ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 388

สรุปบท ตอนที่ 388 กินเหล้า กินเนื้อ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 388 กินเหล้า กินเนื้อ – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 388 กินเหล้า กินเนื้อ ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 388 กินเหล้า กินเนื้อ

บางคนอายุมากขึ้นก็ยิ่งเหงา แต่บางคนอายุมากเข้าก็ยิ่งทำตามอำเภอใจ ใช้ชีวิตตามแบบแผนมาทั้งชีวิต เมื่อมองแล้วเห็นว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นจึงอยากทำตามอำเภอใจขึ้นมา ไม่อย่างนั้นมักจะรู้สึกเสียเปรียบอยู่เสมออย่างน้อยสำหรับนักพรตเฒ่า ได้รู้จักกับสหายคนหนึ่งโดยบังเอิญ ได้ดื่มเหล้า กินถั่วต้มด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในชีวิต

“พี่ชาย คุณยังดูแข็งแรงอยู่เลยนะ” ชายชราพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย เมื่ออายุเท่านี้แล้ว ไม่มีใครแข่งเรื่องมีเงินมากมีเงินน้อย และไม่จำเป็นต้องแข่งว่าใครมีลูกเป็นอย่างไร แต่แข่งกันเรื่องสุขภาพ ฉันอายุยืนกว่าคุณ ก็คือเก่งกว่าคุณ!

เมื่อครู่ตอนที่ชายชราคอยดูต้นทางอยู่หน้าประตู ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวของนักพรตเฒ่าที่เอาศีรษะมุดอยู่ในท่อระบายน้ำ คนที่มาตรอกมืดแห่งนี้ เป็นคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามคนที่มาเที่ยวสาวขายบริการพวกนี้มีแต่ผู้สูงวัย คนหนุ่มๆ จะไม่มาที่นี่ และคนอื่นมาแล้วก็รีบเข้าแล้วรีบออก เมื่อเทียบกับคนที่ใช้เวลานานอย่างนักพรตเฒ่ากลับมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

“ฮิๆ ออกกำลังกายเป็นประจำก็พอ ข้าจะบอกเจ้านะ สุขภาพร่างกายของข้า ต่อให้ยมทูตยืนต่อหน้าข้าเป็นแก๊งข้าก็ไม่กลัวเลยสักนิด! ไม่กลัวว่าพวกเขาจะกระชากวิญญาณของข้าไป” นักพรตเฒ่าออกแรงทุบหน้าอกที่แห้งเหี่ยวของตัวเอง เขาพูดสิ่งเหล่านี้ด้วยความมาดมั่นเป็นอย่างมาก!

“อิจฉา? พี่ชาย” ชายชราจิบเหล้าแล้วเดาะปาก ถอนหายใจพูดว่า “ผมน่ะ อายุมากแล้ว ไม่ไหวแล้วครับ ตอนนี้เหมือนจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วย ใครจะรู้ว่าตัวเองเดินออกไปข้างนอกแล้วจะหลงทางวันไหน คุณลองคิดดู ถ้าหลงอยู่ตามถนนใหญ่ก็ยังพอได้ ยังพอมีคนเห็นคุณ เวลาเกิดเรื่องอะไร ไม่มีใครกล้าประคองคุณ แต่ก็ต้องมีคนช่วยโทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาลมาให้คุณบ้าง ถ้าหากเดินหลงไปตามเขตชานเมือง จะไม่มีแม้แต่คนช่วยเก็บศพ และไม่รู้ว่าจะถูกแมวหรือสุนัขที่ไหนเอาไปกิน เหอะๆ”

“โรคอัลไซเมอร์” นักพรตเฒ่าตกตะลึง “อย่างนั้นเจ้ายังจะออกมาทำงานอีก”

“ไม่ทำงานแล้วจะให้ทำอะไร ขังตัวอยู่ในบ้านก็หมดไปหนึ่งวัน ออกมาข้างนอกก็กินเวลาหนึ่งวันเหมือนกัน ใช่ไหม”

ทั้งสองคนชนแก้วกัน ความเจ็บปวดใจสำหรับคนแก่ลอยอยู่ในแก้วเหล้าหมดแล้ว

“งั้นเอาแบบนี้ อีกสักพักจะมืดค่ำแล้ว ผมไปผัดกับข้าวสักสองอย่าง แล้วพวกเราก็กินข้าวด้วยกันสักมื้อ คุณโอเคไหม”

“ได้เลย อย่างนั้นข้าขอหน้าด้านรอแล้วกัน”

ชายชราลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว ที่นี่เป็นห้องชุดขนาดสองห้องนอนคือมีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก มีพื้นที่ประมาณหกสิบตารางเมตร ถือว่าคับแคบเป็นอย่างมาก ห้องครัวก็เล็กนิดเดียว

“เจ้าอยู่คนเดียวใช่ไหม” นักพรตเฒ่าถาม

“ใช่ อยู่คนเดียว และขี้เกียจปล่อยเช่า อยู่คนเดียวเงียบกว่า ถึงแม้ห้องจะเล็กไปหน่อย”

“ถ้าหากอยู่คนเดียวก็ไม่ถือว่าเล็ก ที่พักอาศัยของคนหนุ่มสาวที่เป็นคนหลงกรุงอยู่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ถึงจะเรียกว่าเล็กของจริง”

“นั่นสิ ได้ยินว่าช่วงนี้ราคาห้องเช่าเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่ง่ายเลยจริงๆ”

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ชายชราเดินออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะลงไปเก็บต้นหอมในแปลงผัก พี่ชาย คุณนั่งตรงนี้กินเหล้ารอไปก่อน”

“ลำบากแล้วๆ”

ชายชราเดินออกจากประตูห้องแล้วเดินออกไป นักพรตเฒ่าก็ไปเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะอย่างสบายใจ หลังจากออกมาเขาผลักประตูห้องนอนเข้าไปดู แล้วจึงเห็นห้องนอนที่ว่างเปล่า ไม่มีเตียงอยู่ในนั้น แต่มีตู้แช่เย็นขนาดใหญ่ เหมือนตู้แช่เย็นที่ขายเครื่องดื่มตามร้านค้าปลีก ตั้งวางอยู่ตรงมุมห้องพร้อมกับเสียบปลั๊กเอาไว้

ห้องถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้านไม่มีแม้แต่ฝุ่นผง ตอนที่นักพรตเฒ่าเข้าไปปัสสาวะก่อนหน้านั้นยังเห็นน้ำหอมปรับอากาศและน้ำยาฆ่าเชื้อวางอยู่ในห้องน้ำ น้องชายคนนี้เป็นคนที่มีระเบียบมากคนหนึ่ง เกือบจะเท่ากับเถ้าแก่ที่รักอนามัยของตัวเองแล้ว

นักพรตเฒ่าจำได้ว่าเมื่อก่อนเถ้าแก่เคยวางตู้แช่เย็นไว้บนชั้นสองของร้านหนังสือเหมือนกัน แต่ตู้แช่เย็นของเถ้าแก่น่ากลัวมากกว่า เพราะเป็นตู้แช่เย็นสำหรับบรรจุคนตาย เถ้าแก่นอนอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน แน่นอนว่า เนื่องจากคุณสมบัติทางร่างกายที่พิเศษของตัวเถ้าแก่เอง จึงมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถนอนในนั้นได้ไม่กลัวหนาวตาย

ถ้าหากเหล่าจางกับสาวน้อยโลลินอนในตู้แช่เย็นแบบนั้น วันถัดมาคงไม่ต้องเรียกพวกเขามากินข้าวเช้าแล้วเตรียมจัดงานศพให้พวกเขาได้เลย แต่หลังจากที่เถ้าแก่มีอิงอิง ตู้แช่เย็นนั้นไม่ถูกย้ายมาที่ร้านใหม่แถวถนนหนานต้าด้วย

สาเหตุเพราะอะไรน่ะเหรอ นักพรตเฒ่าเข้าใจ เหอะๆ เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน นักพรตเฒ่าผลักประตูห้องที่สองแล้วจึงตกใจเล็กน้อย มีเพียงเสื่อเย็นหนึ่งผืนที่ปูอยู่ด้านใน ไม่มีโทรทัศน์ และไม่มีข้าวของอย่างอื่น เรียบง่ายเสียจนไม่มีอะไรที่เรียบง่ายและสมถะไปกว่านี้อีกแล้ว

นักพรตเฒ่าลูบคางของตัวเองพลางคิดว่า ชายชราคนนี้ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบและเรียบง่ายจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นโรคอัลไซเมอร์ ถ้าหากข้าอยู่ที่นี่ก็คงโง่ขี้หลงขี้ลืมเหมือนกัน เมื่อคิดแบบนี้ ทันใดนั้นนักพรตเฒ่ารู้สึกว่า ร้านหนังสือที่ตัวเองอยู่มีแต่เรื่องตื่นเต้นตกใจเกือบทุกวัน เมื่อวานซืนเจอผี เมื่อวานนี้เห็นคนตาย วันมะรืนก็เจอเรื่องอื่นแล้วแต่สถานการณ์ ทำให้ได้พบเจอกับความตื่นเต้นอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

นักพรตเฒ่าปิดประตูทั้งสองห้องแล้วเดินมาหน้าประตูห้องชุด ทอดมองไปข้างนอกครู่หนึ่ง น้องชายคนนั้นไปเด็ดต้นหอมนานแล้วทำไมยังไม่กลับมา เวลานี้มีผู้หญิงคนหนึ่งถือถุงพลาสติกเดินขึ้นบันไดมา รูปแบบของร้านนี้คือ ชั้นล่างเป็นร้านค้า และหนึ่งในนั้นก็คือร้านนวดเท้า ชั้นบนเป็นบ้านคนอยู่อาศัย และบ้านของชายชราคนนี้ก็อยู่ที่ชั้นสาม

“คุณคือ” ผู้หญิงมองนักพรตเฒ่าด้วยความสงสัย

“ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้ามาเที่ยวบ้านเพื่อน”

“ตาคนนั้นเป็นเพื่อนของคุณเหรอ” ผู้หญิงแปลกใจเล็กน้อย

“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ”

“ตาคนนั้นแปลกจะตาย วันๆ เอาแต่เล่นหมากรุกอยู่หน้าปากซอย ไม่ค่อยได้เห็นแกออกไปไหน”

“เขาอายุมากแล้ว” นักพรตเฒ่าแสดงความเข้าใจ รู้ว่าตัวเองมีโรคขี้หลงขี้ลืมแต่ยังเที่ยวตะลอนไปทั่ว นี่คือสมองมีปัญหาจริงๆ

นักพรตเฒ่าตบท้องของตัวเองแล้วอุทานว่า “มีความสุขจริงๆ สบายมาก สุดยอด!”

ชายชรายกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับนักพรตเฒ่า ทั้งสองคนดื่มรวดเดียวจบ เพราะเขาก็กินเสร็จแล้ว

“น้องชาย ฝีมือของเจ้าถ้าไม่เป็นพ่อครัวคงน่าเสียดายจริงๆ พ่อครัวในบริษัทของข้า ยังทำอาหารไม่เก่งเท่ากับเจ้าเลย”

“อ้าว พี่ชายเปิดบริษัทด้วยเหรอ” ชายชราแปลกใจเล็กน้อย จึงรีบถามทันที

“ใช่ เปิดบริษัท หน้าร้านอยู่ที่ถนนหนานต้า”

“ถนนหนานต้าเหรอ สุดยอด” ชายชราพูดด้วยความตกใจ ในสายตาของคนทงเฉิง ถนนหนานต้าคือย่านหรูหราที่สุดใจกลางเมืองทงเฉิง ร้านค้าที่สามารถเปิดบริการในย่านนี้ ลำพังแค่ค่าเช่าก็น่าตกใจมากพอแล้ว

“ไม่ค่อยได้กำไร มีแต่ขาดทุน ในร้านมีแต่พวกไม่ปกติ เซ็งมาก”

“เหอะๆ ก็จริง ทำธุรกิจสมัยนี้ไม่ค่อยดี พนักงานที่จริงจังหนักแน่นก็หายาก”

“ใช่แล้ว พนักงานในร้านมีแต่คนขี้เกียจ ถ้าหากข้าไม่คอยเฝ้า ไม่หยิบแส้คอยฟาดอยู่ข้างหลัง พวกเขายังกล้าที่จะจิบน้ำชาอาบแดดต่อหน้าข้าอีกด้วย เถ้าแก่อย่างข้า ลำบากมากจริงๆ”

“เราต้องเข้มงวดกับลูกน้องให้ดี ต้องตั้งกฎขึ้นมาเพื่อความเป็นระเบียบ”

“ใช่แล้ว”

“ทุกอย่างไม่ง่ายเลย ก่อนหน้านั้นได้ยินว่าคุณไม่มีเพื่อนหรือญาติสนิท คิดไม่ถึงว่าคุณจะเปิดบริษัทด้วย คิดไม่ถึงจริงๆ คุณก็น่าสนใจดีนะ ทำไมถึงวิ่งมาใช้บริการที่นี่ล่ะ จากรายได้ของคุณ ไม่น่าจะมาใช้จ่ายถึงที่นี่ ถ้าหากเป็นอะไรไปพนักงานในร้านของคุณไม่ร้อนใจแย่เหรอ”

“ใครสั่งให้ข้าชอบแบบนี้ล่ะ สาวๆ ในคลับทั้งสาวและสวยก็จริง แต่ข้าทำไม่ลง เพราะแต่ละคนอายุรุ่นหลานสาวของข้า กระทั่งเป็นเหลนสาวของข้าด้วยซ้ำ ข้าทำไม่ลงจริงๆ อีกอย่างพวกเราอายปูนนี้แล้ว เจ้าคิดว่าความหุนหันและความต้องการมีมากน้อยแค่ไหน อย่างมากก็แค่อยากหาคนปลอบใจ หาคนที่เข้าใจตัวเอง นั่งคุยกันก็เท่านั้น เจ้าคิดว่าใช่หรือไม่ใช่”

“มีเหตุผลเหมือนกัน” ชายชราพยักหน้า แต่เขากลับถอนหายใจอย่างเงียบๆ พร้อมกับมีสีหน้าที่ดูผิดหวังอยู่บ้าง

………………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล