ตอนที่ 386 คาถาเรียกวิญญาณ!
จางเยี่ยนเฟิงงงสุดขีด กระทั่งเซถอยหลังไปสองสามก้าว ถ้าหากเขาไม่ได้ฝืนยันตัวเองไว้คงลงไปนั่งกองริมแม่น้ำแล้ว แน่นอนว่า ตอนนี้ไม่มีใครสมน้ำหน้าหัวเราะเยาะเหล่าจางที่คุมตัวเองไม่อยู่ เพราะไม่ว่าใครก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
ถ้าหากหัวหน้าใหญ่ของสถานีตำรวจเห็นฉากนี้ ไม่ว่าโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง หรือโรคต่างๆ คงอาการกำเริบพร้อมกัน เมื่อทอดมองลงไป มีถุงพลาสติกสีขาวมากกว่าสิบถุงถูกขุดขึ้นมาแล้ว พร้อมกับเสียงรายงานที่ดังต่อเนื่องไม่หยุด
แม่งเอ๊ยไม่ได้เล่มเกมหาสมบัตินะ ที่ขุดเจอแล้วจะได้รางวัล เพราะสิ่งที่ขุดออกมาล้วนเป็นที่น่าตื่นตะลึงทั้งสิ้น ทงเฉิงถึงแม้จะอยู่ในเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับกลางถึงระดับบนของซูโจว แต่ประชากรที่อยู่ประจำถิ่นถาวรยังไม่ถึงสามล้านคน
นี่คือเมืองที่เงียบสงบ เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมจึงมากพอที่จะดึงดูดความฮือฮาอยู่ไม่น้อย ตอนนี้มีศพสิบศพ ไม่ คาดว่ายังมีศพที่ยังไม่ได้ขุดออกมาอีก จึงเหมือนชนวนระเบิดปรมาณูที่เกิดขึ้นในเมืองสงบแห่งนี้!
ทนายอันเดาะปาก ถึงแม้เขาจะมีงานอดิเรกชอบเก็บศพ หลังจากที่เห็นฉากนี้ก็ยังรู้สึกอึ้งและไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
เนื่องจากเขาเก็บศพที่เป็นคนตายปกติ การตายปกติรวมถึงการตายด้วยอุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่การฆ่าคน เขาเหมือนด้วงมูลสัตว์ที่ชอบสะสมมูลของตัวเอง แต่ถุงพลาสติกที่อยู่ริมน้ำเหล่านี้ กลับเป็นคนที่ถูกคนอื่นฆ่าตาย
โจวเจ๋อมองไปทางหยางเค่อวั่งที่ถูกคุมตัวอยู่ด้านหลัง นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เขาอยากมอบให้พวกตำรวจเหรอ แต่หยางเค่อวั่งกลับแสดงสีหน้าตื่นตกใจในตอนนี้ ร่างกายสั่นสะท้าน เหมือนกับเห็นผีตัวเป็นๆ
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…” หยางเค่อวั่งตะโกนไม่หยุด
ไม่ใช่ฝีมือของเขาเหรอ เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าใช่ไหม อันที่จริงก็ใช่ สำหรับหยางเค่อวั่ง เขาแบกชีวิตคนไว้สี่คนแล้ว สมควรที่จะโดนยิงตายอยู่แล้ว
ถึงแม้ประเทศจีนจะมีการประหารชีวิตแบบฉีดยา แต่มีเงื่อนไขสูงมากสำหรับสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้นทุนสูง และมีอานุภาพน้อย ดังนั้นภายในประเทศจีนจึงใช้วิธี ‘การยิง’ เป็นส่วนใหญ่
ตอนที่คุณแบกชีวิตคนไว้สี่คนแล้ว ต่อให้คุณแบกชีวิตคนอีกเท่าไรก็ไม่แตกต่างอะไรแล้วจริงๆ สังคมอารยะ ไม่มีทางให้คุณโดนลงโทษด้วยการแล่เนื้อเถือหนัง และสังคมที่เคารพกฎหมาย จะไม่เปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อทรมานคุณ ซึ่งเหมือนความจุของอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายโลกได้หนึ่งครั้งและทำลายโลกได้สิบห้าครั้ง อันที่จริงโดยแก่นแท้แล้วไม่ได้มีความแตกต่างกัน
ไม่ว่าอย่างไรเหาเยอะแล้วไม่กลัวโดนกัดแล้ว แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่ยอมรับ
“นี่ คุณลุง! คุณเป็นคนปลูกศพพวกนี้เหรอ” ทนายอันตะโกนพูดในเวลานี้ คุณปลูกศพไว้หนึ่งศพเมื่อสิบหกปีก่อนสิบหกปีให้หลังคุณจึงได้ผลผลิตเป็นศพมากมาย
ชายชราคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง ‘พลั่ก’ ทำให้ตำรวจที่อยู่ข้างกายเขาทั้งสองคนทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง
“ผมไม่ได้ฆ่า ผมไม่ได้เป็นคนฆ่า พวกคุณอย่าโทษคนบริสุทธิ์! อย่าโทษคนบริสุทธิ์เด็ดขาด! ผมฝังแค่ศพเดียว ผมฝังไว้ตรงนี้แค่ศพเดียวเท่านั้น อันอื่นผมไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ!” ชายชราร้องไห้ขณะตะโกนพูดปาวๆ ราวกับว่าได้รับความไม่ยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง
…
อย่างแรก ไล่ชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ก่อนแล้วปิดข่าว เพื่อยืนยันว่าพวกนักข่าวเจ้าเล่ห์ของสื่อต่างๆ จะไม่ก่อความวุ่นวายในตอนนี้
อย่างที่สอง เพิ่มกำลังคน ขุดศพทั้งหมดที่ถูกฝังอยู่ริมแม่น้ำแบบแถวหน้ากระดาน เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด
อย่างที่สาม รายงานต่อมณฑล ขอแรงสนับสนุนจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะระดับมณฑลตั้งทีมสอบสวนโดยเฉพาะ
นี่คือการตัดสินสามข้อของเหล่าจาง เพราะงานต่อจากนี้ไม่อยู่ในความควบคุมของเขาแล้ว คดีนี้ไม่อยู่ในการควบคุมของหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมระดับจังหวัดอีกต่อไป
เหล่าจางนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ภายในออฟฟิศ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย โจวเจ๋อยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเหล่าจาง แต่ไม่มีการตอบสนองจากเหล่าจางโดยสิ้นเชิง โชคดีที่โจวเจ๋อเป็นเถ้าแก่ของเขา ดังนั้นโจวเจ๋อจึงหยิบถ้วยน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมา แล้วสาดน้ำข้างในไปบนหน้าของเหล่าจางทั้งหมด
‘ซ่า!’ เหล่าจางไม่รู้สึกรู้สา โจวเจ๋อพยักหน้า ตะโกนเรียกทนายอันที่อยู่ข้างๆ “ไปหยิบขวดน้ำร้อนมาแล้วเปิดออก” เหล่าจางได้สติทันที ไม่ร้องและไม่โวยวาย เขาเช็ดใบหน้าของตัวเองด้วยสองมือ แล้วพูดอย่างทอดถอนใจ “เถ้าแก่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“กินข้าวก่อน” โจวเจ๋อยื่นอาหารจานด่วนมาตรงหน้าเหล่าจาง
โจวเจ๋อเพิ่งไปรับมาจากโรงอาหารของสถานีตำรวจ เป็นอาหารที่ต้องจ่ายเงิน น่องไก่หนึ่งชิ้น หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ผัดถั่วงอก มะเขือเทศผัดไข่ บวกข้าวหนึ่งชาม ทั้งหมดสองจุดห้าหยวน เป็นราคาที่ทำให้โจวเจ๋อซาบซึ้งจนอยากร้องไห้ หลังจากนี้เขาอยากมากินข้าวที่โรงอาหารของสถานีตำรวจให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย หรือไม่ก็สั่งให้เหล่าจางยกหม้อไปซื้อข้าวกลับมาให้คนในร้านหนังสือกินทุกวันหลังเลิกงาน
ประเทศชาติก็เป็นของประชาชน ประชาชนอยากเอาเปรียบประเทศเล็กน้อย ก็เหมือนหยิบของในบ้านของตัวเองแบบนี้จะเรียกว่าขโมยได้เหรอ
“ข้อมูลรายงานมาแล้ว ทั้งหมดสิบหกศพ หนึ่งในนั้นมีซากกระดูกศพของผู้หญิงเมื่อสิบหกปีก่อนถูกขุดออกมาแล้ว เพราะในถุงพลาสติกนั่นยังมีข้าวของของผู้หญิงคนนั้นอยู่ จึงแยกแยะได้ง่ายมาก แต่ยังเหลืออีกสิบห้าศพ สิบห้าศพ! ยากจริง ยากจริงๆ…”
เหล่าจางกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเศร้าใจเป็นอย่างมาก ศพที่ไร้ตัวตนศพเดียวก็มากพอให้ตำรวจทำงานยุ่งได้นานพอแล้ว ตอนนี้โผล่มาตั้งสิบห้าศพ ลำพังแค่หาตัวตนของพวกเขา ก็เป็นภารกิจที่ยากลำบากสุดๆ แล้ว
“ไม่ต้องกังวล หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคุณจะพบว่ากินข้าวยากยิ่งกว่าการไขคดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล