ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 433

ตอนที่ 433 อิสระ!

คืนนี้โจวเจ๋อนอนหลับสบายเป็นพิเศษ เขาไม่ยอมรับหรอกว่าเป็นเพราะเครื่องทองคำและเพชรพลอยที่กองอยู่เต็มใต้เตียงนั่น ถูกต้อง ต้องไม่ใช่แน่ๆ คนอย่างเถ้าแก่โจวเป็นคนที่เห็นโลกมาหมดแล้ว ในฐานะศัลยแพทย์เก่งกาจในชาติที่แล้วเรียกได้ว่าตอนยังมีชีวิตก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง

เพียงตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว

โจวเจ๋อลืมตาขึ้น เมื่อเห็นไป๋อิงอิงนอนหันหลังให้ตัวเอง ก็เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา

อิงอิงดูเด็กมาก เหมือนเด็กมัธยมปลายเปี๊ยบ อย่างไรก็ตามตอนแรกที่แม่นางไป๋ถูกบัณฑิตผู้นั้นใส่ร้ายและถูกครอบครัวบังคับจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำจนตายนั้น ยังอายุน้อยมากจริงๆ

แต่ตอนนี้อาหารบำรุงร่างกายดีขึ้นแล้ว เด็กสาวมัธยมไม่ได้รูปลักษณ์เหมือนน้องสาวที่แบนราบมาตั้งนานแล้ว ส่วนที่ควรนูนก็นูนอิ่ม ที่ควรงอนก็งอนเด้ง เผยเสน่ห์ของหญิงสาวที่แท้จริงออกมาแล้ว ในขณะเดียวกันยังคงความใสซื่อของเด็กสาวเอาไว้ไม่เสื่อมคลาย เหมือนผลไม้ที่เพิ่งสุกแต่ยังคงความเขียวอยู่เล็กน้อย มีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ แต่กลับกระตุ้นต่อมรับรสของคุณได้ดียิ่งขึ้น

สายตาของโจวเจ๋อเลื่อนต่ำลงมา ชุดนอนของอิงอิงทำมาจากผ้าแพรโปร่ง สามารถมองเห็นเลือนรางและสวยงามอย่างหนึ่ง

ในเวลานี้โจวเจ๋อกลับไม่มีความคิดบ้ากามหรือคิดเพ้อเจ้อใดๆ เพียงแค่รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างกายเขาเป็นเครื่องลายครามประณีตงดงามที่สุดชิ้นหนึ่ง เช่นเดียวกับผักกาดขาวหยกที่วางอยู่ใต้เตียงของเขา

อืม ทำไมฉันถึงนึกถึงผักกาดขาวหยกไปได้นะ

หลังจากตื่นนอน ลงไปชั้นล่าง โจวเจ๋อก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ แล้วมานั่งตรงโซฟาตรงจุดที่เขาชอบตามความเคยชิน

“เฮ้ อาเจ๋อ หลินเข่อกลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว เธอโบกรถกลับไปเองน่ะ”

สวี่ชิงหล่างตื่นนานแล้ว ขณะนี้กำลังนั่งวาดยันต์อยู่บนเคาน์เตอร์ ถ้าว่ากันตามคำพูดของเขาละก็ ช่วงเช้าตรู่ของทุกวันเป็นช่วงเวลาที่คนเรามีพลังมากที่สุด การวาดยันต์ในเวลานี้จะมีสมาธิมากกว่า และสามารถวาดยันต์คุณภาพดียิ่งขึ้นออกมาได้

“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า

สาวน้อยโลลิไปแล้ว เมื่อวานทนายอันออกไปสืบเรื่องเงาดำยังไม่กลับมา นักพรตเฒ่ายังอยู่ในคุก ตอนนี้ร้านหนังสือจึงดูโล่งมากทีเดียว

ทุกวันนี้ถ้าโจวเจ๋อตื่น อิงอิงก็ตื่นตามด้วย ก่อนจะนำกาแฟกับหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ที่รีดแล้วมาเสิร์ฟ

ไม่ว่าข้างนอกจะมีลมพายุฟ้าฝนคะนองแค่ไหน จังหวะและวิถีชีวิตของร้านหนังสือในช่วงช้าก็มักจะไม่ถูกสั่นคลอน

โจวเจ๋อเพลิดเพลินกับความรู้สึกแบบนี้มาก ดูเหมือนว่ามีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถทำให้คนเรามีสติและเข้าใจ

กระจ่างชัดว่า ‘อ๋อ ที่แท้ยังมีชีวิตอยู่สินะ’

แต่ไม่นานนัก โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกก็ดังขึ้นมา

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้รับสายแต่อย่างใด

พักหนึ่งโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก โจวเจ๋อยังคงขมวดคิ้วต่อไป และยังไม่รับสายอยู่ดี

รอจนโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม อิงอิงที่กำลังทำความสะอาดอยู่ด้านข้างก็เดินตรงเข้ามาตัดสายโทรศัพท์ และปิดเครื่องไปเลย

ทั้งนายและบ่าวสองคนใจตรงกัน

สวี่ชิงหล่างบิดขี้เกียจ ดูเหมือนว่ายันต์เพิ่งจะเสร็จสมบูรณ์ กำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุขของความสำเร็จ เขาหยิบยันต์ขึ้นมาโบกให้กับโจวเจ๋อและพูดว่า “ยันต์สายฟ้า ผมวาดมันได้แล้ว”

“มีพลัง 100,000 โวลต์ร้ายกาจเท่าของปิกาจูหรือเปล่า”

“…” สวี่ชิงหล่าง

“ยันต์แผ่นนั้นที่นายวาดให้นักพรตเฒ่าคราวก่อนเรียกว่า ‘มังกรวารี’ สินะ เกือบจะฆ่านักพรตเฒ่าไปแล้ว”

“นั่นมันเป็นความผิดพลาด ยันต์คราวนี้เป็นยันต์ธาตุสายฟ้า บวกกับดาบเหรียญทองแดงของผม ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผีดิบตัวต่อตัวก็ไม่หวั่นเกรง”

“อิงอิงได้ยินหรือเปล่า เร็วเข้า จัดการเขาสักยกสิ”

“…” สวี่ชิงหล่าง

อิงอิงเหลือบมองสวี่ชิงหล่าง เธอรู้ว่าเถ้าแก่ของเธอล้อเล่น และไม่ได้ให้เข้าไปจัดการจริงๆ

“เหล่าโจวผมว่านะ ผมกำลังคิดว่าจะตั้งชื่อยันต์นี้ว่าอะไรดีน่ะ” ตอนนี้สวี่ชิงหล่างเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ และชอบเอามากๆ

อันที่จริง โจวเจ๋อค่อนข้างคาดหวังในตัวเขาเช่นกัน หากสวี่ชิงหล่างสามารถเติบโตไปถึงระดับเดียวกับอาจารย์โรคจิตคนนั้นของเขาได้จริงก็คงจะแกร่งกล้าสามารถแน่ๆ

ตราบใดที่เขาไม่เรียกเจ้าจิตสำนึกนั่นออกมา ก็แทบจะไม่มีทางแก้ได้

“ชื่อเหรอ ใช้ชื่อว่า…”

“ช่างเถอะ ผมคงเสียสติไปแล้วแน่ๆ ดันมาขอให้คุณช่วยผมตั้งชื่อ” สวี่ชิงหล่างโบกมือปัด บ่งบอกว่าตัวเองไม่ต้องการแล้ว

“เฮ้ย หรือนายคิดว่ายังไง”

“กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล ถูหลัง อาบน้ำ แล้วก็เข้านอน ชื่อแบบนี้อีกหน่อยผมคงไม่กล้าใช้ยันต์นี้แน่”

“แล้วนายอยากได้ชื่อประเภทไหนล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“บ้าพลังหน่อยๆ น่ะ”

“ฉันก็นึกว่านายต้องการอะไรที่มันนุ่มนวลกว่านี้” โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปข้างเคาน์เตอร์ และหยิบยันต์ที่ สวี่ชิงหล่างเพิ่งวาดเสร็จแผ่นนั้นขึ้นมา

“บ้าพลัง ชื่อที่ดูฮึกเหิมเหรอ”

“ถูกต้อง”

“ฉันมีนะ”

สวี่ชิงหล่างชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ไหนคุณลองว่ามาซิ”

โจวเจ๋อถือยันต์ไว้ในมือ เขารู้สึกได้ถึงสายฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ในยันต์ แต่ตราบใดที่ยังไม่ถูกกระตุ้นมันก็จะไม่เกิดผล ทันใดนั้นเขาก็คลี่ยันต์ในมือออกมาและเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“ชาติเกรียงไกร!”

“…” สวี่ชิงหล่าง

“ประชาธิปไตย!”

“…” สวี่ชิงหล่าง

“อารยธรรม!”

“ปรองดอง!” สวี่ชิงหล่าง

“อ้าว แย่งตอบเป็นด้วยเหรอเนี่ย” โจวเจ๋อยิ้มพูด

ส่วนสวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางทำสีหน้า ‘คุณแม่งล้อผมเล่นป้ะ’

“นี่ ชื่อนี้มันดีออก นายลองคิดดูนะ อีกหน่อยเมื่อนายเจอกับสัตว์ปีศาจหรือภูตผีวิญญาณแล้วหยิบยันต์พร้อมตะโกนเสียงดัง ‘ชาติเกรียงไกร’ ฟึ่บ โยนยันต์ออกไปหนึ่งใบ แล้วตะโกน ‘ประชาธิปไตย’ อีกครั้ง ฟึ่บ พร้อมกับโยนยันต์ออกไปอีกใบ มีเอกลักษณ์จะตายไป ภูตผีปีศาจต่างพากันหวาดกลัวสโลแกนของนายแน่ๆ”

“เหอะๆๆ” สวี่ชิงหล่างหัวเราะฝืนๆ จากนั้นเอื้อมมือออกไปพลางพูดขึ้น

“คืนยันต์ผมมาเลยนะ ผมจะให้คุณลองกินยันต์ ‘ปรองดอง’ ก่อนเลยแล้วกัน”

ในเวลานี้เอง ด้านนอกมีรถเก๋งสีดำแล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าร้านหนังสือ ประตูรถถูกเปิดออก หวังเคอที่มีกลิ่นอายบุรุษในชุดลำลองสบายๆ ก้าวลงมา

หวังเคอมักจะให้ความรู้สึกที่ลุ่มลึกแก่ผู้คนเสมอ คล้ายกับอู๋ซิ่วป๋อบนหน้าจอนิดหน่อย แต่ประสบการณ์ชีวิตของหวังเคอนั้นย่อมล้มลุกคลุกคลานกว่าอู๋ซิ่วป๋อแน่นอน

โจวเจ๋อคิดมาโดยตลอดว่าชื่อของหวังเคอมันไม่เป็นมงคล หวังเคอ คุณไม่ล้มลุกคลุกคลาน[1]แล้วใครจะคลุกคลาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล