ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 43

ตอนที่ 43 ไม่ได้ ไม่ได้นะ!

ในฐานะศัลยแพทย์คนหนึ่ง โจวเจ๋อสามารถตรวจสอบความผิดปกติการตายของศพได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นแพทย์นิติเวชที่เรียนมาตรงสายงานพวกนั้นก็สามารถตรวจพบอย่างเห็นได้ชัด

ด้วยเหตุนี้ ในมุมมองของโจวเจ๋อ การสร้างฉากอุบัติเหตุรถชนครั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วล้มเหลวมาก กระทั่ง‘ดูไม่สมจริง’ ไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองอะไรด้วยซ้ำ

และไม่รู้ว่าคนพวกนี้ ยังมีแผนอื่นหรือวิธีอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้อุบัติเหตุครั้งนี้สมบูรณ์หรือไม่ หรือไม่ก็คือจริงๆ แล้วคนพวกนี้เป็นแค่ ‘เด็กใหม่’ เท่านั้น

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ดูเหมือนไม่อยากจะยืดเยื้อต่อไป

“จับพวกเขา จากนั้นก็ขับรถของพวกเขาไป”

คนขับรถบัสคันใหญ่มองเวลา ตอนนี้เวลาเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก

ลูกน้องสองสามคนกระโดดเข้ามา สำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ชายตัวผอมแห้งคนหนึ่งบวกกับผู้หญิงวัยรุ่นอีกสองคนไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้อย่างสิ้นเชิง

ไป๋อิงอิงหันมาแล้วมองโจวเจ๋อ นางกำลังรอคำสั่งของเขา

หมอหลินยืนอยู่ที่เดิม และมองออกว่าเธอตื่นเต้นมาก แต่เธอไม่ได้ร้องกรี๊ดและไม่ตะโกนเสียงดัง สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ถือว่าไม่ง่ายเลย

คนส่วนใหญ่ถ้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ปกติจะเป็นเด็กหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่น ก็ยังต้องคุกเข่าอ้อนวอนตะโกนว่า ‘ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น’ เกรงว่าจะเป็นเรื่องปกติมาก

“อย่าฆ่าคน” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน

“ฮ่าๆ” เจ้าของรถบัสคันใหญ่ได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา

แต่น่าเสียดาย คำนี้โจวเจ๋อไม่ได้พูดกับเขา

ไป๋อิงอิงขานรับ ‘ได้เลย’ จากนั้นก็พุ่งออกไปตรงๆ

โจวเจ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าว จับมือของหมอหลินไว้และเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร มีผมอยู่ทั้งคน”

เท้าของไป๋อิงอิงที่พุ่งไปข้างหน้า เกือบสะดุดจนเซล้ม

ข้ากำลังรบพุ่งอยู่ข้างหน้า แต่ท่านกลับมาแสดงความรักอย่างสบายใจเฉิบหรือ

น้องสาม[1]

ไม่สิ สาวใช้ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน!

หมอหลินเม้มปาก เธอพูดตำหนิตัวเอง “ขอโทษค่ะ”

เป็นเพราะเธอที่จอดรถอยากช่วยชีวิตคน ถึงทำให้ทุกคนต้องเจอเหตุการณ์ที่เสี่ยงตายเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงขอโทษ

“สมควรแล้ว ทำงานจนชิน” โจวเจ๋อหัวเราะอย่างขมขื่น คราวที่แล้วที่โรงภาพยนตร์ เขาก็พุ่งเข้าไปแบบนี้ และได้แต่พูดว่า เป็นความคุ้นชินของบางอาชีพ ที่เปลี่ยนไม่ได้จริงๆ

ศพผีสาวถูกคนอื่นอวดความรักโชว์ นางจึงใช้กำลังแรงไปหน่อยโดยไม่รู้ตัว

“แม่สาวน้อย มามะ ให้พี่กอดหน่อย”

ผู้ชายคนหนึ่งอ้าแขนออก อยากจะกอดสาวนักเรียนมัธยมปลายคนนี้

หัวหน้าไม่ได้สั่งให้พวกเขาฆ่าคนที่นี่ แต่ให้พาตัวของพวกเขาไป อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ จะยืดเยื้อยาวนานไม่ได้

ทว่ามือของเขากลับกอดความว่างเปล่า

ต่อจากนั้น แขนซ้ายของเขากลับถูกศพผีสาวจับไว้

“แกร๊ก…”

“แกร๊ก…”

“แกร๊ก…”

หมอหลินฟังจนตัวสั่น โจวเจ๋อเองก็รู้สึกแสบหูอยู่บ้าง

กระทั่งรู้สึกว่าโฆษณา ‘ขนมขบเคี้ยวยี่ห้อบักเกิลส์’ หากมาใช้เสียงประกอบของที่นี่ น่าจะดีกว่าโฆษณาที่มีอยู่ตอนนี้เลย

กรุบๆ

ผู้ชายอ้าปากกว้าง เขารู้สึกเจ็บแต่ตะโกนไม่ออก ศพผีสาวเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เตะน่องของผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งที

“กร๊อบแกร๊บ…กร๊อบแกร๊บ…กร๊อบแกร๊บ…”

มีเสียงดังกร๊อบแกร๊บอีกสามครั้ง

‘ขนมมันฝรั่งทอดตราเค่อปี้เค้อ (Capico) ก็เอาเสียงนี้ไปใส่ในโฆษณาได้’ โจวเจ๋อคิดในใจ

“ฉัน…จริงๆ เลย…”

ผู้ชายนอนขดตัวอยู่บนพื้น แขนข้างหนึ่งพังไปแล้ว ส่วนขาอีกข้างหนึ่งก็หัก ทั้งตัวเหมือนกับคางคกตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้นได้แต่โอดครวญแต่ขยับไม่ได้

โจวเจ๋อไม่เห็นใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่อนุญาตให้ศพผีสาวฆ่าคน เพราะเป็นเรื่องของโลกมนุษย์ จึงได้แต่มอบให้ตำรวจไปจัดการ เขาเชื่อว่าองค์การตุลาการของประเทศนี้ จะสามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปได้ทั้งหมด

แต่พวกคนที่อยู่ตรงหน้านี้ อย่างไรเสียก็คือคนร้ายที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น และยังคิดจะลงมือกับตัวเองอีกด้วย โจวเจ๋อก็ไม่ใช่พ่อพระที่ไหน ที่จะคิดว่าการปฏิบัติกับพวกเขาแบบนี้มันน่าสงสารมาก

สวรรค์ก็รู้ เมื่อครู่พวกเขาคิดจะทำอะไรกับพวกเขาทั้งสามคน

ถ้าหากตัวเองยังเป็นหมอในชาติก่อน ศพผีสาวก็เป็นแค่เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย แล้วใครจะมาสงสารพวกเขา

“ปัง!”

“ตึ้ง!”

“ปัง!”

ผู้ชายอีกสองคนก็ล้มลงไปแบบนี้ กระดูกก็หัก เฉกเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะไม่ถึงตายแต่ว่าพิการแน่

จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญอย่างโจวเจ๋อ ทั้งสามคนล้มลงไปบนพื้นแบบนี้ ต่อให้ไปถึงโรงพยาบาลในภายหลังครึ่งที่ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ไม่น่าจะช่วยเหลือตัวเองได้

โทรศัพท์ของเจ้าของรถบัสคันใหญ่ตกลงมากระแทกลงบนพื้น

เขากลืนน้ำลายเมื่อรู้ตัว

และรู้สึกว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องจริงอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่ได้พกสเปรย์สารเคมีมาด้วย เพราะก่อนหน้านั้นวางแผนไว้ว่าจะต้องเจอตำรวจจราจร เข้ารับการตรวจสอบและสอบปากคำกับทางตำรวจ ดังนั้นจึงไม่ได้พกสิ่งของผิดกฎหมาย

เดิมทีเขาคิดว่าถึงแม้จะมีคน ‘จิตใจดีกระตือรือร้น’ อย่างโจวเจ๋ออีกสองสามคน เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเกิดความคลาดเคลื่อนอะไรมากเกินไป

ถึงแม้จะพลาดไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงควบคุมได้

ทว่าปัญหาในตอนนี้หนักมาก เพราะผู้หญิงคนนี้เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา

“ผม…” เจ้าของรถบัสคันใหญ่ที่เพิ่งแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมเมื่อครู่ ตอนนี้กลับพูดไม่ออกสักคำ

“ปั่ก!”

ศพผีสาวยื่นมือจับเจ้าของรถบัสแล้วจับพลิกไปกับพื้นโดยตรง จากนั้นใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่คอของเขา

“เดี๋ยวก่อน” โจวเจ๋อตะโกน

ศพผีสาวหยุดและไม่ถามว่าทำไม

โจวเจ๋อเดินไปอีกข้างหน้า คุกเข่าลง ยื่นมือตบไปที่ใบหน้าที่มีหนวดเคราของเจ้าของรถบัส

จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินจำเป็น จึงเอามือถูไปมาที่ขากางเกงของศพผีสาว

ใบหน้าของไอ้หมอนี้ มีมันเยิ้มจริงๆ

“…” ศพผีสาว

“พวกคุณยังมีคนอื่นอีกไหม”

โจวเจ๋อมีสิ่งที่ต้องพิจารณาในตอนนี้ ก็คือจะจัดการหายนะที่เกิดขึ้นภายหลังทั้งหมดได้อย่างไร ตัวเขาเองไม่กลัวอะไรเท่าไร แต่เรื่องนี้ไม่อาจปิดบังได้ ถ้าหากจัดการตัวเล็กแล้วตัวใหญ่หนีไป แล้วอีกฝ่ายตั้งเป้าหมายแก้แค้นมาที่หมอหลินจะทำอย่างไร

แต่ไม่สามารถป้องกันโจรได้ร้อยวัน

ก่อนหน้านั้น โลลิต้าน้อยเคยพูดว่า เมืองหรงเฉิงมีคนที่เป็นประเภทเดียวกับตัวเอง แต่ทำเกินหน้าที่ สถาปนาตนเป็นผู้พิพากษา ดังนั้นโจวเจ๋อจึงไม่อาจเดินตามรอยเท้าของเขาได้

ถึงแม้ในเรื่องของความรู้สึก โจวเจ๋อจะมองว่าเขาเก่ง รู้สึกว่าเขายอดเยี่ยมมาก และก็มีอุดมการณ์และความฝัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล