ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 404

สรุปบท ตอนที่ 404 ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในร้านหนังสือ!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 404 ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในร้านหนังสือ! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 404 ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในร้านหนังสือ! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 404 ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในร้านหนังสือ!

สิ่งที่กินในมื้อดึกคือบะหมี่ผักกาดดอง สวี่ชิงหล่างเข้าครัวเอง

แป้งที่เหล่าสวี่ลงมือนวดเองทั้งเหนียวนุ่มและอร่อย โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ใส่หมูที่หั่นเป็นเส้นเล็กๆ และผักกาดดองพูนๆ ลงไป เติมน้ำขลุกขลิกลงไปคลุกเคล้า กลิ่นหอมเตะจมูกจริงๆ แค่มองมันก็กระตุ้นความอยากอาหารของผู้คน

ชุ่ยฮวาฟื้นแล้ว หลังจากเห็นทนายอันเธอก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพียงแค่นั่งอย่างสงบเสงี่ยมข้างๆ โต๊ะ

เมื่อโจวเจ๋อนั่งลงที่โต๊ะด้วย ชุ่ยฮวาเหลือบมองโจวเจ๋ออีกสองครั้ง ในสายตาของเธอ นี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่กลับเป็นการยั่วยุแทน โจวเจ๋อส่ายหน้า ช่างเป็นยายโง่ของแท้สมชื่อจริงๆ

แต่ว่า โจวเจ๋อก็สังเกตเห็นแล้วว่าคอและข้อมือของชุ่ยฮวาถูกมัดไว้ด้วยเส้นด้ายสีแดง โจวเจ๋อรับประกันได้ว่าก่อนหน้านี้มันไม่มีอยู่ เพราะว่าตอนที่เขาจ้วงแทงเธอก่อนหน้านี้ก็ไม่พบอะไร ไม่ต้องสงสัยเลย จะต้องเป็นทนายอันที่สวมเข้าไปแน่ๆ ทนายอันก็คือทนายอันอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ที่เคยช่วยชีวิตตัวเอง อะไรที่สมควรระวังก็ยังต้องระวังอยู่ดี

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารหดหู่มาก ตอนนี้เหล่าสวี่กำลังลดน้ำหนัก แม้ว่าเขาจะเป็นคนทำมื้อดึกให้กิน แต่เขากลับไม่คิดจะกินด้วย นอกจากนี้คนที่สามารถกินอาหารได้อย่างปกติสุขในร้านหนังสืออีกคนหนึ่ง ตอนนี้ยังกินข้าวแดงอยู่ในคุกอยู่เลย ส่วนคนที่นั่งล้อมรอบโต๊ะอยู่ดันเป็นผีที่กินอาหารยากลำบากทั้งนั้น

ทนายอันมองโจวเจ๋อ โจวเจ๋อส่ายหน้า น้ำดอกพลับพลึงแดงเหลือไม่มากแล้วจริงๆ ทุกคนเริ่มกินบะหมี่ คีบกินทีละเส้นๆ กินอย่างสง่างามสุดๆ ยกเว้นชุ่ยฮวาเพียงคนเดียว เธอกินเข้าไปคำโตและบ้วนทิ้งออกมา กินบะหมี่คำโตอีกครั้งแล้วก็บ้วนทิ้งออกมาอีก

ทุกคนบนโต๊ะอาหารมองหน้ากัน และค่อยๆ วางตะเกียบในมือตัวเองลงพร้อมกันไปโดยปริยาย

เดิมทีก็กลืนอาหารลงยากอยู่แล้ว ยิ่งเจอฉากนี้เข้าไปอีกก็ยิ่งกินไม่ลงไปกันใหญ่ จะเห็นได้ว่า ชุ่ยฮวาก็กินอย่างทรมานเช่นเดียวกัน แต่เธอมีความพยายามกินอย่างมาก ราวกับว่ากินข้าวเสร็จแล้วต้องลงทุ่งไปทำนาเสียอย่างนั้น สุดท้ายเธอก็กินบะหมี่ตรงหน้าตัวเองจนหมดเกลี้ยง ชุ่ยฮวาวางตะเกียบลง ตบหน้าท้องตัวเองเบาๆ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ลุงอัน เบื้องล่างน่ะไม่มีผักกาดดองให้กินหรอกนะ ฮี่ๆๆ” ยายโง่พูดอย่างมีความสุข

“ชุ่ยฮวา คุณวางใจได้ ผมไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก ผมจะส่งคุณลงนรกไปอย่างสบายๆ”

เรื่องนี้น่ะ เขาได้หารือกับโจวเจ๋อเรียบร้อยแล้ว

ชุ่ยฮวามองทนายอัน สุดท้ายจ้องไปที่โจวเจ๋อ “ลุงอัน เขาแทงฉันตั้งหลายครั้งแน่ะ ทั้งในป่า ริมแม่น้ำ บนรถ เขาไม่มีอะไรทำก็แทงฉันอีกหลายที เจ็บมากเลย”

“…” โจวเจ๋อ

“เอาละ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไม่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว คุณจำไว้ให้ดี แล้วช่วยบอกเหล่าซื่อให้ผมหน่อย”

“เชิญว่ามาเลย”

“คนกระทำ ฟ้ามีตา อย่าคิดว่าเป็นผู้ตรวจสอบแล้วจะสามารถหลบพ้นสายตาของฟ้าได้”

สิ่งที่ทนายอันพูดนั่นเรียกว่าคนผู้มีความเที่ยงธรรม!

“ลุงอัน ท่านสี่มักจะพูดว่า ท่าทางวางมาดเคร่งขรึมของคุณมันน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลย”

“…” ทนายอัน “เอาละๆ เรื่องนี้น่ะ ผมจะคิดบัญชีกับเขาในอนาคต”

ทนายอันไม่ได้เป็นเหมือนดั่งในวันวานแล้ว ในปีนั้นที่เขาหนีออกจากนรกมาได้และกลายเป็นหนูข้างถนน มีช่วงหนึ่งที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา แต่หลายปีมานี้อาศัยการค้าในพื้นที่สีเทาของตัวเอง แม้จะไม่มีตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเคยเซ่นไหว้ผูกมิตรเอาไว้ไม่น้อย

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูลและหลักฐานมากมายที่อยู่ในกำมือเขา ที่จะทำให้กองกำลังในนรกหวาดกลัวได้ไม่น้อย

เว้นเสียแต่ว่ากองกำลังเหล่านั้นจะฉวยโอกาสตบตีเขาให้ตาย ไม่อย่างนั้นก็ยังไม่อยากสู้กันจนพังกันทั้งสองฝ่าย

เฝิงซื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบในนรก มีอนาคตงดงาม แต่ตอนนี้เหล่าอันเลียแข้งเลียขาคนใหม่แล้ว รอจนขาทองคำนี้ใหญ่และแข็งแรงอีกหน่อย ตอนที่กลับนรกไป เฝิงซื่อจะนับเป็นตัวอะไรได้ พญายมราชทั้งสิบยังต้องหลบไป!

“แต่ว่า ก่อนที่จะปล่อยคุณไป คุณต้องช่วยอะไรอย่างหนึ่งก่อน”

“ท่านสี่บอกว่า โจรไม่กลับไปมือเปล่า”

“…” ทนายอัน

“ในร้านหนังสือมีสัตว์น้อยน่ารักอยู่สองสามตัว ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บมาอยากให้คุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกมันหน่อย หลังจากรักษาพวกมันให้หายดีแล้ว ผมจะปล่อยคุณกลับไป”

“ท่านสี่บอกว่า คนอื่นมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายแต่เราเป็นเหมือนเนื้อบนเขียงเท่านั้น”

“เอาละ ไม่เสียเวลาแล้ว สภาพร่างกายของคุณในตอนนี้สามารถเริ่มรักษาได้หรือเปล่า”

ทนายอันล้มเลิกความคิดที่จะสื่อสารกับชุ่ยฮวา เพราะเขารู้สึกว่าถ้ายังคงสื่อสารต่อไป เขาคงทนไม่ไหวจนอยากจะพุ่งไปบีบคอของเธอแน่ๆ

“ท่านสี่บอกว่า คนที่อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น ไม่ได้ก็ต้องได้”

“เจ้าลิง!” โจวเจ๋อตะโกนเรียก

เจ้าลิงน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะอาหารทันที และจ้องมองชุ่ยฮวาด้วยสายตาระแวดระวัง

“ไปหาเธอตรงนั้น” โจวเจ๋อออกคำสั่ง

เจ้าลิงน้อยเดินเข้าไปทีละก้าว ชุ่ยฮวาเอื้อมมือออกไปจับมือทั้งสองข้างของเจ้าลิงไว้ ชุ่ยฮวาหลับตาและรับรู้ถึงมันพักหนึ่ง จากนั้นลืมตาขึ้นเอ่ยว่า “เจ้าลิงนี่…แปลกจังเลย”

“แปลกตรงไหนล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“อิงอิง!”

“หงิงๆๆ!”

ผีดิบสาวกระโดดพุ่งตรงขึ้นไป และชิงจับหางเจ้าลิงก่อนที่มันจะเข้าใกล้เถ้าแก่ จากนั้นเหวี่ยงมันลงกับพื้น!

‘ปัง!’

พื้นถูกกระแทกจนเป็นรู โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก ไม่ได้เจ็บปวดแทนเจ้าลิง แต่เพราะราคาพื้นไม่ใช่เล่นๆ เลย รอจนกว่าจะช่วยนักพรตเฒ่าออกมาได้ ตอนนั้นค่อยให้นักพรตเฒ่าชดใช้ก็แล้วกัน ถึงอย่างไรมันก็เป็นลิงที่เขาเลี้ยง

เจ้าลิงถูกกระแทกอย่างแรง แต่กลับเด้งกลับมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น

“กักขัง!” สาวน้อยโลลิอ้าปากแลบลิ้นออกมา แต่ขนาดตัวของเจ้าลิงมันดันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ความเร็วของมันก็เร็วขึ้นเช่นกัน มันพุ่งตัวหลบพ้นลิ้นของสาวน้อยโลลิ

“ไอ้เวรเอ๊ย ใจเย็นลงหน่อยสิวะ!” ทนายอันออกโรงแล้ว

ดูเหมือนว่าเจ้าลิงจะกลัวทนายอัน หรืออีกนัยหนึ่งคือ เจ้าลิงแค้นฝังหุ่นแค่กับโจวเจ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น มันไม่สนใจคนอื่นๆ ในร้านหนังสือเลยสักนิด การแก้แค้นในชาติที่แล้วของมันเป็นเพียงการแก้แค้นครอบครัวของศัตรูเท่านั้น ไม่ได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ตามอำเภอใจ

ทันทีที่ทนายอันเข้าใกล้ เจ้าลิงก็รีบถอยกรูดออกไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมันก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือจากในกระเป๋าย่ามบนตัวของมันออกมาหนึ่งเล่ม!

ใช่แล้ว มันคือสมุดหยินหยาง!

“ซี้ด…” ทนายอันสูดปาก และพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “สมุดหยินหยาง ทำไมคุณถึงมีของแบบนี้ได้”

คุณมีของสิ่งนี้ ผมกลับไม่รู้อะไรเลย! ทนายอันมองโจวเจ๋อด้วยความประหลาดใจและถามต่อ “ทำไมคุณถึงเอาของสิ่งนี้ไปไว้บนตัวเจ้าลิงได้ล่ะ”

เพราะว่าสมุดหยินหยางเคยโดนขโมยไปก่อนหน้านี้ แถมตอนนี้ยังใช้ไม่ได้อีกด้วย โจวเจ๋อเลยฝากให้เจ้าลิงช่วยเก็บรักษามันไว้น่ะ

ในเวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของทนายอัน โจวเจ๋อยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจพลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร มันใช้ไม่เป็นหรอก”

ฉันเองก็ใช้ไม่เป็นเหมือนกัน แต่ฉากต่อไปกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าโจวเจ๋อค้างเติ่ง เจ้าลิงชูสมุดหยินหยางขึ้นทันที

“เจี๊ยกๆๆ!!!!!”

ทันใดนั้นมีลำแสงสองดวงพุ่งออกมาจากในสมุดหยินหยาง ลำหนึ่งสีดำ ลำหนึ่งสีขาว เทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือสององค์ที่ถูกฝุ่นจับมานานจนแทบจะถูกลืม ปล่อยให้กินฝุ่นมานานเป็นชาติ เปิดตัวอย่างเจิดจ้าพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า!!!

……………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล