ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 388

ตอนที่ 388 กินเหล้า กินเนื้อ

บางคนอายุมากขึ้นก็ยิ่งเหงา แต่บางคนอายุมากเข้าก็ยิ่งทำตามอำเภอใจ ใช้ชีวิตตามแบบแผนมาทั้งชีวิต เมื่อมองแล้วเห็นว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นจึงอยากทำตามอำเภอใจขึ้นมา ไม่อย่างนั้นมักจะรู้สึกเสียเปรียบอยู่เสมออย่างน้อยสำหรับนักพรตเฒ่า ได้รู้จักกับสหายคนหนึ่งโดยบังเอิญ ได้ดื่มเหล้า กินถั่วต้มด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในชีวิต

“พี่ชาย คุณยังดูแข็งแรงอยู่เลยนะ” ชายชราพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย เมื่ออายุเท่านี้แล้ว ไม่มีใครแข่งเรื่องมีเงินมากมีเงินน้อย และไม่จำเป็นต้องแข่งว่าใครมีลูกเป็นอย่างไร แต่แข่งกันเรื่องสุขภาพ ฉันอายุยืนกว่าคุณ ก็คือเก่งกว่าคุณ!

เมื่อครู่ตอนที่ชายชราคอยดูต้นทางอยู่หน้าประตู ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวของนักพรตเฒ่าที่เอาศีรษะมุดอยู่ในท่อระบายน้ำ คนที่มาตรอกมืดแห่งนี้ เป็นคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามคนที่มาเที่ยวสาวขายบริการพวกนี้มีแต่ผู้สูงวัย คนหนุ่มๆ จะไม่มาที่นี่ และคนอื่นมาแล้วก็รีบเข้าแล้วรีบออก เมื่อเทียบกับคนที่ใช้เวลานานอย่างนักพรตเฒ่ากลับมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

“ฮิๆ ออกกำลังกายเป็นประจำก็พอ ข้าจะบอกเจ้านะ สุขภาพร่างกายของข้า ต่อให้ยมทูตยืนต่อหน้าข้าเป็นแก๊งข้าก็ไม่กลัวเลยสักนิด! ไม่กลัวว่าพวกเขาจะกระชากวิญญาณของข้าไป” นักพรตเฒ่าออกแรงทุบหน้าอกที่แห้งเหี่ยวของตัวเอง เขาพูดสิ่งเหล่านี้ด้วยความมาดมั่นเป็นอย่างมาก!

“อิจฉา? พี่ชาย” ชายชราจิบเหล้าแล้วเดาะปาก ถอนหายใจพูดว่า “ผมน่ะ อายุมากแล้ว ไม่ไหวแล้วครับ ตอนนี้เหมือนจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วย ใครจะรู้ว่าตัวเองเดินออกไปข้างนอกแล้วจะหลงทางวันไหน คุณลองคิดดู ถ้าหลงอยู่ตามถนนใหญ่ก็ยังพอได้ ยังพอมีคนเห็นคุณ เวลาเกิดเรื่องอะไร ไม่มีใครกล้าประคองคุณ แต่ก็ต้องมีคนช่วยโทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาลมาให้คุณบ้าง ถ้าหากเดินหลงไปตามเขตชานเมือง จะไม่มีแม้แต่คนช่วยเก็บศพ และไม่รู้ว่าจะถูกแมวหรือสุนัขที่ไหนเอาไปกิน เหอะๆ”

“โรคอัลไซเมอร์” นักพรตเฒ่าตกตะลึง “อย่างนั้นเจ้ายังจะออกมาทำงานอีก”

“ไม่ทำงานแล้วจะให้ทำอะไร ขังตัวอยู่ในบ้านก็หมดไปหนึ่งวัน ออกมาข้างนอกก็กินเวลาหนึ่งวันเหมือนกัน ใช่ไหม”

ทั้งสองคนชนแก้วกัน ความเจ็บปวดใจสำหรับคนแก่ลอยอยู่ในแก้วเหล้าหมดแล้ว

“งั้นเอาแบบนี้ อีกสักพักจะมืดค่ำแล้ว ผมไปผัดกับข้าวสักสองอย่าง แล้วพวกเราก็กินข้าวด้วยกันสักมื้อ คุณโอเคไหม”

“ได้เลย อย่างนั้นข้าขอหน้าด้านรอแล้วกัน”

ชายชราลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว ที่นี่เป็นห้องชุดขนาดสองห้องนอนคือมีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก มีพื้นที่ประมาณหกสิบตารางเมตร ถือว่าคับแคบเป็นอย่างมาก ห้องครัวก็เล็กนิดเดียว

“เจ้าอยู่คนเดียวใช่ไหม” นักพรตเฒ่าถาม

“ใช่ อยู่คนเดียว และขี้เกียจปล่อยเช่า อยู่คนเดียวเงียบกว่า ถึงแม้ห้องจะเล็กไปหน่อย”

“ถ้าหากอยู่คนเดียวก็ไม่ถือว่าเล็ก ที่พักอาศัยของคนหนุ่มสาวที่เป็นคนหลงกรุงอยู่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ถึงจะเรียกว่าเล็กของจริง”

“นั่นสิ ได้ยินว่าช่วงนี้ราคาห้องเช่าเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่ง่ายเลยจริงๆ”

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ชายชราเดินออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะลงไปเก็บต้นหอมในแปลงผัก พี่ชาย คุณนั่งตรงนี้กินเหล้ารอไปก่อน”

“ลำบากแล้วๆ”

ชายชราเดินออกจากประตูห้องแล้วเดินออกไป นักพรตเฒ่าก็ไปเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะอย่างสบายใจ หลังจากออกมาเขาผลักประตูห้องนอนเข้าไปดู แล้วจึงเห็นห้องนอนที่ว่างเปล่า ไม่มีเตียงอยู่ในนั้น แต่มีตู้แช่เย็นขนาดใหญ่ เหมือนตู้แช่เย็นที่ขายเครื่องดื่มตามร้านค้าปลีก ตั้งวางอยู่ตรงมุมห้องพร้อมกับเสียบปลั๊กเอาไว้

ห้องถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้านไม่มีแม้แต่ฝุ่นผง ตอนที่นักพรตเฒ่าเข้าไปปัสสาวะก่อนหน้านั้นยังเห็นน้ำหอมปรับอากาศและน้ำยาฆ่าเชื้อวางอยู่ในห้องน้ำ น้องชายคนนี้เป็นคนที่มีระเบียบมากคนหนึ่ง เกือบจะเท่ากับเถ้าแก่ที่รักอนามัยของตัวเองแล้ว

นักพรตเฒ่าจำได้ว่าเมื่อก่อนเถ้าแก่เคยวางตู้แช่เย็นไว้บนชั้นสองของร้านหนังสือเหมือนกัน แต่ตู้แช่เย็นของเถ้าแก่น่ากลัวมากกว่า เพราะเป็นตู้แช่เย็นสำหรับบรรจุคนตาย เถ้าแก่นอนอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน แน่นอนว่า เนื่องจากคุณสมบัติทางร่างกายที่พิเศษของตัวเถ้าแก่เอง จึงมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถนอนในนั้นได้ไม่กลัวหนาวตาย

ถ้าหากเหล่าจางกับสาวน้อยโลลินอนในตู้แช่เย็นแบบนั้น วันถัดมาคงไม่ต้องเรียกพวกเขามากินข้าวเช้าแล้วเตรียมจัดงานศพให้พวกเขาได้เลย แต่หลังจากที่เถ้าแก่มีอิงอิง ตู้แช่เย็นนั้นไม่ถูกย้ายมาที่ร้านใหม่แถวถนนหนานต้าด้วย

สาเหตุเพราะอะไรน่ะเหรอ นักพรตเฒ่าเข้าใจ เหอะๆ เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน นักพรตเฒ่าผลักประตูห้องที่สองแล้วจึงตกใจเล็กน้อย มีเพียงเสื่อเย็นหนึ่งผืนที่ปูอยู่ด้านใน ไม่มีโทรทัศน์ และไม่มีข้าวของอย่างอื่น เรียบง่ายเสียจนไม่มีอะไรที่เรียบง่ายและสมถะไปกว่านี้อีกแล้ว

นักพรตเฒ่าลูบคางของตัวเองพลางคิดว่า ชายชราคนนี้ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบและเรียบง่ายจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นโรคอัลไซเมอร์ ถ้าหากข้าอยู่ที่นี่ก็คงโง่ขี้หลงขี้ลืมเหมือนกัน เมื่อคิดแบบนี้ ทันใดนั้นนักพรตเฒ่ารู้สึกว่า ร้านหนังสือที่ตัวเองอยู่มีแต่เรื่องตื่นเต้นตกใจเกือบทุกวัน เมื่อวานซืนเจอผี เมื่อวานนี้เห็นคนตาย วันมะรืนก็เจอเรื่องอื่นแล้วแต่สถานการณ์ ทำให้ได้พบเจอกับความตื่นเต้นอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

นักพรตเฒ่าปิดประตูทั้งสองห้องแล้วเดินมาหน้าประตูห้องชุด ทอดมองไปข้างนอกครู่หนึ่ง น้องชายคนนั้นไปเด็ดต้นหอมนานแล้วทำไมยังไม่กลับมา เวลานี้มีผู้หญิงคนหนึ่งถือถุงพลาสติกเดินขึ้นบันไดมา รูปแบบของร้านนี้คือ ชั้นล่างเป็นร้านค้า และหนึ่งในนั้นก็คือร้านนวดเท้า ชั้นบนเป็นบ้านคนอยู่อาศัย และบ้านของชายชราคนนี้ก็อยู่ที่ชั้นสาม

“คุณคือ” ผู้หญิงมองนักพรตเฒ่าด้วยความสงสัย

“ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้ามาเที่ยวบ้านเพื่อน”

“ตาคนนั้นเป็นเพื่อนของคุณเหรอ” ผู้หญิงแปลกใจเล็กน้อย

“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ”

“ตาคนนั้นแปลกจะตาย วันๆ เอาแต่เล่นหมากรุกอยู่หน้าปากซอย ไม่ค่อยได้เห็นแกออกไปไหน”

“เขาอายุมากแล้ว” นักพรตเฒ่าแสดงความเข้าใจ รู้ว่าตัวเองมีโรคขี้หลงขี้ลืมแต่ยังเที่ยวตะลอนไปทั่ว นี่คือสมองมีปัญหาจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล