ตอนที่ 425 เข้าเมือง
คดีฆาตกรรมในบ้านของจูเฉินเฮ่ายังคงเดินหน้าสอบสวนต่อไป และหาศพทั้งสามรายพบแล้ว เมื่อเทียบกับแม่และภรรยาของเขาแล้วจูเฉินเฮ่ายังนับว่าโชคดี เพราะศพเหลือครบทั้งตัว อีกทั้งผลการชันสูตรยังพบว่าจูเฉินเฮ่าเสียชีวิตจากการได้รับสารพิษ
ถ้าอย่างนั้นก็มีแนวทางการดำเนินคดีต่อไปแล้ว
ทำไมภรรยาและแม่ของเขาถึงถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่ศพก็ถูกทำลาย กระทั่งชิ้นส่วนร่างกายที่หายไปก็ยังพบในสวนและท่อระบายน้ำ แต่เขาเพียงแค่นั่งกินยาพิษตายอยู่ในรถ
มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จูเฉินเฮ่าจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไม ราวกับว่าเสียสติไปแล้ว จึงฆ่าภรรยาและแม่ของตัวเอง สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายตาม จากนั้นลูกสาวของเขาก็หนีออกมาได้จนเป็นลมล้มไปขณะเดินบนถนนหนานต้าเพียงลำพัง
ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง นั่นก็คือจูเฉินเฮ่าไม่ใช่ฆาตกร แต่ฆาตกรสนใจเขาเป็นพิเศษ หลังจากฆ่าภรรยาและแม่ของเขาแล้ว เลยจงใจปฏิบัติแบบวีไอพีให้เขาเป็นพิเศษ ให้เขากินยาพิษและตายอย่างสมเกียรติสักหน่อยโดยที่ไม่ทำลายร่างกายของเขา
แน่นอนว่าในที่นี้ยังมีความเป็นไปได้ที่แตกต่างกันอยู่อีกแบบหนึ่ง ฆาตกรอาจเป็นคนอื่นอีก หลังจากจูเฉินเฮ่ากลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าแม่และภรรยาของตัวเองถูกฆ่าตาย เกิดหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาเสียดื้อๆ และทิ้งลูกสาวของตัวเองไว้ลำพัง กรอกยาพิษฆ่าตัวตายทันที และไม่ต้องการแจ้งตำรวจเรียกร้องความยุติธรรมให้กับครอบครัวที่จากไปของตัวเอง
สำหรับฝ่ายตำรวจแล้ว แน่นอนว่าชอบแนวคิดในการไขคดีข้อแรกที่สุด โยนความผิดให้ผู้เสียชีวิตก็ปิดคดีลงได้แล้ว แถมยังช่วยเบาสมองไปได้เยอะทีเดียว
ไม่ใช่ว่าตำรวจจงใจละเลยหน้าที่ แต่คนเรามักมีความเอื่อยเฉื่อยในตัวเองเสมอ อีกทั้งรูปแบบการเสียชีวิตของ จูเฉินเฮ่าในคดีนี้ก็พิเศษมาก ประกอบกับเรื่องที่จูเซิ่งหนานถูกทารุณมาเป็นเวลานาน นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าครอบครัวนี้อาจจะบกพร่องทางสมองอย่างมาก
ใครก็ตามที่ถูกตราหน้าว่า ‘ป่วยทางจิต’ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ล้วนแล้วแต่เข้าใจยากทั้งสิ้น
“เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉิน” จางเยี่ยนเฟิงจุดบุหรี่และเดินไปข้างหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินมองเหล่าจางและเอ่ยขึ้น “ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”
จางเยี่ยนเฟิงยิ้มขำ ถ้าผู้ชายคนอื่นเจอผู้หญิงสวยๆ พูดแบบนี้ต่อหน้า คาดว่าน่าจะรีบพูดอย่างเคยชินว่า ‘งั้นคุณก็พักผ่อนเร็วๆ หน่อยสิ ดื่มน้ำเยอะๆ หน่อยสิ หรือไม่ก็ทำน้ำพุทราจีนต้มน้ำตาลทรายแดงให้ดื่มหน่อยสิ’
แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นตำรวจและกำลังจัดการคดีอยู่ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ไม่สามารถละทิ้งคดีแล้วหนีไปพักผ่อนได้
“ถ้าเป็นเบาะแสละก็…”
“คุณไปหาเบาะแสเถอะ ฉันเชื่อว่าคุณมีร่องรอยอยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินมองจางเยี่ยนเฟิง “เพียงแต่ว่าฉันยังรู้สึกแปลกๆ อยู่นิดหน่อย แต่ก็บอกไม่ถูกว่ามันแปลกตรงไหน”
จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า เขาตัดสินใจว่าจะไปปรึกษาหารือเรื่องนี้กับเถ้าแก่ทีหลัง ไม่สิ เถ้าแก่ของเขาตามเขามาที่สถานที่เกิดเหตุไม่ใช่หรือไง ทำไมหายไปแล้วล่ะ
จางเยี่ยนเฟิงเดินกลับไปที่ทาวน์เฮาส์ ตอนที่ผ่านห้องเล็กๆ สำหรับบูชาก็จงใจจ้องดูเป็นพิเศษ
ทันใดนั้น เขาก็ชะงักไป เพราะเขาพบว่า ‘ยมทูตให้บุตร’ สองตนในภาพวาดนั้น พวกเขาหายไปแล้ว!
ในภาพเหลือเพียงเด็กผู้ชายคนเดียว
…
“ทำไมกัน ทำไม ทำไมพวกคุณถึงเป็นกันอย่างนี้!”
ดวงตาของจูเซิ่งหนานเป็นสีขาวสนิท เป็นสีขาวที่เศร้าสลด สีขาวที่มีพลังทำลายล้างรุนแรง ในขณะนี้พลังของวิญญาณเด็กผู้หญิงเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับเปลวเพลิงสีดำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่กำลังแผดเผา
เล็บของโจวเจ๋อกวาดเอาวิญญาณร้ายที่ขวางทางข้างหน้าเขาออกไป และพุ่งตรงไปข้างหน้าจูเซิ่งหนานทันที ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่ารักมากคนหนึ่งจริงๆ แต่ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีทางเลือก
ไม่มีเวลานานพอให้หยุดคิด จดจำ ดิ้นรน สับสน นี่ไม่ใช่ละครดราม่าที่สามารถเร่งความเร็วและลดความเร็วลงได้ อันที่จริงความสามารถในการขบคิดในตอนนี้นั้นมีไม่มาก ต้องระงับสถานการณ์ก่อน และควบคุมไม่ให้เกิดเหตุร้ายไปมากกว่านี้!
แต่ทว่า จังหวะที่เล็บของโจวเจ๋องอกยาวขึ้นอีกครั้งจนแทบจะมีรูปร่างคล้ายเคียว จู่ๆ มือสีดำสองข้างก็โผล่ขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของโจวเจ๋อ พวกมันโผล่ขึ้นมาโดยไม่มีเค้าลางล่วงหน้า โจวเจ๋อเองก็ไม่ทันสังเกตสักนิด แต่พวกมันปรากฏขึ้นอย่างผิดแผกมาก และคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าของโจวเจ๋อไว้แน่นในชั่วพริบตา
ร่างของโจวเจ๋อโงนเงน ต้องใช้เล็บยึดบนพื้นถึงจะยืนทรงตัวได้ เมื่อหันกลับไปดูที่ใต้ฝ่าเท้าของตัวเองอีกครั้งกลับพบว่าฝ่ามือที่โผล่ขึ้นมาใต้เท้าของเขาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยที่สังเกตเห็นจากหางตาเมื่อครู่นี้ได้หายไปแล้ว
‘ฉึก…’
ทันใดนั้น สัมผัสอันเย็นเยือกผุดขึ้นที่ต้นคอของเขา ฝ่ามือผอมแห้งทั้งสองข้างบีบคอของโจวเจ๋ออย่างไร้สุ้มเสียง โจวเจ๋อใช้มือทั้งคู่แทงไปทางด้านหลังทันที แค่นี้ก็เพียงพอที่จะแทงทะลุไส้คนที่อยู่ข้างหลังเขาได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นแทงความว่างเปล่าแทน
“คุณอา ถึงพวกคุณไม่ช่วยหนู แต่หนูก็ยังมีคนช่วยอยู่นะคะ”
จูเซิ่งหนานยิ้มมุมปาก มันไม่ใช่การแสยะยิ้มและเย้ยหยัน แต่เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ เพราะแม้แต่คนในครอบครัวของเธอ แม้แต่คุณอาหมอที่เคยช่วยรักษาเธอก็ไม่เต็มใจช่วยเหลือเธอ แต่ตอนที่อีกฝ่ายจะทำร้ายเธอนั้นก็ยังมีคุณอาทั้งสองในภาพวาดที่ยืนหยัดสู้เคียงข้างเธอ
เธอบอกว่าคนในภาพเคลื่อนไหวแล้ว คุณย่าไม่เชื่อ เธอจึงตะโกนเรียกพวกคุณอาออกมา คุณย่าตายแล้ว แต่สีหน้าตกใจของคุณย่าก่อนสิ้นใจน่าจะอธิบายได้ว่าคุณย่าเชื่อแล้ว
คุณย่าอธิษฐานขอให้พระโพธิสัตว์มาปรากฏตัว และสวดมนต์อ้อนขอพรจากเทพเจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้มาสำแดงให้เห็นแล้วจริงๆ ดังนั้นจูเซิ่งหนานคิดว่าคุณย่าน่าจะตายแบบไม่เสียชาติเกิด และจากไปอย่างมีความสุขแล้วละมั้ง
คุณพ่อก็เหมือนกัน คุณแม่ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน พวกเขาก็เชื่อและเฝ้ารอเช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะยอมเป็นนัยๆ ช่วยคุณย่าทรมานเธอต่อหน้าภาพวาดนั้นได้อย่างไร
ใช่แล้วละมั้ง จะต้องใช่อย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่มีคนห่วงใย มีคนรักและมีคนอยู่เคียงข้าง มันช่างดีจริงๆ
“มันเป็นใครกันแน่!”
โจวเจ๋อหันหน้าขวับทันที กลับพบว่าเงาดำข้างหลังตัวเองกำลังถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้เล็บของเขาไม่สามารถคว้าโดนอีกฝ่ายได้ จากนั้นเงาดำอีกสายหนึ่งก็ปรากฏตัวข้างๆ โจวเจ๋อ ขัดขวางระหว่างโจวเจ๋อและจูเซิ่งหนานเอาไว้แถมยังดูเหมือนว่ามือทั้งคู่กำอะไรบางอย่างเอาไว้ แล้วส่งเสียงที่เข้าใจยากออกมา
‘พึ่บ!’ โจวเจ๋อรู้สึกเพียงว่าการมองเห็นของเขาเริ่มพร่าเลือน
ให้ตายเถอะ ลูกไม้เก่าๆ นี่อีกแล้วเหรอเนี่ย
โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก กัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างจังพลางก้าวไปข้างหน้า สายตาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล