ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 424

สรุปบท ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ

“อย่าไปนะ”

สาวน้อยโลลิฝืนลุกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะเหนื่อยหอบ ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าว แม้กระทั่งปลายลิ้นจะชาไปแล้วก็ตาม แต่เธอรู้ดีว่า เธอไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มวิญญาณร้ายนี้ออกไปจากที่นี่ได้

แม้ว่าในตอนนี้มีเด็กสาวอย่างจูเซิ่งหนานเดินอยู่ตรงนั้นด้วย เหล่าวิญญาณร้ายทั้งหมดต่างพากันติดตามเธอ รายล้อมเธอ และยึดเธอเป็นแกนหลัก แต่จูเซิ่งหนานคนนี้นั่นแหละ เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด!

เด็กผู้หญิงคนนี้เคยอยู่ในบ้านที่ถูกพ่อแม่และย่าของเธอทรมานเหยียดหยามมาทุกวิถีทาง ในแววตาของเด็กผู้หญิงคนนี้ยังคงความไร้เดียงสาเหมือนเด็ก แม้ว่าจะเย็นชาแต่กลับใสสะอาดบริสุทธิ์ ถึงจะ… ถึงแม้จะ… ถึงแม้จะแฝงความน่ากลัวที่สุดไว้ก็ตาม!

คนชั่วช้าสามานย์เขามีเป้าหมายในการทำชั่วและมีความต้องการอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้ เขาก็จะมีความรู้สึกเกรงกลัวและหวาดกลัว เพราะเมื่อคุณมีความปรารถนาบางสิ่ง ก็จะมีความหวาดกลัวโดยธรรมชาติ ในทางตรงกันข้าม หากไม่โลภจิตใจย่อมแกร่งเสมอ!

แต่สำหรับจูเซิ่งหนาน เธอไม่มีความปรารถนาอะไร ลักษณะนิสัยในการทำสิ่งต่างๆ และความคิดของเธอมาจากความรู้สึกข้างในส่วนลึกของเธอเอง เธอสามารถไปอุ้มเอาแมวจรจัดข้างถนนสักตัวขึ้นมาและให้อาหารมันกิน สามารถปล่อยให้วิญญาณร้ายฆ่าคนในเมืองทงเฉิงให้เกลี้ยงก็ยังได้ และถามพวกเขาว่าเชื่อหรือเปล่าว่าคนที่อยู่ในภาพวาดนั้นเคลื่อนไหวได้น่ะ

กล่องแพนโดร่าที่อยู่ในมือเธอ แม้กระทั่งเธอสามารถควบคุมมันได้นานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!

จูเซิ่งหนานไม่หันหลังกลับมาและยังคงเดินต่อไป พวกวิญญาณร้ายห้อมล้อมรอบตัวเธอคล้ายกับการก่อตัวของสนามแม่เหล็ก

สาวน้อยโลลิรู้ดีว่าจูเซิ่งหนานไม่ใช่ผีและก็ไม่ได้ถูกสิงด้วย แต่เธอมีความสามารถพิเศษในตัวเอง หรือพูดได้ว่าเป็น…ญาณวิเศษ แน่นอนว่ามันสามารถนับเป็นศาสตร์ลึกลับประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับดวงตาหยินหยาง

โลกเป็นที่อยู่ของมนุษย์เสมอ ต่อให้ผีในปรโลกจะน่ากลัวและทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้

สาวน้อยโลลิพอจะรู้จักคนที่มีความผิดแปลกอยู่บ้าง ซึ่งเธอก็รู้สึกว่าคนนั้นคือพ่อของเธอ นั่นคือหวังเคอ ตัวเขาเองก็ไม่ธรรมดา ราวกับว่าสามารถมองเธอได้ทะลุปรุโปร่ง ยิ่งกว่านั้นเขายังมองทะลุถึงตัวตนของโจวเจ๋ออีกด้วย

จูเซิ่งหนานเกิดมาพร้อมกับญาณวิเศษนี้เลยใช่ไหม หรือว่าเพิ่งมีหลังจากถูกครอบครัวทำร้ายและ กดขี่ข่มเหงในวัยเด็ก หรือถูกบางสิ่งครอบงำจนทำให้เกิดสายสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเจาะลึกในเรื่องนี้

“ผนึก!”

สาวน้อยโลลิตะโกนเสียงต่ำ ครั้งนี้เธอไม่ได้อ้าปากหรือแลบลิ้นยื่นออกมา แต่ใต้ฝ่าเท้าของเธอกลับมีเงาดำสายหนึ่งคล้ายลิ้นแผ่พุ่งตรงออกไปขวางทางเดินของจูเซิ่งหนาน และเข้าไปพันธนาการรอบข้อเท้าของจูเซิ่งหนานไว้แน่น เหมือนเอาลิ้นมาพันไว้

“น้าคะ ทำไมน้ายังต้องขวางหนูอีกล่ะ”

จูเซิ่งหนานหันกลับไปมองสาวน้อยโลลิอย่างไม่เข้าใจ

“หนูแค่พาพวกพี่สาวน้องสาวไปถามพ่อแม่ของพวกเธอว่าทำไมถึงทอดทิ้งพวกเธอตั้งแต่แรกเองนะคะ”

จูเซิ่งหนานดูท่าทางยังไม่ประสา คล้ายกับเด็กน้อยที่อยากรู้เรื่องโลกภายนอกและกำลังอยู่ในตอนลองผิดลองถูก มีความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย

ครู่หนึ่ง วิญญาณร้ายนับร้อยตัวต่างพากันจ้องมองสาวน้อยโลลิด้วยความสงสัย พวกเธอไม่ได้โหดเหี้ยมและดุร้าย แต่บรรยากาศที่เกิดจากวิญญาณร้ายนับร้อยเอาแต่จ้องมองคุณตลอดเวลาแบบนั้น ก็ทำเอาสาวน้อยโลลิสะท้านได้เช่นกัน

“เถ้าแก่ ทำไมยังไม่มาอีกเล่า”

สาวน้อยโลลิกัดฟันกรอดและยันเอาไว้ จะปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ ทันทีที่ปล่อยให้พวกเธอหลุดออกไป มันจะกลายเป็นการทำลายล้างแสนน่ากลัวทันที!

เธอที่เป็นยมทูตทงเฉิงก็ต้องแบกรับผลตามไปด้วย

“คุณน้าทำไม่ถูกนะคะ พวกเขาทอดทิ้งพวกเรา พวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถามเลยเหรอคะ คุณน้ายังบอกว่า ในอดีตคุณน้าก็เคยถูกคนในครอบครัวเลือกปฏิบัติ และไม่พอใจกับเรื่องนี้แถมยังคับแค้นใจอีกต่างหาก ตอนนี้ทำไมคุณน้าถึงกลายเป็นเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของหนูได้ล่ะคะ”

หลังจากคำพูดสุดท้ายจบลง จูเซิ่งหนานก็เงยหน้าขึ้นทันที ส่วนลึกในรูม่านตาของเธอเปล่งประกายสีขาว ครู่หนึ่ง วิญญาณร้ายใกล้เคียงก็เริ่มร้องคำรามพร้อมกัน จากนั้นพุ่งเข้ามาหาสาวน้อยโลลิ

‘เอี๊ยด…’

รถเก๋งคันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วและหยุดลง ทนายอันเหยียดมือซ้ายของเขาออกมา เลือดเนื้อบนมือซ้ายเหือดหายไปในชั่วพริบตาจนเผยให้เห็นกระดูกสีขาว

“ยมโลกย่อมมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ควบคุม!!!”

มือกระดูกพุ่งไปด้านหน้า วิญญาณร้ายนับสิบตรงหน้าถูกแช่แข็งเอาไว้แล้ว

โจวเจ๋อเอียงคอไปมาเสียงกระดูกข้อต่อลั่นดังคมชัด เล็บทั้งสิบนิ้วงอกยาวออกมา กางมือทั้งสองข้างออกพลางเอ่ยว่า “กาแฟ!”

ครู่หนึ่ง หมอกควันสีดำทมิฬแผ่ออกจากเล็บของโจวเจ๋อและบดขยี้วิญญาณร้ายมากกว่าหนึ่งโหลตรงหน้า

วิญญาณร้ายสองสามแถวแรกสุดถูกควบคุมได้ในชั่วขณะ และชั่วขณะหนึ่งกลุ่มวิญญาณร้ายตกอยู่ในภาวะตะลึงงัน

“เถ้าแก่ ทนายอัน พวกเธอถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกออกมา พวกเธอไม่ใช่วิญญาณด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นวิญญาณร้ายไปแล้ว” สาวน้อยโลลิรีบเอ่ยปากเตือน

“เถ้าแก่ จะปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ แม้พวกเธอจะได้รับความอยุติธรรมสักแค่ไหน แม้ว่าพวกเธอจะน่าสงสารเพียงใดก็ตาม ก็ปล่อยไปไม่ได้โดยเด็ดขาด” ทนายอันมองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านข้างพร้อมกับตะโกนบอก

ในเวลานี้ทนายอันกลัวว่าโจวเจ๋อจะใจอ่อนจริงๆ

“หลินเข่อ คุณจัดการวิญญาณร้ายเหล่านี้ด้วยกันกับผม เถ้าแก่ คุณไปจัดการจูเซิ่งหนาน…” หลังจากลังเล อยู่ครู่หนึ่ง ทนายอันก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม “ฆ่าทิ้งซะ!”

โจวเจ๋อเม้มปาก เหลือบมองทนายอันจากหางตา

หากตอนนี้อยู่ในร้านหนังสือ ทุกคนว่างๆ นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น เดาว่าโจวเจ๋อคงเอากาแฟที่วางอยู่ตรงหน้าเขา ไม่สิ คงหยิบกระติกรักษาอุณหภูมิใบใหญ่ของทนายอันขึ้นมาแล้วเทกาแฟหมดอายุลงบนหัวเขาไปแล้ว

ไอ้เชี่ยเอ๊ย แกตัดใจฆ่าไม่ได้ เลยให้ฉันไปฆ่าแทนสินะ แกคิดว่าฉันไม่มีความเห็นใจแล้วจะเป็นเพชฌฆาตหรือไง

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ไม่เหมาะที่จะต่อรองอะไรได้อีก แม้จะบอกว่าเมื่อครู่ทั้งเขาและทนายอันลงมือกำจัดวิญญาณร้ายไปมากกว่ายี่สิบแล้ว แต่หากจูเซิ่งหนานสั่งให้อีกแปดสิบตัวที่เหลือกระจายไปทั่วทุกทิศ เขาและทนายอันมีกำลังคนเพียงเท่านี้ ก็ไม่มีท่าทีจะควบคุมสถานการณ์นี้ได้เลย

เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่ได้คัดค้านทันที ทนายอันย่อมไม่ยอมปล่อยให้โจวเจ๋อได้คัดค้าน แม่เจ้าโว้ย รีบจัดการเปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกด่วน!

ทนายอันปัดฝุ่นออกและรีบพุ่งเข้าไป สาวน้อยโลลิยืนอยู่หลังทนายอัน ลิ้นของเธอเริ่มช่วยทนายอันไล่ต้อนวิญญาณร้ายรอบตัว หลังจากโจวเจ๋อหายใจเข้าลึก ก็รีบพุ่งไปตรงจุดที่จูเซิ่งหนานนั่งอยู่โดยตรง เนื่องจากการควบคุมของทนายอันและสาวน้อยโลลิ ทำให้พวกวิญญาณร้ายส่วนใหญ่ที่ห้อมล้อมจูเซิ่งหนานแต่เดิมถูกพวกเขาล่อออกมา เมื่อถึงตอนที่โจวเจ๋อพุ่งเข้าไป จู่เซิ่งหนานก็เหลือวิญญาณร้ายข้างกายอยู่ไม่กี่ตัวแล้ว

จูเซิ่งหนานมองโจวเจ๋อที่พุ่งเข้ามาหาตัวเองอย่างเรียบเฉย ใบหน้าฉายแววสับสนอย่างสุดซึ้ง กระทั่งมีน้ำตา ไหลรินออกจากดวงตา เธอเป็นมนุษย์ น้ำตานั้นย่อมเป็นของจริง

“คุณอา”

เสียง ‘คุณอา’ นี้ ทำให้ร่างโจวเจ๋อสั่นไหว แต่เขาก็ยังพุ่งไปข้างหน้าต่ออยู่ดี เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาเข้าใกล้ตัวเธอได้ การฆ่าเธอก็จะไม่มีปัญหา!

“คุณอา คุณอาช่วยชีวิตหนูไว้แท้ๆ แถมยังเอาเข็มบนแขนหนูออกมาอีก คุณอาบอกหนูว่าจะช่วยหนูพูดกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยเหตุผล และไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายหนูได้อีก”

จูเซิ่งหนานเริ่มร้องไห้และก้มหน้าลง คล้ายกับสาวน้อยที่ถูกรังแกคนหนึ่ง

“แต่คุณอา…กลับต้องการฆ่าหนู”

วินาทีต่อมา จูเซิ่งหนานเงยหน้าขึ้นทันที ในเบ้าตาของเธอเป็นสีขาวโพลน

“ทำไม ทำไมพวกคุณถึงทำกับหนูอย่างนี้ ทำไม เพราะอะไรกัน!!!!!”

วิญญาณร้ายตัวอื่นๆ ต่างกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน และแม้แต่วิญญาณร้ายนับยี่สิบตัวที่เพิ่งถูกทนายอันและโจวเจ๋อกำจัด กลับรวมตัวขึ้นมาในอากาศ พากันกรีดร้องและบ้าคลั่งไปพร้อมกัน!

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล