ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 426

ตอน 426 พี่สาวและน้องชาย

‘หาว’

เหล่าต่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในป้อมยามชุมชนหาวหวอดๆ โดยปกติแล้วเขาเข้าเวรกลางคืน เดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่คุ้นชินมานาน แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้บ้านใหม่ของลูกชายเขากำลังทำการตกแต่งต่อเติม ลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็งานยุ่ง ช่วงกลางวันเขาจึงไปช่วยสอดส่องดูบ้างเป็นธรรมดา เวลาพักผ่อนเดิมของเขาเลยลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ตอนเข้าเวรกลางคืนนั้นง่วงมากจริงๆ

แต่เขาไม่สามารถนอนได้ กล้องวงจรปิดของที่นี่ทำงานอยู่ หากปล่อยให้เบื้องบนรู้ว่าเขาเผลอหลับตอนทำงานเวรกลางคืน เกรงว่างานนี้ก็คงรักษาไว้ได้ยากแล้วละ

เหล่าต่งถ่างหนังตาพลางลูบคางตัวเอง พลันมองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากทางประตู

เมื่อเด็กผู้หญิงเดินมาถึงหน้าประตูรักษาความปลอดภัย ประตูรักษาความปลอดภัยก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ ประตูรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องให้ผู้อาศัยรูดบัตรเข้าออกประตู ถ้าหากคนนอกอยากจะเข้ามาก็ต้องมาลงทะเบียนกับเหล่าต่งถึงจะเปิดประตูให้ได้

เหล่าต่งรู้สึกประหลาดใจ เมื่อสักครู่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นหยิบคีย์การ์ดออกจากในกระเป๋าเสื้อไปรูดประตูรักษาความปลอดภัยเลย ประตูเปิดเองได้อย่างไรกัน

เหล่าต่งหันตัวไปด้านข้างแล้วมองไปทางนั้น เขารู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองน่าจะตาฝาดแล้วละมั้ง ถึงอย่างไรก็ง่วงเอามากเลยนี่นา

ทันใดนั้นมีลมหายใจเย็นเยียบลอยมากระทบ เหล่าต่งตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว หนาวจัง หนาวจริงๆ

จะไม่หนาวได้อย่างไร ต้องรู้ว่าข้างหลังเด็กผู้หญิงคนนั้นมีวิญญาณร้ายนับร้อยตามมาด้วย นั่นก็เท่ากับว่ามีวิญญาณร้ายนับร้อยกำลังเดินเรียงแถวผ่านหน้าเหล่าต่งไป

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็จะอ่อนแอลงตามธรรมชาติ ประกอบกับนอนหลับไม่เพียงพอในช่วงนี้อีก จิตใจของเหล่าต่งยิ่งเซื่องซึมมากขึ้น วิญญาณเดินผ่านเป็นพรวนขนาดนี้ แน่นอนว่าเขารับไม่ไหวอยู่แล้ว

เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง ความรู้สึกหนาวเย็นแบบนั้นพลันหายไปแล้ว เหล่าต่งรีบหยิบแก้วชาที่ตัวเองชงชาเก๋ากี้ไว้มาดื่มติดต่อกันหลายอึก

“ฉันไม่สบายแล้วงั้นหรือ” เหล่าต่งยกมือไปลูบหน้าผากตัวเอง และเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองนิดหน่อย ส่วนเด็กผู้หญิงเมื่อครู่นี้เขาลืมไปแล้ว

‘ตึก…ตึก…ตึก…’ นี่เป็นเสียงรองเท้าแตะเสียดสีกับพื้น

จูเซิ่งหนานเดินมาถึงด้านหน้าตึกแห่งหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชั้นสาม เด็กผู้หญิงนับร้อยข้างเธอซึ่งเป็นวิญญาณร้ายที่ตาเปล่าของคนธรรมดามองไม่เห็นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน และมองไปตรงนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

‘โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่งๆๆ!!!!!!” ชั้นล่างของอาคารอะพาร์ตเมนต์เป็นโรงจอดรถ น่าจะมีใครบางคนเลี้ยงสุนัขของตัวเองเอาไว้ในโรงจอดรถ

ในเวลานี้เจ้าสุนัขโกลเด้นที่ถูกขังในกรงด้านหลังประตูโรงรถเริ่มเห่าขึ้นมา ปกติแล้วมันเชื่องมาตลอดและไม่ค่อยเห่าเลย เจ้าของมันนึกว่าสุนัขของตัวเองเป็นใบ้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันกลับเห่าอย่างบ้าคลั่ง นอกจากดวงตาสุนัขมองคนต่ำ[1]แล้ว ยังสามารถมองเห็นสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นอีกด้วย

“เด็กดี ไม่เสียงดังนะ”

จูเซิ่งหนานมองไปที่ประตูโรงรถด้านหน้าและเอ่ยเสียงเบา เธอเป็นเด็กสาวที่ชอบสุนัขเอามากๆ คนหนึ่งเช่นกัน

เด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายนับร้อยข้างเธอมองเข้าไปพร้อมกัน ทันใดนั้นเจ้าสุนัขโกลเด้นที่เห่าอยู่เมื่อสักครู่หมอบลงกับพื้นทันที และเลือดก็ไหลออกมาจากหู ตา จมูก และปาก จนร่างกายของมันค่อยๆ หยุดเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า

โลกสงบลงแล้ว

“เชื่องจัง” จูเซิ่งหนานเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองขึ้นไปชั้นบน ในขณะเดียวกันหนึ่งในเด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายก็ค่อยๆ เดินออกมา

“ไปเถอะ พี่สาว” จูเซิ่งหนานเอ่ย เธอไม่ได้เรียกชื่อวิญญาณร้ายนั่น เพราะนอกจากเธอแล้วเด็กผู้หญิงทั้งหมดในที่นี้ต่างก็ไม่มีชื่อเลยสักคน เด็กผู้หญิงที่พ่อแม่ตัดสินใจทำแท้งก่อนที่จะได้เกิดมา ใครจะตั้งชื่อให้เธอกันล่ะ

“ขึ้นไปถามเถอะ ถามว่าเพราะอะไร” วิญญาณเด็กผู้หญิงเดินเข้าไปในทางเดินเงียบๆ เงานั้นหายไปในความมืด ส่วนคนที่เหลือยังคงยืนอยู่ข้างจูเซิ่งหนานและมองขึ้นไปชั้นบน

ที่พวกเธอมาในวันนี้ก็เพื่อถามเรื่องบางอย่าง บางอย่างที่คนนอกเข้าใจง่ายดายนัก แต่สำหรับพวกเธอเองแล้วกลับเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเข้าใจได้

“เฮ้อ เหนื่อยจังเลย” หญิงสาวที่เพิ่งทำความสะอาดบ้านเสร็จถอดรองเท้าแล้วเอนกายนอนลงบนโซฟา เธอเหลือบมองลูกชายของเธอที่นั่งยองๆ เล่นของเล่นอยู่ตรงนั้น พลางสูดลมหายใจเข้าลึกและหลับตาลงเตรียมจะงีบหลับสักหน่อย

วันนี้พ่อของลูกเข้างานกะกลางคืนและจะกลับมาในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น นับตั้งแต่คลอดลูกชาย ร่างกายของเธอก็ป่วยเรื้อรังเจ็บออดๆ แอดๆ ไม่สะดวกออกไปทำงานจึงทำได้เพียงดูแลลูกอยู่ที่บ้าน

เดิมทีครอบครัวนี้ทำงานด้วยกันทั้งคู่ จนตอนนี้ได้กลายเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกสามคน แต่มีเพียงสามีเท่านั้นที่ทำงานหาเงิน ความกดดันของสามีย่อมมีมากเป็นธรรมดา

โดยเฉพาะลูกชายซนเกินไปจนน่ากังวล

บางครั้งเธอก็คิดเหมือนกันว่าหากตอนแรกเธอไม่ทำแท้งลูกสาวไป ตอนนี้พี่สาวก็น่าจะช่วยเลี้ยงน้องชายได้แล้วละมั้ง เธอจะเบาแรงได้บ้างหรือเปล่านะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ท้องที่สองนี้พอบอกว่าจะปล่อยให้ท้องก็ปล่อยเลยจริงๆ

หญิงสาวเปลี่ยนท่านอนและค่อยหลับตาลง เธอเหนื่อยแล้ว แค่ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำเอาเหนื่อยหอบ เอวและหลังก็ปวดเมื่อยขึ้นมาอีก เลยทำได้เพียงงีบหลับพักหนึ่งก่อน

เด็กชายยังคงนั่งยองๆ เล่นของเล่นตรงหน้าตัวเองอยู่บนพรมต่อ ทันใดนั้นเด็กชายก็เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงงและมองไปที่ประตู ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นคนยืนอยู่ตรงหน้าประตู แต่กลับมองไม่ชัดเจนว่าคนนั้นเป็นใคร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล