยี่ยนเฟิงเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ แล้วจึงกระซิบถามข้างหูของโจวเจ๋อ “ทำไมผมมองไม่เห็นวิญญาณ”
“คงจะลงนรกไปแล้ว” โจวเจ๋ออธิบาย
ถ้าหากดวงวิญญาณทุกดวงตายแล้วต้องไปร้านหนังสือ อย่างนั้นเถ้าแก่โจวคงรวยไปนานแล้ว นั่งนับเงินกระดาษจนมืออ่อน
โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ ขอถุงมือจากหมอนิติเวชแล้วเริ่มตรวจดูศพ ถึงแม้เถ้าแก่โจวจะไม่ใช่หมอนิติเวช แต่ถ้าแค่ตรวจดูในระดับผิวเผิน หมอศัลยกรรมก็พอมีประสบการณ์เหมือนกัน สาเหตุการตายเป็นเพราะศีรษะด้านหลังถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงจริงๆ
“แป้งสีแดงแถวนี้คืออะไร” โจวเจ๋อชี้ไปที่เศษผงที่ติดอยู่บนผมด้านหลังศีรษะของผู้ตายแล้วถาม
“เป็นอิฐแดงค่ะ” หมอนิติเวชหญิงตอบโดยตรง “จากการวิเคราะห์ขั้นต้น อาวุธน่าจะเป็นอิฐแดงก้อนหนึ่ง และได้สั่งให้คนไปตรวจบริเวณรอบๆ แล้ว แต่ไม่มีข้อมูลอะไร”
โจวเจ๋อพยักหน้าเพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว ช่วงนี้มีละครแนวสืบสวนอาชญากรรมเยอะมาก นิยายสืบสวนสอบสวนก็มีเยอะแยะ ถึงแม้พวกนี้จะแต่งมั่วซั่ว แต่ก็มีส่วนที่เป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อย
เขาจำได้ว่าในปีแรกๆ อเมริกาเคยถ่ายทำสารคดีเทคนิคการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมแบบละเอียดจากนั้นถูกสั่งให้หยุด เพราะสารคดีชุดนั้นสามารถเป็นภาพยนตร์ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับฆาตกรเพื่อใช้ในการก่อเหตุได้
อย่างน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่คดีที่ทำไปเพราะตื่นตกใจ แต่เป็นคดีที่มีการวางแผน สัดส่วนของฆาตกรที่ก่อคดีแล้วลบลายนิ้วมือไม่ทิ้งดีเอ็นเอเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากอาวุธเป็นแค่อิฐเท่านั้น หลังจากฆาตกรฆ่าคนแล้วนำกลับไปด้วย แล้วค่อยทิ้งในที่ลับตาคนอีกที ก็เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ หากตำรวจต้องการเสาะหา
โจวเจ๋อลุกขึ้นมองไปที่รถสามล้อที่จอดอยู่อีกด้านและถูกล้อมเอาไว้ ข้างรถสามล้อมีรูปคนที่ถูกวาดด้วยชอล์ก น่าจะเป็นท่านอนบนพื้นของผู้ตายตอนที่ถูกพบ
“มองอะไรออกไหม เถ้าแก่” จางเยี่ยนเฟิงถามเบาๆ
“ถ้าผมมองออก คุณก็ต้องมองออกเหมือนกัน” โจวเจ๋อไม่คิดว่าตำรวจเก่าจะฝีมือแย่กว่าตัวเอง อันที่จริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นชัดเจนมาก ชัดเจนมากถึงขั้นจินตนาการภาพต่อได้ด้วยตัวเอง
หญิงชราน่าจะถีบสามล้อกลับบ้านตัวเองเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง จากนั้นมีเงาดำหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลัง แล้วทุบหญิงชราที่กำลังถีบรถสามล้อโดยตรง หญิงชราจึงร่วงจากรถเสียชีวิตคาที่ หญิงชราถีบรถสามล้อช้ามาก ผู้ใหญ่วิ่งเต็มฝีเท้าเข้ามาเล็กน้อยก็ไล่ตามทันแล้ว
“ที่นี่เป็นเขตถนนเล็กในหมู่บ้าน ไม่มีกล้องวงจรปิด และตอนนั้นก็ดึกมาก ความน่าจะเป็นที่จะมีพยานเห็นเหตุการณ์จึงต่ำมาก” ขณะที่พูดๆ อยู่ จางเยี่ยนเฟิงก็เปลี่ยนเป็นพูดด้วยความขึงขัง “และที่สำคัญที่สุด ทุกอย่างบังเอิญเกินไปไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล