ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 432

ตอนที่ 432 อิงอิงที่แสนน่ารัก

หายนะลูกใหญ่ถูกขจัดหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าลูกคลื่นจะก่อตัวมากมาย แม้กระทั่งการสืบหาเบื้องหลังของเงาทั้งสองนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรก็จัดการมันไปแล้ว

ทุกคนในร้านหนังสือต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าบรรยากาศในร้านหนังสือจะเปลี่ยนไปหลังจากการมาถึงของทนายอัน ทุกคนทำงานหนักมากกว่าเดิมไม่น้อยเลย ยกเว้นปลาเค็มตัวบักเอ้กที่ยังนอนอาบแดดอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่บรรยากาศโดยรวมของร้านหนังสือยังคงแนวคิดสุกเอาเผากินพอให้ผ่านไปวันๆ เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนถึงแก่นแท้

เมื่อคลื่นซัดมา ทุกคนทรงตัวมั่นคงและหลบเลี่ยงมันไป ต่อไปก็กอดท่อนไม้ผุพังลอยคอไปด้วยกันอย่างมีความสุขกันเถอะ!

แต่ที่ต่างจากบรรยากาศผ่อนคลายของคนรอบข้างอย่างเห็นได้ชัดก็คือ เหล่าจางที่ในเวลานี้มีความรู้สึก ‘สับสนปนเปอยู่ท่ามกลางสายลม’

จูเซิ่งหนานตายแล้วเหรอ แม้แต่เด็กผู้หญิงคนเดียวที่รอดชีวิตในคดีสังหารหมู่ยกครัวก็เสียชีวิตแล้วงั้นเหรอ แล้วคดีนี้จะสืบต่อไปยังไงล่ะ อีกอย่าง เด็กผู้หญิงถูกนำส่งไปที่ร้านขายยานี่นา

“เอางี้ ไม่ต้องแจ้งการเสียชีวิต แจ้งว่าหายตัวไปก่อน แล้วบอกว่าเด็กอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ และหนีออกจากร้านขายยาไป”

ทนายอันให้คำแนะนำแก่เหล่าจาง ถึงอย่างไรเรื่องนี้จะลากมาเกี่ยวข้องกับร้านหนังสือไม่ได้เด็ดขาด อย่างมากก็ให้ถึงแค่ที่ร้านขายยาเท่านั้น

เหล่าจางพยักหน้า ตอนนี้ทำได้แค่วิธีนี้เท่านั้น คดีใดๆ ก็ตามที่เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะต้องแกล้งโง่เพื่อตบตา เหล่าจางไม่อยากหลอกลวงก็ทำไม่ได้ อีกทั้งเขาก็รู้ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เถ้าแก่ของเขารวมถึงทุกคนในร้านหนังสือล้วนเป็นผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในทงเฉิง จัดการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังได้ดี เขาทำได้เพียงจำต้องยอมรับเท่านั้น

“ตอนนี้ทิศทางของการสืบสวนคดีคือพ่อของจูเซิ่งหนานฆ่าคนแล้วค่อยฆ่าตัวตาย กะว่าจะถือโอกาสตามน้ำไปในแนวนี้แหละ” เหล่าจางนั่งลงและถอนหายใจ

“แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว พวกเราเป็นวีรบุรุษปิดทองหลังพระ ประกาศนียบัตรเกียรติคุณและดอกไม้สีแดงช่อใหญ่อะไร ไม่เอาหรอก ถึงอย่างไรพวกเราต่างก็เป็นคนที่หลุดพ้นจากรสนิยมระดับต่ำสุดแบบนั้นแล้ว”

ทนายอันยื่นกาแฟ ‘แก้วบิ๊กเบิ้ม’ ตรงหน้าตัวเองให้เหล่าจาง

เหล่าจางหยิบขึ้นมาจิบและเกือบจะพ่นออกมา แต่ก็ยังกลืนมันลงไปด้วยความยากลำบาก

กาแฟนี่รสชาติมันปะแล่มๆ นะ

“จริงสิ ยังมีเรื่องที่ต้องบอกพวกคุณอีก” เหล่าจางครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ยังปวดหัวอยู่เล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น “แต่ตอนนี้ยุ่งอยู่กับเรื่องของจูเซิ่งหนาน ผมเลยลืมไปเสียสนิท”

“เรื่องใหญ่ไหม” โจวเจ๋อถาม

“เท่าที่จำได้มันเป็นเรื่องเล็กๆ นะ”

“งั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้วละ” ทนายอันบิดขี้เกียจ “ทุกคนไปอาบน้ำนอนกันเถอะ”

“อืม ผมกลับไปที่สถานีก่อนนะ ผมยังต้องจับตามองคดีทางนั้นอยู่น่ะ”

“ไปสิ ไปเถอะ” ทนายอันส่งเหล่าจางออกจากประตูแล้ว เขาก็ยืนโบกไม้โบกมือให้โจวเจ๋ออยู่ด้านนอก บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาจะไปสืบสวนเรื่องของเงาทั้งสองแล้ว

โจวเจ๋อพยักหน้าให้เขา บ่งบอกว่าเขาทราบแล้ว

“เถ้าแก่ อาบน้ำไหมเจ้าคะ” ไป๋อิงอิงมองโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ขณะที่เขาถอดเสื้อผ้าและเปิดฝักบัว ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ไป๋อิงอิงเข้ามาพร้อมกับถือเสื้อผ้าสะอาดของโจวเจ๋ออยู่ในมือ แล้ววางเสื้อผ้าไว้บนราว จากนั้นเก็บเสื้อผ้าที่โจวเจ๋อเพิ่งถอดออกไปเมื่อครู่ เตรียมเอาไปซัก

โจวเจ๋ออาบน้ำต่อ การเข้ามาของไป๋อิงอิงไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาไม่สะดวกอาบน้ำเอง ไป๋อิงอิงก็เป็นคนช่วยอาบน้ำให้เขาเอง มาถึงตอนนี้แล้วไม่จำเป็นต้องกระมิดกระเมี้ยนอีก

“อ้าว เถ้าแก่ เสื้อของท่านขาดตรงนี้เจ้าค่ะ” ไป๋อิงอิงชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตแล้วพูดขึ้น

“อ๋อ ขาดตอนสู้น่ะ”

อิงอิงเป็นคนซื้อเสื้อให้โจวเจ๋อทั้งหมด ปกติแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าเลย ถึงอย่างไรเมื่อเปลี่ยนฤดูกาลแล้วเสื้อผ้าก็จะถูกจัดเตรียมไว้ให้เสมอ แถมเขายังพอใจกับขนาดและสไตล์อีกด้วย

สวี่ชิงหล่างไม่พอใจในเรื่องนี้มาก ในฐานะชายหนุ่มที่มีห้องชุดยี่สิบกว่าห้อง เขาพบว่าเสื้อผ้าและรองเท้าที่ตัวเองสวมใส่นั้นมีราคาไม่กี่ร้อย แต่ผู้ชายที่เปิดร้านหนังสือขาดทุนๆ ที่นอกจากอาบแดดแล้วอาบแดดอีกทั้งวี่ทั้งวันคนนั้น กลับสวมเสื้อผ้าราคาไม่ต่ำกว่าห้าพัน มีสิทธิ์อะไรกัน!

แต่โจวเจ๋อกลับไม่รู้เรื่องนี้เลย เขาไม่รู้ว่าไป๋อิงอิงซื้อเสื้อผ้าราคาแพงหูฉี่ขนาดนี้ให้ตัวเองมาโดยตลอด ชาติที่แล้วโจวเจ๋อก็ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังอะไร โดยพื้นฐานแล้วไม่รู้จักแบรนด์เสื้อผ้าหรูหราเหล่านี้เลย ถึงอย่างไรก็แค่รับต่อมาจากมืออิงอิงแล้วก็เอามาสวมเท่านั้น

“เย็บซะหน่อยแล้วกัน” โจวเจ๋อเหลือบมองเสื้อตัวนั้น “รูเล็กๆ คงไม่มีปัญหามั้ง”

“ไม่เอา อิงอิงจะซื้อตัวใหม่ให้เถ้าแก่เจ้าค่ะ!” อิงอิงยืนกราน

“ไม่เป็นไรหรอก คุณเย็บผ้าเป็นใช่ไหม”

“มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเย็บผ้าเป็นหรือไม่ ผู้ชายใส่เสื้อที่ถูกซ่อมปะออกไป คนอื่นจะคิดยังไงกับครอบครัวของเราเจ้าคะ”

“ได้ๆๆ ตามใจคุณเลยแล้วกัน” โจวเจ๋อไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย และถูเจลอาบน้ำให้ตัวเอง

ไป๋อิงอิงเดินมาช่วยถูหลังให้โจวเจ๋ออย่างคุ้นเคย โจวเจ๋อปิดฝักบัว กลัวว่าเสื้อผ้าบนตัวเธอจะเปียกปอน

มือเล็กๆ เนียนนุ่มลูบไล้ไปมาบนหลังของเขาไม่หยุด ความรู้สึกนี้ช่างถูกใจเขานัก

“เอาละ เดี๋ยวผมอาบต่อเองแล้วกัน”

“งั้นข้าออกไปนะเจ้าคะ”

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะหายไป

โจวเจ๋อเห็นสาวน้อยโลลิยังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงนั้น เปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ กำลังนั่งทำการบ้าน

“ตั้งใจขนาดนี้เลยเหรอ”

สาวน้อยโลลิพยักหน้า

“ถ้าคุณตั้งใจขนาดนี้ละก็ บางทีชาตินี้อาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้นะ”

สาวน้อยโลลิจับปากกาและยางลบ เหลือบมองโจวเจ๋อแวบหนึ่งโดยไม่ได้สนใจมาก

“ลองเอาโรงเรียนที่เราเคยเรียนเมื่อชาติที่แล้วมาเทียบดูว่าโรงเรียนไหนอันดับสูงกว่ากันดีไหม ตอนที่เจ๊ยักยอกทรัพย์สินของรัฐในตอนแรกน่ะ ถ้าไม่มีวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดีๆ มาสนับสนุนจะเลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ ตำแหน่งไม่สูงจะยักยอกทรัพย์สินของรัฐได้หรือไง เจ้าเคยได้ยินเรื่องคนงานทั่วไปขายทรัพย์สินของรัฐเหรอ”

“ก็ได้ ถ้าชาตินี้คุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาไม่ได้ ถึงเวลานั้นผมจะหักขาคุณ”

สาวน้อยโลลิชู ‘นิ้วกลาง’ ใส่โจวเจ๋อ

“จริงสิ เถ้าแก่ พรุ่งนี้ข้าจะเปิดเทอมแล้ว จะกลับไปอยู่บ้านสักระยะหนึ่งนะ”

“โอเค คุณก็ควรปล่อยให้เธอออกมา ให้เธออยู่กับหวังเคอบ้างสิ”

สาวน้อยโลลิเอื้อมมือไปเสยผมของตัวเอง เอ่ยขึ้นแฝงขึ้นมาความดูถูก “บางทีเขาอาจจะคิดถึงข้าก็ได้นะ”

โจวเจ๋อยืนตัวตรงและพูดกับสาวน้อยโลลิอย่างจริงจัง “คุณอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ”

สาวน้อยโลลิชูนิ้วกลางใส่โจวเจ๋ออีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล