สรุปตอน ตอนที่ 428 เคล็ดวิชาฝีปากพลิ้วของเถ้าแก่โจว! – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 428 เคล็ดวิชาฝีปากพลิ้วของเถ้าแก่โจว! ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 428 เคล็ดวิชาฝีปากพลิ้วของเถ้าแก่โจว!
“เหล่าอัน นี่มันเป็นญาติโกโหติกาของคุณใช่ไหมเนี่ย”
“ผมจะไปถามใครล่ะครับ”
ตอนนี้ทนายอันเองก็สับสนเช่นเดียวกัน ‘บทร่ายคาถา’ ที่อีกฝ่ายใช้ร่ายเมื่อสักครู่นี้เหมือนกับของเขาเปี๊ยบเลย แม้กระทั่งวิธีการร่ายคาถาที่ใช้ก็เหมือนกันทุกประการ แต่นี่มันน่าจะเป็นการใช้คาถาตามความเคยชินของผู้ตรวจสอบ
โดยทั่วไปแล้ว ยมทูตที่มีความจริงจังและเข้มงวด อย่างเช่นสาวน้อยโลลิจะใช้ ‘ยมโลกย่อมมีกฎระเบียบ ข้ามสู่แดนน้ำพุเหลือง’ อันที่จริงมันยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกสถานะอย่างหนึ่งด้วย เป็นเครื่องหมายภารกิจและความรับผิดชอบของพวกยมทูต
แต่ ‘กฎแห่งความตายไร้ความปรานี’ ของผู้ตรวจสอบกลับก้าวกระโดดไกลไปอีกขั้น สถานะและตัวตนของพวกเขาไม่ใช่ชนชั้นล่างสุดของยมโลกอีกต่อไป มีสิทธิ์ในการพูดระดับหนึ่ง คนตายทั้งหมดรวมไปถึงผู้จับกุมและยมทูตชั้นต่ำล้วนต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎของยมโลก การตรวจตรารอบทิศและการปราบปรามเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจสอบ
จริงๆ แล้วสิ่งนี้ระบุเอาไว้บนหนังสือรับรองยมทูตอย่างชัดเจน แต่ยมทูตที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจริงๆ นั้นมีไม่มาก คล้ายกับตัวหนังสือคำเตือนบนฉากสีดำห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปีในหนังของประเทศที่เป็นเกาะ คนส่วนใหญ่แทบไม่อ่านมันด้วยซ้ำ และรีบกดเร่งความเร็วไปที่เนื้อเรื่องทันที
แต่เมื่อพูดถึงระดับของผู้ตรวจสอบนี้ ทุกคนรู้สึกว่าตำแหน่งและสถานะต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยธรรมชาติแล้วจะต้องวางมาดและมีคาถาสโลแกนสูงส่งอยู่บนหิ้ง โชว์ความยิ่งใหญ่ออกมา
เงาดำทั้งสองแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เห็นได้ชัดว่าพยายามขวางทางโจวเจ๋อและคนอื่นๆ เอาไว้
โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าเงาดำทั้งสองเกี่ยวข้องอย่างไรกับจูเซิ่งหนานกันแน่ พวกเขามีสิทธิ์อะไรถึงช่วยเธอขนาดนี้
ตอนนี้ย่อมไม่มีเวลาให้ค่อยๆ วิเคราะห์และคาดเดาแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องจัดการมันาโดยเร็วที่สุด!
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปล้วงปากกาในกระเป๋ากางเกงโดยสัญชาตญาณ
เขากัดฟันและยังลังเลใจอยู่บ้าง แม้ว่าวิญญาณร้ายหลุดออกจากกรงจะทำให้ทงเฉิงเป็นอันตรายก็ตาม แต่ทุกคนในร้านหนังสือก็ไม่น่าจะตกอยู่ในอันตรายจนเกินไป
นักพรตเฒ่าอยู่ในสถานีตำรวจน่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ส่วนผู้อำนวยการหลินอาจตกอยู่ในอันตรายได้ แต่ถึงอย่างไรทงเฉิงก็มีประชากรมากกว่าสามล้านคน คงจะไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม
โจวเจ๋อรู้ดีว่าความคิดของเขาในตอนนี้มันเห็นแก่ตัวมาก
ผนึกของเจ้างั่งจางลงไปมากตั้งแต่ครั้งที่ใช้ไปล่าสุด หากปล่อยเจ้านั่นออกมาอีกรอบ ชีวิตของเขาอาจจะเข้าสู่สภาวะนับถอยหลังอีกครั้ง
แต่ถ้าผู้ตรวจสอบออกมาจากนรก และกล่าวโทษเขาในเรื่องพวกนี้ เขาจะหนีรอดไปได้ไหม เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ความคิดในหัวของโจวเจ๋อตีกันยุ่งเหยิงไปต่างๆ นานา
การกลัวตายเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงตอนนี้ ผู้ที่ยอมเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นจะต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกรเสมอ แต่โจวเจ๋อกลับคิดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่อะไร
“หลินเข่อช่วยผมหน่อย เถ้าแก่คุณหาจังหวะออกไปตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นซะ!”
คอทนายอันเอียงเล็กน้อยและกัดฟันไว้ ราวกับว่าเขากำลังอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดรุนแรง วินาทีต่อมาเลือดเนื้อทั้งแขนซ้ายของเขาเริ่มสลายไป กระดูกแขนอันเปลือยเปล่าดุจดังหินหยกเผยให้เห็นถึงความสวยงามแปลกตาอย่างมาก
“ฉันไม่รู้ว่าพวกแกเป็นตัวอะไรกันแน่ บางทีพวกแกอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ตรวจสอบ แต่พวกแกทั้งคู่ไม่ใช่ผู้ตรวจสอบแน่ๆ! ในตอนนั้นฉันเองก็เคยเป็นผู้ตรวจสอบเหมือนกันโว้ย!”
ทนายอันพุ่งเข้าไป แขนกระดูกตรงไปคว้าหมับที่คอของหนึ่งในเงาดำ เงาดำคิดจะหายตัวหนี แต่ลิ้นของสาวน้อยโลลิกลับขวางมันไว้ได้ทันควัน และใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นมันก็ถูกทนายอันจับเอาไว้ได้ แขนของทนายอันล็อกตัวเงาดำไว้แน่น ทำให้มันหนีออกไปไหนไม่ได้ จากนั้นเขาก็ตะปบแขนลงบนพื้นทันที
ใต้ร่างของเงาดำตัวที่สองซึ่งกำลังเตรียมจะเข้าสกัดกั้นโจวเจ๋อข้อต่อแต่ละชิ้นพลันปรากฏขึ้น มันหลบหลีกได้อย่างว่องไวไม่ถูกแทงทะลุ แต่เพราะเหตุนี้ทำให้มันไม่สามารถขวางโจวเจ๋อเอาไว้ได้ กระทั่งปล่อยให้โจวเจ๋อขึ้นรถและสตาร์ทออกไปได้สำเร็จ
“ยมโลกย่อมมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ทำลาย!”
เมื่อเห็นว่าเงาดำที่ถูกเขารัดคออยู่กำลังร่ายคาถาอะไรบางอย่างอีกครั้ง ทนายอันส่งมือกระดูกของตัวเองเข้าไปที่หัวและอัดอีกฝ่ายอย่างรุนแรงทันที!
‘ปัง!’
เงาดำสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนที่เสียงจะขาดหายไป แม้ว่าเงาดำยังไม่สลายไปอย่างสมบูรณ์ แต่กระบวนท่าที่ร่ายก่อนหน้านี้ก็ถูกขัดจังหวะไปกลางคัน สาวน้อยโลลิตวัดลิ้นที่ยังย้อมด้วยเลือดสีแดงฉานบาดตาออกมา เข้าไปพันรัดเงาดำตัวที่สองแน่น ในสถานการณ์นี้ยังคงพัวพันกันอย่างต่อเนื่อง
…
คราวนี้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาไปทั่วเมืองอีกแล้ว จูเซิ่งหนานพาวิญญาณร้ายนับร้อยติดตามไปด้วย มันเหมือนโคมไฟดวงใหญ่ยักษ์ในคืนมืดมิด สว่างโร่จนสามารถทำให้ตาสุนัขของโจวเจ๋อบอดได้เลยทีเดียว
โจวเจ๋อขับรถไล่ล่าไปยังทิศทางนั้น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนที่ แต่ความเร็วในการเคลื่อนตัวนั้นไม่เร็วมากนัก หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดยังไม่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่วิญญาณร้ายหลุดออกจากกรงไปทำร้ายผู้คนตามสัญชาติญาณยังไม่ปรากฏขึ้น
“เฮ้อ…งั้นก็ยังทันอยู่ ยังทันอยู่!”
โจวเจ๋อใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยไว้แน่น ถ้าหากว่าใช้ความสามารถของตัวเองจัดการแก้ไขเรื่องนี้ได้ก็คงจะดีที่สุด เขาไม่อยากปลดผนึกอีกแล้วจริงๆ การเป็นวีรบุรุษพลีชีพเพื่อชาติมันเหนื่อยเหลือเกิน แต่เป็นชายนิรนามพลีชีพเพื่อชาติอย่างเงียบๆ นั้นเหนื่อยยิ่งกว่า
ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านท้องถิ่นจะสร้างอนุสาวรีย์หรือสร้างวัดให้เขา พร้อมบันทึกเอาไว้ว่า ‘วัน X เดือน X ปี X นายโจวXX ปราบปรามวิญญาณร้ายช่วยเหลือผู้คนในทงเฉิง จนเสียชีวิตไปพร้อมกับวิญญาณร้าย’
แน่ละ แม้ว่าจะสร้างอนุสาวรีย์ให้เขาจริงๆ โจวเจ๋วก็คงจะไม่ยอมเองมากกว่า
เขาไม่ใช่สามีของหญิงหม้ายที่ต้องถือพรหมจรรย์หลังจากสามีพลีชีพไปสักหน่อย จะต้องการอนุสาวรีย์มาเพื่ออะไร
อยู่ข้างหน้านี่เอง อยู่ที่โรงเรียน!
“มีคนชอบลูกชาย แต่ก็มีคนอีกมากมายชอบลูกสาวนี่นา เมื่อก่อนแม่ของอาเคยถามว่าถ้าโตขึ้นหลังจากหาภรรยาได้แล้วอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว อาตอบไปว่าอยากได้ลูกสาว มีลูกสาวมันดีจะตาย อาจะตั้งใจทำงานและมอบทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับเธอ ให้เธอแต่งตัวสไตล์ตะวันตก กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยในมือของอา มอบความรักและความห่วงใยทั้งหมดให้เธอ แน่นอนว่าหลังจากเธอโตขึ้นแล้วถ้าสามารถอยู่เป็นโสดได้ก็ยิ่งดีเลย”
หลังจากโจวเจ๋อพล่ามคำพูดเหล่านี้ จูเซิ่งหนานก็ตกตะลึง เธอเป็นเด็กคนหนึ่ง เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เธอเคยเห็นแค่ท้องฟ้าเหนือศีรษะของตัวเอง ในครอบครัวของเธอเอง คุณพ่อ คุณแม่ และคุณย่าอยากได้ลูกชายหรือหลานชายแทบตาย เพราะเหตุนี้ถึงยอมทำทุกอย่าง และสามารถทรมานเธอได้
ประกอบกับเหล่าพวกพ้องข้างกายเธอล้วนเป็นเพราะพ่อแม่อยากได้ลูกชายไม่อยากได้ลูกสาวถึงทำแท้ง ดังนั้นพวกเธอคิดกันง่ายๆ ว่า พ่อแม่ทุกคนชอบแค่ลูกชาย ไม่ชอบลูกสาวเลย
เคล็ดวิชาฝีปากพลิ้วของโจวเจ๋อชักจูงพวกเธอได้อย่างไม่คาดคิด และสั่นคลอนความเชื่อเดิมๆ ของพวกเธอ
“แต่ว่า…แต่ว่า…”
จูเซิ่งหนานตกอยู่ในความสับสน
“แต่ว่า…ทำไมครอบครัวของหนูและครอบครัวของพวกเธอกลับทำกับพวกเราอย่างนี้ล่ะ เพราะอะไรกัน”
“ป่าไม้ออกจะกว้างใหญ่ ทำไมจะไม่มีพวกเศษสวะโผล่ออกมาบ้าง ถูกไหม”
โจวเจ๋อเม้มริมฝีปาก และตีเหล็กในตอนที่มันยังร้อนต่อไป
“ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยจากพ่อแม่ ไม่มีการปกป้องดูแลจากครอบครัว ความรู้สึกแบบนี้น่ะ อาก็เคยผ่านมันมาแล้ว อาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็กๆ เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และไม่รู้แม้แต่หน้าตาของพ่อแม่ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นอาก็ไม่เคยสัมผัสถึงการปกป้องดูแลของพ่อแม่เหมือนกัน อาเข้าใจความรู้สึกของพวกหนู จริงๆ นะ อาเข้าใจมันได้”
ขณะที่ร่างกายของจูเซิ่งหนานสั่นสะท้านอยู่หลายครั้ง โจวเจ๋อดีอกดีใจจากก้นบึ้ง สำเร็จแล้วใช่ไหม
แต่ในวินาทีต่อมา การแสดงออกทางสีหน้าของจูเซิ่งหนานยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น แม้แต่เด็กผู้หญิงข้างกายเธอก็พากันบิดเบี้ยวไปด้วย ความแค้นยิ่งใหญ่นี้แผ่ออกมาพร้อมกันจนกระทั่งมากกว่าก่อนหน้านี้ไปอีกเท่าตัว!
“เอ่อ นี่…เป็นอะไรไป”
“คุณอาเป็นเด็กกำพร้า แล้วจะคุยกับแม่เรื่องลูกสาวของคุณอาได้ยังไง”
“…” โจวเจ๋อ
………………………………………………………….
[1] แม่เฒ่าทาริกาหรือที่รู้จักในชื่อแม่เฒ่าเทียนซาน เป็นตัวละครจากเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ด้วยวรยุทธ์ที่ฝึกฝน ทำให้นางติดอยู่ในร่างเด็กสาวอายุ 7-8 ขวบ ไม่อาจเติบโตได้ อีกทั้งยังไม่สมหวังในรักกับศิษย์พี่ที่ตนหลงรัก จึงมีนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิตไม่เหมาะกับรูปร่างภายนอกที่เป็นเพียงเด็กสาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล