ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 427

ตอนที่ 427 ความคับแค้นของจูเซิ่งหนาน

จูเซิ่งหนานเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอฉายแววสงสัย ไม่เข้าใจและสับสนเล็กน้อย ความรู้สึกที่แสดงออกมาก็ปรากฏบนใบหน้าของวิญญาณเด็กผู้หญิงข้างๆ เธอเหล่านี้เช่นเดียวกันด้วย

จูเซิ่งหนานยกมือขึ้น คล้ายกับพยายามลองแต่ก็ล้มเหลว เธอสัมผัสถึงพี่สาวคนนั้นไม่ได้แล้ว เธอสลายไปแล้วจริงๆ และไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้บนโลกใบนี้อีก

“เพราะอะไร…” จูเซิ่งหนานพึมพำกับตัวเอง เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด

“เพราะอะไร…ถึงยอมแพ้ไปดื้อๆ …แบบนี้” จูเซิ่งหนานมองไปรอบๆ มองดูเหล่าบรรดาพี่สาวน้องสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย พวกเธอเหล่านี้ไม่สามารถให้คำตอบแก่เธอได้ ตัวเธอก็ยังเด็กเกินไปที่จะให้คำตอบได้เช่นกัน

คนที่อยากจะแก้ปัญหาก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และนี่ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จูเซิ่งหนานต้องการ แต่สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ นั้นคืออะไร เธอเองก็ไม่รู้ การปล่อยให้เด็กน้อยวัยอนุบาลคิดเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินไปมันเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

จูเซิ่งหนานหันหลังและเริ่มเดินออกไป เธอยิ่งเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างของเธอเหมือนภาพฉายสไลด์ส่องแสงวิบวับ เมื่อครู่นี้ยังอยู่ตรงนี้ แต่อีกวินาทีต่อมาอยู่ห่างออกไปไกลถึงร้อยเมตร

ในเวลานี้เธอเหมือนภูตผีในคืนเดือนมืด ราวกับว่าได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของจูเซิ่งหนาน เหล่าวิญญาณร้ายที่รายล้อมรอบตัวเธออารมณ์พลันหดหู่ลงในทันใด

แต่ทว่า จูเซิ่งหนานคิดไม่ออก ดูเหมือนว่าพวกเธอก็คิดไม่ออกเช่นกัน ทั้งที่รู้ว่าคิดไม่ออกกลับยังคงคิดต่อไป แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากคัดค้าน

แต่ดูเหมือนว่าจะหมกมุ่นและจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากเกินไป และดูเหมือนจูเซิ่งหนานจะไม่ทันสังเกตว่าระยะห่างระหว่างบรรดาเด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายกับเธอเริ่มไกลออกไปอย่างช้าๆ

จู่ๆ กลุ่มขบวนที่เดิมทีเบียดเสียดจนแน่น เพียงครู่เดียวกลับกลายเป็นซาลงไปถนัดตา การนำพากลุ่มนั้นไม่ง่ายเหมือนตอนแรกอีกแล้ว

เพียงแต่ว่าจูเซิ่งหนานยังเอาแต่ครุ่นคิด คุณพ่อ คุณแม่ และคุณย่าของเธอปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ เธอเอาแต่คิดถึงพวกเขา แต่ยิ่งเธอคิดถึงพวกเขามากเท่าไร ก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด

ทันใดนั้นเธอเงยหน้าขึ้น และเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวเองมากที่สุดอยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

เธอไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้รู้สึกว่ามันมีปัญหาอะไร อันที่จริงเธอยอมให้ทุกคนแยกย้ายกันไปหาพ่อแม่ของแต่ละคนและให้เลิกติดตามเธอด้วย

ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ได้มีความคิดที่จะบังคับควบคุมวิญญาณร้ายเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอหวังว่าพวกเธอจะแยกย้ายกันไปเพียงแค่นี้ กระจัดกระจายกันไปทั่วเมืองทงเฉิง เพียงแต่ว่าพวกเธอยังขี้กลัวมาก และอาลัยอาวรณ์เธอตามสัญชาตญาณ นี่ทำให้จูเซิ่งหนานเป็นทุกข์มาก

โชคดีที่การอาลัยอาวรณ์แบบนี้กำลังจางหายไปอย่างช้าๆ การที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปอย่างสิ้นเชิงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

จูเซิ่งหนานชี้ร้านอาหารเช้าที่ปิดอยู่ข้างหน้า

“น้องสาว เธอไปเถอะ จำไว้นะ ถามเสร็จแล้วก็กลับมาด้วย พวกเรา พวกเรารอเธออยู่นะ”

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งผละออกจากกลุ่มและตรงไปที่ร้านอาหารเช้า จนร่างหายลับเข้าไปในประตูเหล็กม้วน ทุกคนมองตามทิศทางที่เธอหายเข้าไปพร้อมกัน และมองร้านอาหารเช้าแห่งนี้ คล้ายกับเด็กน้อยที่กระหายอยากรู้อย่างแรงกล้ากำลังรอคอยการปรากฏของคำตอบที่แท้จริง

ภายใต้กิ่งไฟถนน มีเด็กผู้หญิงยืนกระจัดกระจายเรียงรายกันอยู่ที่นี่ ทำให้กิ่งไฟถนนทุกดวงในบริเวณใกล้เคียงกะพริบ ‘ติดๆ ดับๆ’ ขึ้นมา


ในการทำกิจการอาหารเช้า หากคุณเลือกทำเลดีและทำออกมาดีละก็ สามารถทำเงินได้มากทีเดียว แต่กิจการประเภทนี้กลับลำบากมาก มักต้องตื่นนอนและไปเตรียมของที่ร้านตอนตีสามทุกวัน ประมาณตีสี่ตีห้าก็เริ่มเปิดทำการ จากนั้นก็ยุ่งอยู่ตลอดจนถึงตอนใกล้จะเที่ยง

นี่คือความหมายของการหาเงินยากที่แท้จริง

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เลยเที่ยงคืน แต่ในห้องบนชั้นสองของร้านอาหารเช้า ชายหญิงคู่หนึ่งและลูกอีกหนึ่งคนนอนหลับปุ๋ยพร้อมกันไปแล้ว เพราะหลังเที่ยงคืนไปแล้วใกล้จะต้องตื่นมาทำงานแล้ว ดังนั้นการนอนหลับจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เด็กผู้หญิงเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ และทะลุประตูตรงเข้าไปในห้อง

บนเสื่อที่พื้นมีสามคนนอนหลับอยู่ พ่อของเธอ แม่ของเธอ และยังมีน้องชายของเธอ

เธอยืนอยู่อย่างนั้ี้นพลางมองพ่อของเธอครู่หนึ่ง มองแม่ของเธอครู่หนึ่ง แล้วค่อยมองน้อยชายของเธออย่างละเอียด

น้องชายของเธอขี้ริ้วขี้เหร่มากเสียจริง แถมยังปากแหว่งเพดานโหว่อีกต่างหาก ช่างน่าเกลียดเอามากๆ เลย

ถ้าหากว่าฉันยังมีชีวิต ถ้าหากว่าพ่อและแม่ไม่ทำแท้งฉัน ฉันน่าจะดูดีกว่าน้องชายของฉันเป็นไหนๆ ถึงอย่างไรแม้ว่าผิวของแม่จะหยาบกร้าน แต่ก็พอดูออกว่าสมัยสาวๆ ก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง

เด็กผู้หญิงย่อตัวลงมา ทั้งๆ ที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ความแค้นพยาบาท แต่เธอไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย และเอาแต่เฝ้ามองดูอย่างเงียบงันและเฝ้าดูต่อไป

พ่อผอมจังเลย ผอมเกินไปแล้ว เป็นเพราะเปิดร้านอาหารเช้าทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกวันเลยใช่ไหม

ผิวพรรณของแม่แย่จังเลย แม่ยังไม่แก่สักหน่อย แต่กลับซีดเซียวได้ขนาดนี้

พวกเขาลำบากขนาดนี้ต้องเป็นเพราะทำเพื่อน้องชายใช่ไหม

สำหรับพวกเขาแล้วการทำงานหนักทั้งหมดนั่นเพียงเพื่อน้องชาย แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วใช่ไหม

พวกเขารักลูกของตัวเองมากจริงๆ น้องชายมีความสุขมากจริงๆ เลยนะ

‘แหมะ…แหมะ…แหมะ…’ หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาจากหางตาของเด็กผู้หญิง และหลังจากมันตกกระทบพื้นก็เกิดเสียงดังใสแจ๋ว จากนั้นก็สลายหายไป

แต่ทั้งๆ ที่ความโกรธพลุ่งพล่านในก้นบึ้งหัวใจ แต่แรงในมือกลับอ่อนแรงลง อ่อนกำลังลงอย่างควบคุมไม่ได้ เด็กผู้หญิงปล่อยมือ ในที่สุดน้องชายก็กลับมาหายใจเป็นปกติ คล้ายกับว่าเขาแค่ฝันร้ายไปเท่านั้นเอง
เด็กผู้หญิงคุกเข่าลงตรงริมขอบเสื่อ ที่อยู่ข้างกายเธอนั้นเป็นครอบครัวของเธอเอง เธอกลับมาแล้ว ทั้งที่เธอกลับมาแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีที่ของเธอในครอบครัวนี้เลย แม้กระทั่งไม่เคยมีร่องรอยใดๆ ไว้ในครอบครัวนี้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล