ตอนที่ 419 ตัวตน
คนจากสถานีตำรวจประจำท้องที่มาแล้ว พร้อมกับล้อมเส้นกั้นเขตและมีรถตำรวจหลายคันจอดอยู่ด้านนอก
ตอนนี้ได้รับการยืนยันว่าพบศพแล้วหนึ่งศพ เป็นหญิงชราคนหนึ่ง มีการระบุตัวตนแล้ว เป็นมารดาของจูเฉินเฮ่า หรือก็คือย่าของเด็กผู้หญิงที่ชื่อจูเซิ่งหนาน มีชื่อว่าสวีเหมยจวน ศพมีแค่ส่วนหัวถึงคอ ส่วนท่อนล่างไม่ได้อยู่ในชักโครก
โจวเจ๋อยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูคนเดียว มันน่าสนใจดี เป็นเพราะเกิดเหตุการณ์ทารุณเด็กแท้ๆ เขาถึงได้ตั้งใจมาเพื่อพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กผู้หญิง แต่ปรากฏว่าดันพบของขวัญชิ้นใหญ่เข้าเสียอย่างนั้น
ขณะนี้ ยังมีเสียงตะโกนโหวกเหวกจากพวกตำรวจที่อยู่ชั้นบนดังลงมา ดูเหมือนว่าที่นั่นจะเจออะไรบางอย่างเข้าอีก
เถ้าแก่โจวขึ้นบันไดตามไปด้วย เขานับว่าเป็นคนคุ้นเคยของกองกำลังตำรวจทงเฉิง ครั้งนี้เขามาพร้อมกับเหล่าจางและเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินจึงไม่มีตำรวจมาห้ามเขา
ผนังเดิมที่แขวนภาพวาดสีน้ำมันถูกขุดออกมา ศพผู้หญิงไร้ศีรษะถูกตะปูตอกยึดเอาไว้ในช่องระหว่างผนัง ศพผู้หญิงอยู่ในท่ากลับหัว ขาทั้งสองข้างอยู่ข้างบน มือทั้งสองข้างอยู่ข้างล่าง ตรงฝ่ามือและฝ่าเท้าถูกตะปูตอกตรึงเอาไว้ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ราวกับใช้กาวชนิดเหนียวพิเศษยึดไว้ เหมือนซากตุ๊กแกแห้งตัวหนึ่ง
ถูกต้อง ผิวหนังของศพผู้หญิงเหี่ยวแห้งมาก เสมือนตุ๊กตาที่ปล่อยลมออก
โจวเจ๋อขยับเข้าไปใกล้อีกนิดและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ตำรวจที่อยู่ด้านข้างบังเอิญพูดขึ้นมาพอดี “นี่เป็นส่วนอื่นๆ ของศพที่พบในห้องน้ำใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่”
โจวเจ๋อและเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพูดพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินมองโจวเจ๋อและส่งสัญญาณให้โจวเจ๋อพูดก่อน
“ดูออกว่านี่เป็นศพผู้หญิง แถมหลังจากตายแล้วก็ถูกสูบเลือดออกมา ดังนั้นถึงได้มีสภาพอย่างในตอนนี้ แม้ว่าตัวคนจะดู ‘แห้งหด’ ไปมากก็ตาม แต่ในบางรายละเอียดก็พอจะฟันธงได้ว่าศพหญิงสาวรายนี้ไม่น่าจะแก่มาก มากสุดก็สามสิบปี อายุไม่มากเท่าสวีเหมยจวนแน่นอน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของโจวเจ๋อ ตำรวจคนข้างๆ ที่จดบันทึกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะคำชี้ขาดนี้ก็เท่ากับว่าผู้ตายในคดีฆาตกรรมครั้งนี้กลายเป็นสองรายทันที ก่อนหน้านี้ทงเฉิงเพิ่งจะถูกคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสิบหกปีทำเอาปั่นป่วนไปตามๆ กัน ตอนนี้มันกลายเป็นความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกอย่างแท้จริง
“แค่กๆ…” โจวเจ๋อกระแอมสองสามที
“เป็นอะไรไป”
“สำลักกลิ่นอะไรสักอย่างนี่แหละ” พูดแล้ว โจวเจ๋อก็ก้าวไปข้างหน้า
ตอนนี้ยังไม่ได้นำศพหญิงสาวออกมา เพราะเห็นได้ชัดว่าฆาตกรใช้เวลาพักหนึ่งในการกำจัดศพ แม้ว่าจะนำศพออกมาก็ต้องบันทึกรายละเอียดทั้งหมดที่สามารถบันทึกได้ในบริเวณใกล้เคียงเสียก่อน สิ่งเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในการสืบสวนคดีในภายหลัง
โจวเจ๋อยื่นมือไปบีบๆ กดๆ บนต้นแขนศพหญิงสาว แม้ร่างของศพหญิงสาวจะแห้งเหี่ยว แต่บนผิวหนังกลับยังคงสภาพยืดหยุ่นแบบประหลาดพิกลอยู่
“มีอะไรบางอย่างอยู่ในศพ” โจวเจ๋อพูด
เป็นไปตามที่โจวเจ๋อคาดการณ์ไว้ทั้งหมด ในศพมีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ
หลังจากนำศพออกมาและมอบให้แพทย์นิติเวชชันสูตรเบื้องต้น พบว่าภายในศพมีสารปรอทปะปนอยู่จริงๆ แต่มีปริมาณไม่มากนัก
“แขวนศพกลับหัว มันหมายความว่ายังไง” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินถามโจวเจ๋อ
“เจ้าหน้าที่ตำรวจครับ คุณถามคนผิดแล้วละครับ ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็นึกว่าคุณจะรู้อะไรบางอย่างเสียอีก”
ในรูปภาพ ‘ยมทูตให้บุตร’ ก่อนหน้านี้ เถ้าแก่โจวเป็นถึงยมทูตตัวจริงและมีหนังสือรับรองยมทูตยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินกลับรู้ดีเสียอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้มีความจำดีและมีความรู้รอบตัวครอบคลุมจริงๆ
“คดีฆาตกรรมคนด้วยกันเองส่วนใหญ่เป็นการฆาตกรรมด้วยอารมณ์เสียส่วนมาก ด้วยเหตุนี้ หลังจากฆ่าคนแล้ว ถ้าไม่หนีหัวซุกหัวซุนก็อดทนและรีบกำจัดศพ แต่ในคดีฆาตกรรม หากฆาตกรจัดวางวิธีประหลาดๆ กับศพที่ตนเองฆาตกรรมแบบนั้น มักจะเป็นฆาตกรที่ต้องการใช้วิธีนี้แสดงทัศนคติบางอย่าง ฆาตกรบางคนก็ลงมือทำตามพิธีกรรมพวกนี้จริงๆ แม้กระทั่งจุดประสงค์ในการฆาตกรรมของพวกเขาก็น่าจะเพื่อวัตถุประสงค์นี้ด้วยเช่นกัน”
“อ้อ” โจวเจ๋อรู้สึกสนใจขึ้นมา
“สูบเลือดออกมาจากร่างศพ แล้วค่อยฉีดสารปรอทบางส่วนเข้าไป สารปรอทมีฤทธิ์ป้องกันการเน่าเสียของศพ อาจจะมีความหมายแฝงว่าทำให้ทุกข์ ‘ชั่วนิจนิรันดร์’ การกลับห้อยศพลง น่าจะแสดงถึงฆาตกรกำลังเย้ยหยันผู้ตาย แม้กระทั่งเข้าขั้นเกลียดชัง นี่น่าจะเป็นความอาฆาตแค้น และเป็นการฆ่าเพื่อแก้แค้นโดยเจตนา”
“งั้นก็ควรจะไปตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสังคมของครอบครัวนี้ก่อน ถูกต้องไหมครับ”
“ถูกต้องค่ะ ฉันจะมีคำสั่งลงไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินเดินไปด้านหน้าตำรวจคนอื่นและออกคำสั่ง
หลังจากดูศพอยู่พักหนึ่ง โจวเจ๋อก็เดินออกมายืนอยู่บนระเบียงพลางมองลงไป มองไปรอบๆ จากตรงนี้สามารถมองเห็นเขาหลางซานได้
สำหรับคนที่เกิดในพื้นที่ราบ มีภูเขาสักแห่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ในความเป็นจริงนั้นเมื่อเทียบเขาหลางซานกับภูเขาจริงๆ ข้างนอกแล้ว มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเนินดินเล็กๆ แต่ว่าบ้านที่อยู่ด้านล่างเขาหลางซานราคาค่อนข้างโหดทีเดียว โจวเจ๋อจำได้ว่าอิงอิงเคยบ่นกับเขา บอกว่าซื้อบ้านมาสองหลัง ซึ่งก็อยู่ด้านล่างภูเขานี่แหละ
ในสถานที่เกิดเหตุแห่งนี้ โจวเจ๋อเห็นศพในชักโครกแล้วไปดูศพในผนัง จากนั้นปลีกตัวออกมา แถมยังสามารถสนใจนโยบายราคาบ้านของประเทศได้อีก
แน่นอนว่าโครงกระดูกนั่นน่าทึ่งมากจริงๆ แต่ว่าเอาเข้าจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ เถ้าแก่โจวเห็นคนตายอะไรพวกนี้มาเยอะแล้ว ของขลังมนต์ดำก็เจอมาเยอะแล้ว ก็ไม่น่าสนใจอีก แต่กลับชอบสิ่งที่เรียบง่ายและสดใสมากกว่า มันก็คล้ายกับหลังจากดูหนังของประเทศที่เป็นเกาะมากเข้า ถึงได้รู้สึกว่า ‘หนังโป๊’ ของฮ่องกงยุคแรกๆ เหล่านั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะจริงๆ
“เถ้าแก่”
ในเวลานี้เหล่าจางเดินมาที่ระเบียงและยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อ โจวเจ๋อเอาบุหรี่มาทัดไว้บนหูไม่ได้สูบมัน
“เถ้าแก่ ผมเหนื่อย” เหล่าจางถอนหายใจพลางเอ่ย
นับตั้งแต่เขายืมซากศพคืนชีพ ทงเฉิงก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากจัดการคดีนี้ได้ ดีไม่ดีก็จะกลายเป็นคดีสังหารหมู่ยกครัว
“เตรียมออกหมายจับจูเฉินเฮ่าแล้ว”
ศพภรรยาอยู่ที่นี่ ศพแม่ของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้าอย่างนั้นเจ้าบ้านหนุ่มของครอบครัวนี้ที่ตอนนี้หายตัวไป จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดเป็นธรรมดา
“ผมคิดว่าพวกคุณใช้เวลาค้นหามากกว่านี้ได้อีกหน่อยนะ ไม่แน่อาจจะมีเซอร์ไพรส์ในบ้านหลังนี้อีกก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล